ตลาดโรงเกลือ (ตลาดชายแดนบ้านคลองลึก)

Rating: 3.3/5 (10 votes)

วันเปิดทำการ: ทุกวัน

เวลาเปิดทำการ: ประมาณ 04.00–16.00 น. (เวลาอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามโซนตลาดและฤดูกาล)

 

ตลาดโรงเกลือ หรือตลาดชายแดนบ้านคลองลึก เป็นหนึ่งในตลาดการค้าชายแดนที่คึกคักและสำคัญที่สุดของภาคตะวันออก ตั้งอยู่ติดชายแดนไทย–กัมพูชา ในเขตอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เดิมทีคำว่า “โรงเกลือ” ใช้เรียกบริเวณนี้เพราะเคยเป็นสถานที่เก็บเกลือไว้ขายให้ชาวกัมพูชานำไปทำปลาเค็ม เมื่อความจำเป็นในการใช้เกลือลดลง ประกอบกับช่วงปี พ.ศ. 2522–2536 ซึ่งกัมพูชาเผชิญภาวะสงครามและทุพภิกขภัย ประเทศไทยได้เข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ผู้คนและสินค้าเริ่มหลั่งไหลมาที่ชายแดนแห่งนี้ จนค่อย ๆ พัฒนาเป็นตลาดชายแดนขนาดใหญ่ในเวลาต่อมา

 

ปัจจุบันตลาดโรงเกลือถือเป็นตลาดการค้าชายแดนที่ใหญ่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของแนวพรมแดนไทย–กัมพูชาในฝั่งไทย บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยโรงเรือนและแผงค้าจำนวนมากที่ต่อเนื่องไปสุดสายตา ร้านค้าส่วนใหญ่สร้างเป็นล็อก ๆ คล้ายห้องแถว มีหลังคาคลุมช่วยบังแดดและฝน ทำให้เดินเลือกซื้อของได้สบายตลอดทั้งวัน สินค้ามาจากหลายถิ่นทั้งกัมพูชา จีน เกาหลี ฮ่องกง รวมถึงสินค้าไทยเองด้วย โดยเฉพาะเสื้อผ้ามือสอง เครื่องใช้จิปาถะ และของแปลกจากต่างประเทศที่หาซื้อได้ในราคาย่อมเยา

 

สีสันของตลาดโรงเกลืออยู่ที่วิถีชีวิตการค้าชายแดนที่เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่ ราว ๆ หกถึงเจ็ดโมงเช้า พ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวกัมพูชา ไทย เวียดนาม และเชื้อสายจีน เริ่มเปิดแผงสินค้า ขณะเดียวกันนักช้อปจากทั่วสารทิศก็ทยอยกันเข้ามาเดินจับจ่าย เสียงพูดคุย ต่อรองราคา และการเรียกลูกค้าในหลายภาษา ทั้งไทย เขมร และจีน ผสมกันจนเกิดเป็นบรรยากาศครึกครื้นที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของตลาดชายแดนแห่งนี้

 

สินค้าที่จำหน่ายในตลาดโรงเกลือมีให้เลือกแทบทุกประเภท ทั้งเครื่องทองเหลือง เครื่องเคลือบ เครื่องกระเบื้อง ถ้วยชาม ของแต่งบ้าน เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าม่าน เครื่องนอน กระเป๋า เครื่องสำอาง ของเล่นเด็ก ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด รวมทั้งเครื่องจักสาน ปลาแห้ง และอาหารแห้งหลากหลาย หลายรายการเป็นสินค้ามือสองสภาพดีที่ผ่านการคัดแล้ว บางส่วนเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน ผู้ซื้อจึงต้องใช้เวลาเดินเลือกและลองต่อรองราคาสักหน่อย เพื่อจะได้สินค้าที่ทั้งคุณภาพดีและราคาเหมาะสม

 

จุดเด่นอีกอย่างของตลาดโรงเกลือคือสินค้าแฟชั่นมือสอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม โค้ตกันหนาว เสื้อแจ็กเก็ต กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เสื้อกีฬา หรือกระเป๋าต่าง ๆ ที่ถูกนำมาคัดสภาพ แยกเกรด และเรียงใส่ร้านให้เลือกกันแบบแน่น ๆ ทั้งซอย นักช้อปหลายคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อ &ldquoาคัดของ” ไปขายต่อ หรือมาหาเสื้อผ้าแบรนด์ในราคาย่อมเยา ถ้าเดินเป็นและต่อรองเก่ง มีโอกาสได้ของดีราคาถูกติดไม้ติดมือกลับไปไม่น้อย

 

บรรยากาศโดยรวมของตลาดโรงเกลือจึงไม่ใช่แค่ที่ช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนวิถีชีวิตการค้าชายแดน ที่ผู้คนหลากเชื้อชาติมาเจอกัน ทั้งชาวกัมพูชา ไทย เวียดนาม จีน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจวิถีชีวิตท้องถิ่นและอยากสัมผัสอารมณ์ตลาดชายแดนจริง ๆ ที่นี่จึงกลายเป็นจุดนัดพบของคนหลายกลุ่ม ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้าตัวจริง นักช้อปสายประหยัด ไปจนถึงผู้ที่เดินทางต่อไปกัมพูชาผ่านด่านบ้านคลองลึก

 

เมื่อความนิยมของตลาดเพิ่มขึ้น ตลาดโรงเกลือก็ขยายพื้นที่กว้างขึ้น ปัจจุบันมีตลาดย่อยรวมแล้วราว 5 แห่ง ได้แก่ ตลาดโรงเกลือเดิม ตลาดเดชไทย ตลาดเทศบาล 3 ตลาดเบญจวรรณ และตลาดทรัพย์สมบูรณ์ รวมกันแล้วมีร้านค้ามากกว่า 3,000 ร้าน นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเดินให้ทั่วจึงควรเผื่อเวลาไว้มากหน่อย เพราะแต่ละโซนจะเน้นสินค้าที่แตกต่างกัน ทั้งโซนเสื้อมือสอง รองเท้าแฟชั่น ของเบ็ดเตล็ด ของตกแต่งบ้าน และสินค้าใหม่ราคาส่ง

 

ด้วยขนาดของตลาดที่กว้างและทางเดินที่ซับซ้อน นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลือกใช้บริการจักรยานให้เช่าปั่นชมตลาดจากจุดให้บริการที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยประหยัดแรงขาและทำให้สามารถวนดูแต่ละโซนได้ครบมากขึ้น นอกจากนี้การเดินตลาดช่วงเช้าตรู่ยังเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก ร้านค้าเปิดกันพร้อมหน้า และมีโอกาสได้ราคาสบายกระเป๋ามากกว่าช่วงสายหรือบ่าย

 

จากตลาดโรงเกลือไปไม่ไกลเพียงราว 500 เมตร ก็จะถึงด่านพรมแดนคลองลึก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำคัญไปยังตลาดปอยเปตและเมืองต่าง ๆ ของประเทศกัมพูชา ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึกแห่งนี้เชื่อมต่อกับด่านปอยเปต ฝั่งจังหวัดบันเตียเมียนเจย จึงเป็นประตูสู่การเดินทางต่อไปยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างเสียมราฐและปราสาทนครวัด–นครธม หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่หลายคนใฝ่ฝันจะไปเยี่ยมชมสักครั้ง

 

บริเวณตลาดชายแดนบ้านคลองลึกมีรถตู้ รถปิกอัพ และรถแท็กซี่ท้องถิ่นของบริษัททัวร์ให้เช่าเหมาข้ามแดนไปยังเมืองปอยเปตและเสียมราฐ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสมรดกโลกนครวัด–นครธม รวมทั้งชมวิถีชีวิตของชาวกัมพูชาสามารถติดต่อแพ็กเกจทัวร์แบบไปเช้า–เย็นกลับ หรือค้างคืนได้ที่บริเวณตลาดบ้านคลองลึก จุดนี้นับเป็นเส้นทางที่สะดวกและค่อนข้างประหยัดสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเดินทางจากฝั่งไทย

 

สำหรับการเดินทางข้ามแดน ไทย–กัมพูชา ที่ด่านคลองลึกนั้น มีกฎระเบียบที่ควรทราบล่วงหน้า โดยข้อมูลเดิมระบุแนวทางกว้าง ๆ ไว้ดังนี้

 

1. คนไทยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอคลองลึก อำเภออรัญประเทศ อำเภอคลองหาด และอำเภอตาพระยา สามารถขอบัตรผ่านแดนไปเช้าเย็นกลับได้ ผู้ถือบัตรผ่านแดนชั่วคราวประเภทนี้สามารถเดินทางเข้า–ออกในราชอาณาจักรกัมพูชาได้ในจังหวัดบันเตียเมียนเจยและจังหวัดเสียมราฐ แต่ไม่สามารถพักค้างคืนได้

 

2. ผู้ถือบัตรผ่านแดนชั่วคราวชาวกัมพูชา สามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้ในจังหวัดสระแก้วและจังหวัดปราจีนบุรี แต่ไม่สามารถค้างคืนได้ ส่วนชาวกัมพูชาที่ถือหนังสือผ่านแดน (Border Pass) จะได้รับอนุญาตให้พักค้างคืนได้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตามเงื่อนไขที่ทางการกำหนด

