
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

Rating: 4.4/5 (5 votes)




สถานที่ท่องเที่ยวสุโขทัย
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของไทย สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดประดิษฐานพระบรมรูป แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศและต่างประเทศให้มาเรียนรู้เกี่ยวกับยุคสุโขทัยและพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรมอย่างพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2518 เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้ทรงวางรากฐานอาณาจักรสุโขทัย พระองค์ทรงสร้างกฎหมายและระบบการปกครองที่มั่นคง ซึ่งมีอิทธิพลต่อสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน พระบรมรูปทำจาก โลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ มีขนาดสูง 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 3 ตัน ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาอาสน์ขนาดยาว 4 เมตร กว้าง 2.88 เมตร พระพักตร์ของพระบรมรูปได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยตอนต้น แสดงถึงความเมตตากรุณา ความยุติธรรม และความเด็ดขาดในการปกครอง
พระหัตถ์ขวาของพระบรมรูปทรงถือ สมุดไทย ซึ่งสื่อถึงความรอบรู้ในสรรพวิทยาการต่าง ๆ ของพระองค์ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายแสดงถึงการสั่งสอนพสกนิกรหรือขณะปฏิบัติหน้าที่ในการว่าราชการ เครื่องฉลองพระองค์และศิราภรณ์ได้รับแรงบันดาลใจจากเทวรูปศิลปะสุโขทัย ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามและความประณีตในการออกแบบทั้งหมด
ผู้ปั้นพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชคือ นายสนั่น ศิลากรณ์ นายช่างเอกของกรมศิลปากร และเป็นศิษย์ของศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ความเชี่ยวชาญและความชำนาญของนายสนั่น ศิลากรณ์ ทำให้พระบรมรูปมีความสมจริงและงดงาม พร้อมถ่ายทอดความรู้และคุณค่าแห่งศิลปวัฒนธรรมไทย
ประวัติการก่อสร้างเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2507 เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดสุโขทัย และทรงบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในครั้งนั้นประชาชนได้เรียกร้องให้มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพราะพระบรมราชานุสาวรีย์ของกษัตริย์องค์อื่นได้สร้างครบถ้วนแล้ว การเสนอความเห็นไปยังกรมมหาดไทยและคณะรัฐมนตรีได้รับการอนุมัติหลักการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2507
คณะกรรมการดำเนินการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมกระบวนการออกแบบ การปั้น และการหล่อพระบรมรูป โดยกรมศิลปากรเป็นผู้รับผิดชอบหลัก การเลือกสถานที่ประดิษฐานให้ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยพิจารณาพื้นที่ ริมทางหลวงภายในกำแพงเมืองเก่า ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มีพื้นที่ประมาณ 26 ไร่ ขอบเขตพื้นที่ทิศเหนือติดต่อกับวัดตะกวนซึ่งเป็นวัดร้าง และทิศตะวันตกติดกับตระพังตะกวน ในปี พ.ศ. 2520 กรมศิลปากรได้ปรับปรุงพื้นที่รอบพระบรมรูปให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
พิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 หลังจากนั้นงานออกแบบพระบรมรูปและการปั้นหุ่นดินเสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเททองหล่อพระบรมรูป ณ มณฑลพิธี กองหัตถศิลป กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2513 การหล่อพระบรมรูปใช้เทคนิคศิลปกรรมประณีตและซับซ้อน เพื่อให้ได้พระบรมรูปที่สมบูรณ์และมีรายละเอียดสูงสุด
หลังจากหล่อพระบรมรูปและปั้นภาพจำหลักนูนแสดงเหตุการณ์ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงแล้ว จังหวัดสุโขทัยอัญเชิญพระบรมรูปไปประดิษฐานชั่วคราว ณ ปะรำพิธีเนินปราสาท เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชาในระหว่างที่แท่นฐานและผังบริเวณยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง การอัญเชิญพระบรมรูปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2518 พระบรมรูปประดิษฐานอยู่ ณ ปะรำพิธีเนินปราสาทเป็นเวลา 1 ปี จนกว่างานก่อสร้างแท่นฐานจะแล้วเสร็จ ต่อมาในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2519 พระบรมรูปถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ แท่นฐานปัจจุบัน พร้อมจัดมหรสพฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสุโขทัย นอกจากเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับยุคสุโขทัยแล้ว ยังดึงดูดนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และนักวิจัยให้เข้ามาศึกษาประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และศิลปกรรมไทยอย่างใกล้ชิด ภายในอุทยานประวัติศาสตร์รอบพระบรมรูป มีสวนสวย ทางเดินร่มรื่น และจุดชมวิวที่ให้ผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์ทั้งด้านสายตา อารมณ์ และความรู้สึกทางวัฒนธรรม
ด้านศิลปกรรม พระบรมราชานุสาวรีย์สะท้อนถึงความประณีตและความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินไทย การจัดวางองค์ประกอบ เช่น แท่นมนังคศิลาอาสน์ พระหัตถ์ สมุดไทย และพานวางพระขรรค์ ล้วนสะท้อนถึงความรู้และความใส่ใจในรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ การแกะสลักภาพจำหลักนูนบันทึกเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหง ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้เรื่องราวแห่งความยิ่งใหญ่ของสุโขทัยอย่างครบถ้วน
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับการศึกษา อักษรไทยโบราณและกฎหมายตราพระราชา ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงริเริ่มสร้างระบบอักษรไทยและกฎหมายฉบับแรกของชาติ การศึกษาอักษรและหลักกฎหมายนี้ทำให้ประชาชนและนักวิชาการสามารถเข้าใจความเป็นมาและการปกครองของสมัยสุโขทัย นอกจากนี้ พระบรมราชานุสาวรีย์ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนและประชาชนรักชาติ ศึกษาประวัติศาสตร์ และรักษาวัฒนธรรมไทยให้สืบต่อไป
ในด้านการท่องเที่ยว พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชถือเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผู้มาเยือนสามารถเดินชมภูมิทัศน์รอบพระบรมรูป ชมศิลปกรรม ประวัติศาสตร์ และเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น นิทรรศการประวัติศาสตร์ การจัดแสดงเครื่องใช้โบราณ การแสดงศิลปะไทยพื้นบ้าน และการสาธิตอักษรไทยโบราณ
ภูมิทัศน์รอบพระบรมรูปถูกออกแบบให้เป็นสถานที่สาธารณะเพื่อการศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจ มีสวนและทางเดินร่มรื่นสอดคล้องกับผังอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสทั้งความงดงามของธรรมชาติและความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงเป็นมากกว่าอนุสาวรีย์ทั่วไป มันเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และความภาคภูมิใจของชาติไทย สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรสุโขทัยและบทบาทของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชในการสร้างชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรมไทยที่ยังคงส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน




แสดงความเห็น
คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage