
วัดพระธาตุศรีษะเกษ

Rating: 4/5 (4 votes)




สถานที่ท่องเที่ยวน่าน
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
วัดพระธาตุศรีษะเกษ ต. ศรีษะเกษ อ. นาน้อย จ. น่าน วัดพระธาตุศรีษะเกษ หนึ่งในปูชนียสถานสำคัญของชาวอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เป็นสถานที่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และเปี่ยมด้วยศรัทธาของชาวบ้านที่ยังคงสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดระบุปีที่สร้างวัด แต่จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนต่างก็ยืนยันว่า วัดแห่งนี้มีความเก่าแก่และเกี่ยวข้องกับชาวม่าน (พม่า) ที่เคยเข้ามาสร้างองค์พระธาตุในพื้นที่
เดิมที วัดพระธาตุศรีษะเกษตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแหง บริเวณแขวงเมืองศรีษะเกษ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านก่อมก้อ ในพื้นที่วัดเดิมนั้นมีสถูป พระวิหาร พระประธานหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์หน้าตักกว้างถึง 4 ศอก และมีที่พักสำหรับพระภิกษุสามเณร แต่เหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ได้ทำให้วัดและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดถูกน้ำพัดพังทลายและจมหาย ชาวบ้านแม้จะช่วยกันค้นหาพระประธานและวัตถุโบราณต่าง ๆ แต่ก็ไม่พบ นอกจากซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่เป็นหลักฐานเพียงเล็กน้อย
ด้วยจิตศรัทธาอันแรงกล้า ชาวบ้านจึงได้สร้างวัดใหม่ขึ้นห่างจากที่เดิมไปทางทิศตะวันออก โดยมีการสร้างพระประธานด้วยอิฐปูน หน้าตักกว้าง 4 ศอก พร้อมทั้งสร้างรั้วไม้โดยใช้ไม้ไผ่เจาะรูสอดกับไม้เนื้อแข็ง เรียกว่า “ประตูบ่อง” เพื่อป้องกันวัวควายไม่ให้เข้ามารบกวนภายในวัด ต่อมา วัดแห่งนี้ก็ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติอีกครั้ง เมื่อเกิดอุทกภัยใหญ่จนแม่น้ำเปลี่ยนทิศทางเข้ากัดเซาะวัดจนพระอุโบสถและพระประธานพังทลายลงในแม่น้ำ
ชาวบ้านจึงตัดสินใจรื้อสถูปและเก็บวัตถุโบราณ รวมทั้งไหบรรจุพระบรมธาตุและลูกแก้วมีค่า ขึ้นไปเก็บรักษาไว้บนภูเขาในบริเวณหมู่บ้านศรีษะเกษ จากนั้นผู้คนจำนวนหนึ่งก็อพยพไปตั้งรกรากในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
ต่อมา หลวงพ่อเพ็ง หรือ พระสุยะสาทโร ได้พาชาวบ้านจำนวนหนึ่งกลับมาสร้างบ้านเรือนและวัดขึ้นใหม่บนเชิงเขา โดยยังคงใช้ชื่อเดิมว่า “วัดพระธาตุศรีษะเกษ” เพื่อสืบสานความศรัทธาเดิม หลังจากการสร้างวัดเสร็จสิ้น หลวงพ่อเพ็งจึงได้เปิดไหที่เก็บรักษาไว้ พบพระบรมธาตุสีขาวขนาดเท่านิ้วก้อย ลักษณะคล้ายเบี้ยจั่น พร้อมด้วยลูกแก้ว 7 ลูก สีต่าง ๆ ได้แก่ แก้วมหานิล (สีดำ), แก้วเขียวหัวเป็ด (สีเขียว), แก้วก้อ (สีแดงก่ำ), หมอกมุงเมือง (สีขาวหม่น), สีขาวใส และสีเหลืองอีก 2 ลูก โดยเฉพาะแก้วเขียวที่เมื่อห่อด้วยสำลีจะเปล่งแสงรัศมีสีเขียวอย่างน่าอัศจรรย์
พระบรมธาตุดังกล่าว สันนิษฐานว่าเป็นพระบรมธาตุของพระอรหันต์กัจจายนะ มีลักษณะพิเศษตามคติความเชื่อของชาวล้านนา เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2480 หลวงพ่อเพ็งและชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่เพื่อประดิษฐานพระบรมธาตุ โดยมีนายวงศ์ โนรินทร์ ช่างฝีมือจากตำบลเมืองลีเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ปีจึงแล้วเสร็จ
องค์พระธาตุศรีษะเกษในปัจจุบันจึงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนาน้อยให้ความเคารพนับถือ หากยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังศรัทธา ความร่วมแรงร่วมใจ และความมุ่งมั่นของชุมชนในการรักษาและฟื้นฟูวัดอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า สมควรแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและสักการะต่อไป




แสดงความเห็น
คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|