บ้านเมืองก๊ะ

Rating: 2.6/5 (25 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน (แนะนำ “นัดหมาย/แจ้งล่วงหน้า” หากต้องการเข้าชมเชิงชุมชนหรืออยากเรียนรู้พิธีความเชื่อ เพื่อให้ชุมชนจัดเวลาต้อนรับได้เหมาะสม)
เวลาเปิดทำการ: แนะนำ 08.00–17.00 น. (เหมาะกับการเดินทางเข้า–ออกก่อนฟ้ามืด และไม่รบกวนวิถีชีวิตยามค่ำของชุมชน)
ชุมชนบ้านเมืองก๊ะ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชุมชนชาวลัวะที่คนในพื้นที่ผูกเรื่องเล่าตัวเองไว้กับ “ตำนาน” และ “ภูมิประเทศ” อย่างแน่นแฟ้น จนทำให้การมาเยือนไม่ใช่แค่การมองวิวภูเขาหรือขับรถผ่านหมู่บ้านบนทางคดเคี้ยว แต่คือการเดินเข้าไปในโลกความหมายที่คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าสร้างไว้ร่วมกัน บ้านเมืองก๊ะมีพลังของความเป็น “บ้านแปงเมือง” คือการตั้งถิ่นฐานและยืนหยัดอยู่บนพื้นที่เดิม แม้จะผ่านช่วงเวลาที่ชุมชนบอบช้ำอย่างหนักในความทรงจำของคนเฒ่าคนแก่
เรื่องเล่าหลักที่คนจำนวนมากจดจำเกี่ยวกับบ้านเมืองก๊ะ คือความเป็นชุมชนลัวะตั้งแต่ยุคขุนหลวงวิรังคะ ซึ่งถูกเล่าว่าเป็นยุคเดียวกับพระนางจามเทวีแห่งหริภุญชัย ในแกนเรื่องนี้ “ขุนหลวงวิรังคะ” ไม่ได้เป็นแค่ชื่อบุคคลในตำนาน แต่เป็นเสมือนแกนศูนย์กลางของความทรงจำร่วมที่ทำให้คนในชุมชนอธิบายที่มาของตัวเอง อธิบายชื่อหมู่บ้าน และอธิบายความสัมพันธ์กับภูเขาหลายลูกในเชียงใหม่ได้ในคราวเดียว หมู่บ้านจึงมีความเชื่อว่าชื่อ “เมืองก๊ะ” เกี่ยวพันกับชื่อของขุนหลวงวิรังคะ และหลายครอบครัวยังเชื่อมโยงเชื้อสายของตนกับขุนหลวงในเชิงสัญลักษณ์
อีกช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ชุมชนที่เล่าต่อกันอย่างจริงจัง คือเหตุการณ์โรคห่าระบาดราว พ.ศ. 2468 ที่ทำให้ผู้คนเหลือเพียงไม่กี่หลังคาเรือน ความทรงจำแบบนี้มักไม่ถูกเล่าด้วยโทนเศร้าอย่างเดียว แต่เล่าด้วยน้ำหนักของ “การรอด” และ “การค่อย ๆ กลับมามีบ้านมีคนอีกครั้ง” ก่อนจะมีการจัดตั้งเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2517 เป็นหมู่ที่ 5 ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จนถึงปัจจุบัน ภาพรวมจึงเป็นการเดินทางของชุมชนที่เคยแทบดับไฟ แต่กลับจุดไฟให้ตัวเองขึ้นมาใหม่ โดยไม่ทิ้งรากเดิมของความเป็นลัวะ
สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองก๊ะ “ต่าง” จากการไปเที่ยวหมู่บ้านทั่วไป คือโครงสร้างความเชื่อที่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ถูกทำให้เป็นโชว์เพื่อคนนอกเพียงอย่างเดียว ในหมู่บ้านมีศาลที่เชื่อว่าเป็นที่สถิตวิญญาณของขุนหลวง และมีศาลของทหารซ้าย–ขวาอีก 2 ศาล เป็นเหมือนสามเสาหลักที่ยึดโลกของคนเมืองก๊ะเอาไว้ เมื่อถึงพิธีเซ่นสรวงประจำปี ชุมชนไม่ได้มองว่าเป็นพิธีเพื่อความบันเทิง แต่เป็น “สัญญา” ระหว่างคนกับผีบรรพชน ระหว่างผู้มีชีวิตกับผู้คุ้มครองพื้นที่ การเซ่นสรวงจึงมีความหมายเชิงสังคม คือการรวมคน การยืนยันความเป็นพวกเดียวกัน และการทบทวนว่าเรายังอยู่ในโลกเดียวกับบรรพบุรุษ
ความน่าสนใจอีกชั้นคือความเชื่อเรื่อง “การสถิต” ของดวงวิญญาณขุนหลวงที่ไม่ได้อยู่จุดเดียว แต่กระจายเป็น 3 แห่ง ได้แก่ บนดอยคว่ำหล้อง ศาลที่บ้านเมืองก๊ะ และอีกแห่งที่ถูกเล่าว่าอยู่บริเวณดอยคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งดอยคำตั้งอยู่ทางทิศใต้ของดอยสุเทพ และปัจจุบันบนยอดดอยมีวัดสำคัญคือวัดพระธาตุดอยคำที่มีอนุสาวรีย์ขุนหลวงวิรังคะอยู่ในพื้นที่วัดใกล้เจดีย์ ตรงนี้เองที่ทำให้ “บ้านเมืองก๊ะ” ไม่ได้เป็นเรื่องของหมู่บ้านเดียว แต่เป็นเรื่องของเครือข่ายภูเขาและเครือข่ายความหมายที่โยงจากแม่ริมเข้าเมืองเชียงใหม่อย่างแนบเนียน
ถ้าลองมองแบบ “แผนที่ความหมาย” ความสัมพันธ์ ดอยคำ–ดอยสุเทพ–ภูมิความเชื่อ จะปรากฏเป็นโครงสร้างคล้ายสามชั้นซ้อนกัน ชั้นแรกคือภูมิประเทศจริง: ดอยคำอยู่ด้านใต้ของดอยสุเทพและเป็นเหมือนเชิงเขาที่ผู้คนขึ้นลงง่ายกว่า ส่วนดอยสุเทพเป็นยอดเขาใหญ่ที่มองเห็นเมืองและถูกยกสถานะเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเชียงใหม่มานาน ชั้นที่สองคือภูมิศรัทธาพุทธ: วัดพระธาตุดอยสุเทพทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางศรัทธาล้านนาในระดับเมือง ส่วนวัดพระธาตุดอยคำเป็นศูนย์กลางศรัทธาที่เข้าถึงง่ายกว่าและมีแรงศรัทธาร่วมสมัยสูงมาก (คนจำนวนมากขึ้นไปไหว้ “หลวงพ่อทันใจ”) ชั้นที่สามคือภูมิผี/บรรพชน: เรื่องเล่าขุนหลวงวิรังคะ การสถิตสามแห่ง และพิธีเซ่นสรวงประจำปี เป็นเหมือนเส้นใยที่คอยร้อยภูเขาให้เป็น “บ้าน” ไม่ใช่แค่ “ดอย”
