ดอยโป่งกา

Rating: 4.5/5 (4 votes)

วันเปิดทำการ: โดยทั่วไปทุกวัน (แนะนำเดินช่วงเช้า–เที่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงหมอกหนา/ฝนบ่าย และเผื่อเวลากลับลงก่อนมืด)

เวลาเปิดทำการ: โดยทั่วไป 06:00 – 17:30 น. (ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงเดินช่วงฝนตก/หลังฝนตกใหม่ ๆ เพราะทางอาจลื่น)

 

ดอยโป่งกา เป็นดอยหรือภูเขาที่ชาวบ้านขุนแม่รวมให้ความเคารพนับถือและถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะในแต่ละปีชาวบ้านจะขึ้นไปบนยอดดอยทำพิธีสวดมนต์เพื่อขอให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล เป็นความเชื่อที่ผูกกับการทำกินและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติของคนในพื้นที่อย่างแนบแน่น ความหมายของดอยจึงไม่ใช่แค่ “จุดชมวิว” แต่เป็นเหมือนพื้นที่รวมใจของชุมชนที่ทำหน้าที่ทั้งทางจิตวิญญาณและทางสังคมในเวลาเดียวกัน

 

เส้นทางของดอยโป่งกามีความชันมาก และนี่คือเหตุผลที่ทำให้การขึ้นยอดดอยให้ความรู้สึกเป็น “การเดินทาง” มากกว่าการไปถ่ายรูปแล้วกลับ ระยะทางจากหมู่บ้านไปสู่ยอดดอยประมาณ 2.5 กิโลเมตร ต้องเดินขึ้นไป โดยชาวบ้านได้มีการปรับปรุงทางขึ้นเป็นขั้นบันไดในบางช่วงเพื่อช่วยเรื่องความปลอดภัยและลดการพังทลายของดิน และในแต่ละปีจะมีการขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งตามวาระของชุมชน ซึ่งสะท้อนว่าดอยนี้ยังถูกใช้งานจริง ไม่ใช่พื้นที่ร้างที่มีแค่ชื่อในแผนที่

 

เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอย สิ่งที่หลายคนชอบคือมุมมองแบบเปิดโล่งที่ทำให้เห็นหมู่บ้านใกล้เคียงได้หลายจุดในสายตาเดียว เช่น บ้านป่ากล้วย บ้านปางเกี๊ยะ บ้านห้วยขี้เปอะ บ้านขุนแม่หยอด บ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก และบ้านห้วยผา ตำบลแม่นาจร วิวลักษณะนี้ทำให้การยืนบนยอดดอยมีความหมายมากกว่าความสวย เพราะมันทำให้เราเห็นภูมิประเทศของการตั้งถิ่นฐาน เห็นว่า “ชุมชนอยู่กับภูเขาอย่างไร” และเห็นระยะห่างระหว่างกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่ชื่อหมู่บ้านบนกระดาษ

 

อีกจุดเด่นที่ทำให้ดอยโป่งกาถูกพูดถึงในช่วงหน้าหนาวคือบนยอดดอยมีกุหลาบพันปี ซึ่งจะออกดอกในช่วงฤดูหนาวหรือประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี สีและฟอร์มของดอกบนฉากหลังเป็นสันเขาและท้องฟ้า ทำให้ช่วงนี้เหมาะกับคนรักธรรมชาติและสายถ่ายภาพเป็นพิเศษ แต่เพราะเป็นฤดูที่อากาศเปลี่ยนเร็ว จึงควรเตรียมเสื้อกันลม/กันหนาว น้ำดื่มให้พอ และรองเท้าที่เกาะพื้นดี เพื่อให้เดินขึ้น–ลงได้อย่างปลอดภัย

 

แก่นของดอยโป่งกาอยู่ที่ “ความศักดิ์สิทธิ์ที่ยังมีชีวิต” ดังนั้นถ้ามาเยือนในวันที่ชุมชนมีพิธีสวดมนต์หรือมีการรวมตัวตามวาระ แนะนำให้เคารพพื้นที่ ลดเสียงดัง ไม่เปิดเพลง ไม่ทิ้งขยะ และขออนุญาตก่อนถ่ายภาพบุคคลหรือพิธีกรรม หากตั้งใจมาร่วมเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมจริง ๆ การพูดคุยแบบสุภาพและฟังเรื่องเล่าจากคนพื้นที่จะทำให้เราเข้าใจว่าพิธีขอฝนไม่ใช่พิธี “แปลกตา” แต่เป็นความพยายามของคนที่อยู่กับภูเขาและฤดูกาลมาเป็นเวลานาน

 

การเดินทาง โดยระยะทางในการไปสู่ดอยโป่งกาจากหมู่บ้านประมาณ 2.5 กิโลเมตร แต่ต้องเดินขึ้นไป โดยชาวบ้านได้มีการปรับปรุงทางขึ้นเป็นขั้นบันไดในบางช่วง แนะนำเริ่มเดินช่วงเช้า เผื่อเวลาแวะพัก และกลับลงก่อนมืด หากไปช่วงหน้าหนาวควรเผื่อเวลาเรื่องหมอกและอากาศเย็นจัดบนยอดดอย

 

 

ตอบ: เป็นดอยที่ชุมชนบ้านขุนแม่รวมให้ความเคารพนับถือ และใช้เป็นพื้นที่ทำพิธีสวดมนต์ขอให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล พร้อมทั้งเป็นจุดชมวิวหมู่บ้านรอบ ๆ จากยอดดอย

 

ตอบ: ระยะทางจากหมู่บ้านไปยอดดอยประมาณ 2.5 กิโลเมตร แต่ทางชันมาก ควรเผื่อเวลาและพักเป็นช่วง ๆ

 

ตอบ: โดยมากช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศของแต่ละปี

 

ตอบ: ระวังทางชันและลื่น โดยเฉพาะหลังฝนตก เตรียมน้ำดื่ม รองเท้าเกาะพื้นดี และหลีกเลี่ยงเดินช่วงเย็นจนมืด

 

ตอบ: เคารพพื้นที่ ลดเสียงดัง ขออนุญาตก่อนถ่ายภาพบุคคลหรือพิธีกรรม และช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งขยะไว้ในเส้นทาง