 

3. สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ต้องการเดินทางเข้าไปยังราชอาณาจักรกัมพูชาเพื่อท่องเที่ยว โดยเฉพาะหากตั้งใจเดินทางลึกเข้าสู่เมืองต่าง ๆ เช่น เสียมราฐหรือพนมเปญ ควรถือหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่ยังมีอายุใช้งาน พร้อมขอวีซ่าจากสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย หรือขอวีซ่า ณ จุดผ่านแดน ในกรณีที่ทางการกัมพูชาเปิดให้บริการวีซ่า ณ ด่านนั้น ๆ (เงื่อนไขขึ้นอยู่กับนโยบายในแต่ละช่วงเวลา)

 

4. นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางเข้าไปในราชอาณาจักรกัมพูชาแบบไปเช้า–เย็นกลับ และไม่เดินทางลึกเกินกว่าแนวป้อมยามฝั่งกัมพูชา ในบางช่วงเวลาจะอนุโลมให้ใช้บัตรประชาชนประกอบกับเอกสารผ่านแดน แต่ข้อกำหนดเหล่านี้มีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ จึงควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเดินทางทุกครั้ง

 

เดิมเคยมีกฎระบุข้อจำกัดเรื่องการนำกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายภาพยนตร์ ตาชั่ง สัตว์ป่า ผลิตผลจากสัตว์ป่า หอม และกระเทียม เข้า–ออกระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบด้านศุลกากรและความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร หรือสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ

 

หากต้องการข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง การขอวีซ่า หรือสถานการณ์ล่าสุดบริเวณชายแดน ควรติดต่อสอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ สถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย หน่วยงานราชการจังหวัดสระแก้ว ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภออรัญประเทศ ด่านศุลกากรอำเภออรัญประเทศ รวมถึงสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งสามารถให้ข้อมูลอัปเดตเรื่องเส้นทางท่องเที่ยว แพ็กเกจทัวร์ และสถานการณ์ชายแดนได้อย่างเหมาะสม

 

การเดินทางไปตลาดโรงเกลือ ตลาดโรงเกลือตั้งอยู่ที่บ้านคลองลึก ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ห่างจากตัวอำเภออรัญประเทศไปทางทิศตะวันออกราว 6 กิโลเมตร ติดกับแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หากพักอยู่ในตัวอำเภออรัญประเทศสามารถนั่งรถสองแถวจากตลาดหรือสถานีขนส่งมายังตลาดโรงเกลือได้ ค่าโดยสารประมาณ 7 บาทต่อคน หรือหากต้องการความสะดวกอาจเลือกใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ค่าโดยสารราว 50 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพพื้นที่และช่วงเวลา)

 

สำหรับผู้ที่ขับรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ สามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลายทาง เส้นทางยอดนิยมคือ ขับออกจากกรุงเทพฯ ผ่านถนนหมายเลข 305 หรือ 33 ไปทางนครนายก ต่อเนื่องไปปราจีนบุรี จากนั้นใช้ถนนหมายเลข 33 มุ่งหน้าสระแก้ว และเข้าสู่อรัญประเทศ ก่อนจะขับต่อไปยังบ้านคลองลึกและตลาดโรงเกลือ หรือจะเลือกเส้นทางจากกรุงเทพฯ ผ่านมีนบุรี มุ่งหน้าฉะเชิงเทรา ใช้ถนนหมายเลข 304 เชื่อมต่อไปจังหวัดสระแก้วและอรัญประเทศก็ได้เช่นกัน เส้นทางหลักล้วนเป็นถนนลาดยางขนาดเลนมาตรฐาน ขับไม่ยาก เหมาะกับทั้งรถเก๋งและรถตู้

 

การเดินทางด้วยรถไฟก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้บรรยากาศสบาย ๆ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนโดยสารสายกรุงเทพฯ–สระแก้ว–อรัญประเทศ จากนั้นต่อรถสองแถวหรือรถจักรยานยนต์รับจ้างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศไปตลาดโรงเกลือ ระยะทางไม่ไกล เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศการเดินทางช้า ๆ ชมวิวชนบทสองข้างทาง และไม่รีบเร่งเรื่องเวลา

 

ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด และผู้ให้บริการเอกชนมีรถโดยสารทั้งแบบธรรมดาและรถปรับอากาศออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 (ถนนกำแพงเพชร 2) ไปยังอำเภออรัญประเทศทุกวัน ใช้เวลาเดินทางราว 4–5 ชั่วโมง จากนั้นสามารถต่อรถสองแถวหรือรถรับจ้างมายังตลาดโรงเกลือได้ทันที เหมาะกับผู้ที่ไม่มีรถส่วนตัวหรือไม่ต้องการขับรถเองระยะไกล

 

สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการมาเดินตลาดโรงเกลือ แนะนำให้มาช่วงเช้าตั้งแต่เปิดตลาดไปจนถึงสาย ๆ เพราะอากาศยังไม่ร้อนมาก สินค้ามีให้เลือกหลากหลาย ร้านค้าส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยของ และยังมีโอกาสได้ต่อรองราคาง่ายกว่าในช่วงบ่ายหรือเย็น ควรแต่งกายสบาย ๆ รองเท้าที่ใส่เดินได้นาน พกน้ำดื่ม และอาจเตรียมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เนื่องจากบางโซนอาจมีฝุ่นจากทางเดินดินหรือเสื้อผ้ามือสองที่ถูกขนย้ายอยู่ตลอดเวลา

 

เมื่อเดินตลาดเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถต่อโปรแกรมไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงได้หลายแห่ง ทั้งฝั่งไทย เช่น ตัวเมืองอรัญประเทศ วัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดสระแก้ว หรือหากมีเวลาและเตรียมเอกสารผ่านแดนครบถ้วน ก็สามารถข้ามฝั่งไปเยือนตลาดปอยเปตและเดินทางต่อไปยังเสียมราฐเพื่อเยี่ยมชมนครวัด–นครธมได้ในทริปเดียว ทำให้ตลาดโรงเกลือกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเดินทางที่เชื่อมโยงทั้งสองประเทศเข้าด้วยกันในมิติของการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

 

 

ตอบ: โดยทั่วไปตลาดโรงเกลือเปิดทุกวัน ตั้งแต่เช้ามืดราว 04.00 น. ไปจนถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือเย็นตามแต่ละโซน แนะนำให้ไปช่วงเช้า 06.00–10.00 น. เพราะอากาศยังไม่ร้อนมาก ร้านค้าเปิดเกือบครบ และมีเวลาเดินเลือกซื้อของได้สบาย ๆ

 

ตอบ: ไฮไลต์คือเสื้อผ้าและรองเท้ามือสอง ทั้งแบรนด์เนมและแฟชั่นทั่วไป รวมถึงของใช้จิปาถะ ของตกแต่งบ้าน ผ้าม่าน ผ้าห่ม กระเป๋า เครื่องครัว และอาหารแห้งอย่างปลาแห้ง กุ้งแห้ง รวมถึงสินค้าใหม่ราคาส่งจากจีนและกัมพูชา เหมาะทั้งสายช้อปส่วนตัวและพ่อค้าแม่ค้าที่มาคัดของไปขายต่อ

 

ตอบ: หากต้องการเดินทางเข้าไปในกัมพูชาจริง ๆ ควรมีพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุ และตรวจสอบเงื่อนไขวีซ่าล่าสุดจากสถานทูตกัมพูชาหรือด่านตรวจคนเข้าเมืองว่าต้องขอวีซ่าล่วงหน้าหรือสามารถทำที่ด่านได้ เอกสารประเภทบัตรผ่านแดนหรือ Border Pass สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนก็มีเงื่อนไขเฉพาะ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงตามนโยบายในแต่ละช่วงเวลา

 

ตอบ: หากมีรถส่วนตัว การขับรถตามถนนหมายเลข 33 ผ่านนครนายก–ปราจีนบุรี–สระแก้วไปอรัญประเทศถือว่าสะดวก ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ส่วนผู้ที่ไม่มีรถสามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปอรัญประเทศ แล้วต่อรถสองแถวหรือรถรับจ้างไปตลาดโรงเกลือ หรือเลือกนั่งรถไฟสายกรุงเทพฯ–อรัญประเทศแล้วต่อรถจากสถานีก็ได้เช่นกัน

 

ตอบ: ในตลาดโรงเกลือส่วนใหญ่สามารถต่อรองราคาได้ โดยเฉพาะสินค้ามือสองหรือเสื้อผ้า ควรเดินดูราคาร้านอื่นเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ และตรวจสอบสภาพสินค้าให้ดี ทั้งรอยขาด ซิป กระดุม และพื้นรองเท้า หากซื้อเป็นจำนวนมากอาจขอราคาส่งได้ นอกจากนี้ควรระวังทรัพย์สินส่วนตัว เช่น กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ เพราะบางช่วงจะมีคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ

 

ตอบ: สามารถติดต่อสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงสอบถามข้อมูลจากเว็บไซต์ ททท. และเว็บไซต์ท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว ซึ่งจะมีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับเส้นทางท่องเที่ยว แพ็กเกจทัวร์ ไปจนถึงสถานการณ์ล่าสุดบริเวณด่านชายแดนและตลาดโรงเกลือ