เมื่อสามชั้นนี้ซ้อนทับกัน เราจะเห็นภาพสำคัญว่า “เชียงใหม่ไม่เคยมีศาสนาเดียวแบบเดี่ยว ๆ” แต่เป็นการอยู่ร่วมกันของพุทธและความเชื่อเรื่องผีบรรพชนมานานมาก แทนที่จะตีกัน มันกลับช่วยกันทำให้พื้นที่มีความหมาย พื้นที่ที่คนไปไหว้พระ ก็ยังเป็นพื้นที่ที่คนเชื่อว่ามีบรรพชนคุ้มครอง พื้นที่ที่เป็นวัดใหญ่ของเมือง ก็ยังอยู่ในเครือข่ายเรื่องเล่าที่โยงไปถึงผู้คนกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่นอกเมืองอย่างลัวะบ้านเมืองก๊ะ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการจะเข้าใจ “ดอยสุเทพ” ให้ครบ เรามักต้องมอง “ดอยคำ” ด้วย และถ้าจะเข้าใจ “ดอยคำ” ให้ลึก ก็หลีกไม่พ้นต้องฟังเสียงของชุมชนที่อธิบายตนเองผ่านตำนานอย่างบ้านเมืองก๊ะ
หากเปรียบเทียบ “ลัวะบ้านเมืองก๊ะ” กับลัวะในพื้นที่อื่นของเชียงใหม่ ภาพที่ควรย้ำคือ “ลัวะไม่ใช่ก้อนเดียวกันทั้งหมด” แต่เป็นกลุ่มผู้คนที่มีประวัติการตั้งถิ่นฐาน การสัมพันธ์กับคนเมือง และการปรับตัวต่างกันตามภูมิประเทศ ชุมชนลัวะบางพื้นที่อยู่ใกล้เมืองหรืออยู่ในเครือข่ายท่องเที่ยว ทำให้ภาษา การแต่งกาย และรูปแบบพิธีกรรมบางอย่างผสมกับคนเมืองมากขึ้น ในขณะที่ลัวะบางพื้นที่ที่อยู่ลึกหรือเกี่ยวข้องกับพื้นที่ทำกินป่า/ไร่แบบดั้งเดิมมากกว่า ก็อาจรักษาภาษาพูดหรือพิธีกรรมเฉพาะกลุ่มไว้เข้มกว่า
ลัวะบ้านเมืองก๊ะมีลักษณะเด่น 3 อย่างเมื่อเทียบกับลัวะหลายพื้นที่ในเชียงใหม่ อย่างแรกคือ “ความเป็นศูนย์กลางของตำนานวิรังคะ” ที่ทำหน้าที่เป็นแกนเรื่องเล่าประจำชุมชนอย่างชัดเจน จนกลายเป็นระบบความเชื่อที่มีศาลเฉพาะ มีพิธีประจำปี และมีแผนที่การสถิตของวิญญาณหลายจุด อย่างที่สองคือ “ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์” ที่เชื่อมแม่ริมกับเส้นทางขึ้นสันเขาได้ ทำให้คนเมืองเข้าถึงได้โดยไม่ไกลเกินไป ชุมชนจึงไม่ได้ถูกตัดขาดจากเศรษฐกิจและบริการสมัยใหม่แบบหมู่บ้านที่อยู่ลึกมาก ๆ อย่างที่สามคือ “การอยู่ร่วมกับระบบรัฐและโลกเมือง” ที่เห็นได้จากการจัดตั้งหมู่บ้าน การคมนาคม และการสื่อสารกับคนภายนอก ทำให้บ้านเมืองก๊ะมีโครงสร้างชุมชนที่คุ้นเคยกับคนนอกมากพอจะเล่าเรื่องของตัวเองได้
ถ้าเปรียบกับลัวะบางพื้นที่ในเชียงใหม่ที่ผูกตนเองกับการทำกินและพิธีกรรมที่สัมพันธ์กับทรัพยากรเฉพาะ จุดเน้นของเรื่องเล่าอาจไปอยู่ที่พิธีกรรมเพื่อคุ้มครองไร่นา การรักษาสมดุลของคนกับป่า หรือการยืนยันความเป็นเจ้าของร่วมในทรัพยากรชุมชนมากกว่า แต่ในบ้านเมืองก๊ะ “ตำนานวิรังคะ” และเครือข่ายดอยคำ–ดอยสุเทพ กลายเป็นภาษากลางที่ทำให้คนอธิบายความเป็นตัวเองได้ทั้งเชิงชาติพันธุ์และเชิงภูมิศาสตร์ นี่ทำให้บ้านเมืองก๊ะดูเหมือนชุมชนที่ยืนอยู่ตรงรอยต่อพอดี ระหว่างโลกภูเขา–โลกเมือง ระหว่างผีบรรพชน–พุทธศรัทธา และระหว่างความเป็นลัวะเฉพาะถิ่น–ความเป็นล้านนาในภาพรวม
