อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอมะขามและอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ถือเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของภาคตะวันออกของประเทศไทย เพราะเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรีและเป็นแหล่งความหลากหลายทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ของอุทยานฯ ประกอบด้วยป่าหลากหลายประเภท ทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ ซึ่งทำให้มีพันธุ์พืชและสัตว์ป่าที่หลากหลาย โดยเฉพาะสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้หายาก เช่น ไม้กฤษณา และสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้อย่างหนาแน่น อาทิ กระทิง เสือ หมี กวาง เก้ง เลียงผา รวมทั้งนกชนิดต่าง ๆ ตามลำห้วยยังพบปลาพลวง ปลาก้าง ปลาหนวด และปลาดุกรำพันอีกด้วย

 

หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมในอุทยานฯ คือ น้ำตกกระทิง น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมด 13 ชั้น เกิดจากต้นน้ำในเทือกเขาคิชฌกูฏ ใช้เวลาเดินขึ้นลงประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ละชั้นห่างกันราว 20 เมตร โดยชั้นที่ 8 และ 9 ถือว่าสวยงามที่สุด ระหว่างทางเดินจะได้พบกับป่าไผ่และพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดที่งดงาม นอกจากนี้บริเวณล่างของน้ำตกยังมีชายหาดขนาดใหญ่ริมธารน้ำตก ซึ่งเกิดจากทรายที่น้ำป่าพัดลงมาในปี 2542 ทำให้เกิดพื้นที่พักผ่อนและเล่นน้ำที่สวยงาม ลำธารชั้นล่างอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 100 เมตร

 

ยอดเขาพระบาทเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏ การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวง ผ่านถนนลูกรังที่ลาดชันและคดเคี้ยวระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร มีจุดพักระหว่างทางสำหรับสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาทหลวง หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี รวมถึงหินรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดใหญ่ ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับตำนานทางพระพุทธศาสนา หากนักท่องเที่ยวต้องการเดินต่อไปยังเขตผ้าแดง ซึ่งถือเป็นเขตสิ้นสุดของเส้นทางเดินเท้า จะต้องเดินขึ้นเขาต่อ

 

จากลานพระบาทเดินต่อไปอีก 800 เมตรบนยอดเขาพระบาท นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอากาศเย็นสบาย พร้อมชมทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน ในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงวันมาฆบูชา นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและกลางคืน สำหรับผู้สูงอายุมีบริการไม้เท้าให้เช่าในราคาอันละ 5 บาท และบริการแคร่แบกหามในราคาเที่ยวละ 400 บาท

 

การเดินทาง ไปอุทยานฯ จากตัวอำเภอเมืองจันทบุรีสามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3249 ผ่านแยกเขาไร่ยา ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตรไปยังทางขึ้นเขาพระบาทพลวง ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นยอดเขาแบบคนละจุดกับที่ทำการอุทยานฯ เมื่อถึงวัดพระบาทพลวง นักท่องเที่ยวต้องจอดรถส่วนตัวไว้ มีลานจอดรถไว้บริการ จากนั้นสามารถใช้บริการรถสองแถวขึ้นเขาพระบาทจากวัดพลวงไปยังจุดเริ่มต้นการเดินเท้าไปยังรอยพระบาท รถแบ่งเป็นสองช่วง ค่าโดยสารช่วงละ 50 บาทต่อคน รวมไป-กลับ 200 บาท มีรถให้บริการตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 

น้ำตกคลองช้างเซ ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นจากหน่วยพิทักษ์อุทยาน เดินเป็นวงกลมและวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 4 กิโลเมตร และมีป้ายบรรยายธรรมชาติระหว่างทาง

 

นอกจากนี้ อุทยานฯ ยังมีน้ำตกคลองไพบูลย์และน้ำตกคลองกระสือ ซึ่งเป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ คก. 2 ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 8 กิโลเมตร มีลานกางเต็นท์ไว้บริการ

 

ค่าเข้าอุทยานฯ สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

 

สำหรับที่พัก นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการบ้านพักของอุทยานฯ จำนวน 6 หลัง รองรับผู้เข้าพัก 2-8 คน หรือเช่าเต็นท์พักได้ 3-6 คน และหากนำเต็นท์มาเองมีค่าพื้นที่กางเต็นท์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ โทร. 0 3945 2074 หรือที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 รวมถึงเว็บไซต์ www.dnp.go.th

 

สำหรับการเดินทางมายังอุทยานฯ นักท่องเที่ยวสามารถใช้ถนนสุขุมวิท เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยาให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือสามารถนั่งรถสองแถวสีฟ้าสายจันทบุรี-จันทเขลม ขึ้นรถได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ท่าแฉลบ ซึ่งสะดวกและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีรถส่วนตัว

 

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ยังเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศ ป่าต้นน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งแหล่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทางศาสนาที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจการผจญภัยในป่า เข้าถึงธรรมชาติ และการศึกษาประวัติศาสตร์และตำนานของท้องถิ่น ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญและต้องมาเยือนสำหรับผู้ที่เดินทางมาจังหวัดจันทบุรี