สำหรับ “มุมชาติพันธุ์ร่วมสมัย” การปรับตัวของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่จะรักษาอะไรไว้ แต่คือการต่อรองกับโลกสมัยใหม่ 3 แรงพร้อมกัน แรงแรกคือการศึกษาและงานนอกพื้นที่ หลายคนต้องเข้าเมืองเพื่อเรียนหรือทำงาน ทำให้ภาษาแม่และพิธีกรรมลดความถี่ลงโดยธรรมชาติ แรงที่สองคือเศรษฐกิจท่องเที่ยวและโลกออนไลน์ บ้านใกล้เมืองมีโอกาสมากขึ้น ทั้งขายสินค้า เกษตร งานบริการ หรือคอนเทนต์ แต่ก็เสี่ยงถูกทำให้เป็นภาพจำแบบง่าย ๆ แรงที่สามคือความภาคภูมิใจเชิงอัตลักษณ์ คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยอยากเป็นผู้เล่าเรื่องชุมชนด้วยภาษาของตัวเอง และอยากให้คนนอกเคารพ ไม่ใช่แค่มาถ่ายรูปแล้วผ่านไป
รูปแบบการปรับตัวที่มักเห็นชัดในชุมชนชาติพันธุ์ทั่วเชียงใหม่ (รวมถึงลัวะ) คือการสื่อสารเรื่องบ้านโดยคนในชุมชนเอง การพาคนนอกเรียนรู้แบบมีขอบเขต (มีกติกาว่าอะไรถ่ายได้ อะไรไม่ควรแตะ) การทำสินค้า/อาหารที่เล่าเรื่องวัตถุดิบและความทรงจำ ไม่ใช่แค่ของฝาก และการทำงานกับโรงเรียนหรือวัดเพื่อเก็บคำศัพท์ ภาษา เพลง หรือพิธีกรรมไว้เป็นคลังความทรงจำของชุมชน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การแช่แข็งวัฒนธรรม แต่เป็นการทำให้วัฒนธรรมอยู่ได้ในยุคที่โลกหมุนเร็ว โดยไม่ทำร้ายความรู้สึกของคนในชุมชน
การเดินทาง จากที่ว่าการอำเภอแม่ริมไปบ้านเมืองก๊ะ ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร เส้นทางจะค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นสู่พื้นที่หุบเขา แนะนำตรวจสภาพรถและเชื้อเพลิงให้พร้อม โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่ถนนอาจลื่นหรือมีหมอกบางช่วง หากเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ สามารถขับมาทางแม่ริมก่อน แล้วค่อยต่อเส้นทางเข้าสู่ตำบลสะลวง การมีแผนสำรองเรื่องเวลา (เผื่อรถติดในโซนท่องเที่ยวแม่ริม) จะช่วยให้เข้าหมู่บ้านแบบไม่เร่งรีบ และไม่ต้องขับกลับตอนฟ้ามืด
คำแนะนำเล็ก ๆ ที่ช่วยให้การไปบ้านเมืองก๊ะ “เคารพและได้อะไรกลับมาเยอะ” คือไปแบบตั้งใจฟังมากกว่าตั้งใจถ่าย ถ้าพบศาลหรือพื้นที่ศรัทธา ควรยืนห่างพอเหมาะ ไม่จับต้องสิ่งของ และถ้าอยากบันทึกภาพหรือถามเรื่องพิธี ควรถามเจ้าบ้านก่อนเสมอ เพราะเรื่องผีบรรพชนสำหรับชุมชนไม่ใช่เรื่องเล่าเล่น ๆ แต่เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ที่มีขอบเขตของมัน การเคารพขอบเขตนี้จะทำให้คุณได้เห็นความจริงใจ และบางครั้งจะได้เรื่องเล่าที่ไม่มีในป้ายท่องเที่ยวเลย
| ชื่อสถานที่ | ชุมชนบ้านเมืองก๊ะ |
| ที่ตั้ง | หมู่ที่ 5 ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ |
| ลักษณะเด่น | ชุมชนชาวลัวะในหุบเขา มีโครงสร้างความเชื่อผีบรรพชน/ศาลขุนหลวงวิรังคะ และพิธีเซ่นสรวงประจำปี เชื่อมโยงเรื่องเล่ากับภูเขาหลายจุดในเชียงใหม่ |
| ช่วงเวลา/ยุคสมัยที่เกี่ยวข้อง | ตำนานยุคขุนหลวงวิรังคะ (เล่าคู่กับยุคพระนางจามเทวี) – ยุคจัดตั้งหมู่บ้านทางการ พ.ศ. 2517 – ปัจจุบัน |
| หลักฐาน/สิ่งสำคัญ | ศาลขุนหลวงวิรังคะและศาลทหารซ้าย–ขวา (3 ศาล), พิธีเซ่นสรวงประจำปี, โครงเรื่องการสถิต 3 แห่ง (ดอยคว่ำหล้อง–บ้านเมืองก๊ะ–ดอยคำ) |
| ที่มาของชื่อ | คนในชุมชนเชื่อมโยงชื่อ “เมืองก๊ะ” กับชื่อขุนหลวงวิรังคะ (ความเชื่อท้องถิ่น) |
| การเดินทาง | จากที่ว่าการอำเภอแม่ริม → บ้านเมืองก๊ะ ระยะทางประมาณ 30 กม. แนะนำเดินทางกลางวัน โดยเฉพาะฤดูฝน |
| สถานะปัจจุบัน | ชุมชนที่อยู่อาศัยจริง (ควรเคารพวิถีชีวิต และนัดหมาย/แจ้งล่วงหน้าเมื่ออยากเรียนรู้เชิงชุมชน) |
| ที่เที่ยวใกล้เคียงพร้อมระยะทาง | |
| วัดพระพุทธบาทสี่รอย | ประมาณ 12 กม. | โทร: 053-998-348 |
| น้ำตกแม่สา | ประมาณ 20 กม. | โทร: 053-210-244 |
| สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ | ประมาณ 25 กม. | โทร: 053-114-630 |
| ม่อนแจ่ม | ประมาณ 22 กม. | โทร: 081-806-3993 |
| อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ–ปุย | ประมาณ 32 กม. | โทร: 053-210-244 |
| วัดพระธาตุดอยคำ | ประมาณ 40 กม. | โทร: 053-263-001 |
| ร้านอาหารใกล้เคียงพร้อมระยะทาง | |
| ระเบียงบ้าน (ระเบียง ณ แม่ริม) | ประมาณ 28 กม. | โทร: 053-861-511 |
| โป่งแยง แอ่งดอย | ประมาณ 22 กม. | โทร: 053-879-151 |
| เฮือนม่วนใจ๋ | ประมาณ 35 กม. | โทร: 053-404-998 |
| ที่พักใกล้เคียงพร้อมระยะทาง | |
| โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ต เชียงใหม่ | ประมาณ 24 กม. | โทร: 053-298-181 |
| ปานวิมาน เชียงใหม่ สปา รีสอร์ท | ประมาณ 22 กม. | โทร: 053-879-540 |
| พราวภูฟ้า รีสอร์ท แม่ริม | ประมาณ 24 กม. | โทร: 053-879-389 |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: บ้านเมืองก๊ะเป็นชุมชนชาติพันธุ์อะไร?
ตอบ: เป็นชุมชนชาวลัวะในอำเภอแม่ริม โดยมีเรื่องเล่าและพิธีความเชื่อเรื่องผีบรรพชนเป็นแกนสำคัญของชุมชน
ถาม: จุดเด่นของความเชื่อบ้านเมืองก๊ะคืออะไร?
ตอบ: มีศาลที่เชื่อว่าเป็นที่สถิตวิญญาณขุนหลวงวิรังคะ และศาลทหารซ้าย–ขวา รวมถึงพิธีเซ่นสรวงประจำปี และแนวคิดการสถิต 3 แห่ง (ดอยคว่ำหล้อง–บ้านเมืองก๊ะ–ดอยคำ)
ถาม: ความสัมพันธ์ดอยคำ–ดอยสุเทพเกี่ยวกับความเชื่ออ่านอย่างไรให้เข้าใจง่าย?
ตอบ: มองเป็นแผนที่ความหมาย 3 ชั้น: ภูมิประเทศจริง (ตำแหน่งดอย), ภูมิศรัทธาพุทธ (วัดสำคัญ), และภูมิผี/บรรพชน (เรื่องเล่าและการสถิต) ที่ซ้อนทับกันจนทำให้ภูเขาเป็น “บ้าน” ไม่ใช่แค่ “ดอย”
ถาม: ลัวะบ้านเมืองก๊ะต่างจากลัวะพื้นที่อื่นในเชียงใหม่ตรงไหน?
ตอบ: บ้านเมืองก๊ะเด่นที่ “ตำนานวิรังคะ” เป็นแกนเรื่องเล่าและเป็นระบบความเชื่อที่มีศาลและพิธีประจำปีชัดเจน อีกทั้งอยู่ในตำแหน่งรอยต่อใกล้เมือง ทำให้การสื่อสารกับคนนอกและการปรับตัวร่วมสมัยเห็นภาพได้ชัด
ถาม: ไปเที่ยวบ้านเมืองก๊ะควรเตรียมตัวยังไงให้เหมาะสม?
ตอบ: แนะนำไปช่วงกลางวัน เคารพพื้นที่ศรัทธา ขออนุญาตก่อนถ่ายภาพ/ถามเรื่องพิธี และหากต้องการเข้าชมเชิงชุมชนควรแจ้งหรือนัดหมายล่วงหน้าเพื่อไม่รบกวนวิถีชีวิต
ถาม: ระยะทางจากอำเภอแม่ริมไปบ้านเมืองก๊ะไกลไหม?
ตอบ: ประมาณ 30 กิโลเมตรจากที่ว่าการอำเภอแม่ริม แนะนำเผื่อเวลาและหลีกเลี่ยงการขับกลับตอนฟ้ามืด โดยเฉพาะฤดูฝน
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage







หมวดหมู่:
กลุ่ม:
ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์(
แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(
พระราชวัง(
ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(
พิพิธภัณฑ์(
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ
พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา(
ไร่ สวนเพื่อการศึกษา(
ศูนย์ฝึกอบรม(
มหาวิทยาลัย
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
วัด(
มัสยิด(
สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(
โครงการในพระราชดำริ
โครงการหลวง(
ตลาดท้องถิ่น(
ธรรมชาติ และสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(
ดอย และภูเขา(
เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(
น้ำตก(
น้ำพุร้อน(
ถ้ำ(
แม่น้ำลำคลอง(
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(
บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร
สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(
แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์(
สนามกีฬา(
ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(
สวนน้ำ(
โรงละคร(
กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย(
ช้อปปิ้ง
ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน(
ร้านอาหาร
มิชลินสตาร์(
มิชลิน ไกด์(
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว(
บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร
รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร(
เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(
ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(