ประเพณีปักธงชัย

Rating: 4.2/5 (5 votes)

วันเปิดทำการ: ทุกวัน

เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.

 

ช่วงเวลา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (ซึ่งสมัยโบราณจะเลือกวันใดวันหนึ่งในระหว่างขึ้น 1-14 ค่ำเดือน 12)

 

ความสำคัญ ประเพณีภาคเหนือ (ประเพณีไทย)และวัฒนธรรมภาคเหนือ ประเพณีปักธงชัย คือ ประเพณีที่ชาวนครไทยพร้อมใจกันนำธงผ้าขาว 3 ผืนไปปักบนยอดเขาฉันเพลยอดเขาฮันไฮ หรือยอดเขาย่านชัย และยอดเขาช้างล้วง ที่ทำให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้ปฏิบัติ แสดงถึงพลังศรัทธาที่ชาวนครไทยมีต่อ "พ่อขุนบางกลางหาว"

 

พิธีกรรม สมัยโบราณ มีพิธีกรรมดังนี้

1. เมื่อใกล้เทศกาลปักธงชัย ในเวลากลางคืนนั้นจะมีชาวบ้านที่เป็นชายเป็นผู้ตีฆ้องเดินนำหน้าพระภิกษุไปรับบิณฑบาต "ดอกฝ้ายสีขาว" หลังจากนั้นสตรีสูงอายุในหมู่บ้านใกล้ ๆ วัดเหนือ, วัดกลาง และวัดหัวร้อง โดยมักจะชักชวนชาวบ้านมาช่วยกันตากฝ้าย, หีบฝ้าย, ดีดฝ้าย และเข็นฝ้าย (ปั่นฝ้าย) โดยเมื่อได้เส้นด้ายขาวนวลแล้วจึงช่วยกันทอธงผ้าขาว 3 ผืน จาก 3 หมู่บ้าน

 

2. ในวันพิธีปักธงชัย ชาวอำเภอนครไทยนั้นมักจะนำอาหารหวานคาว และนิมนต์พระภิกษุขึ้นไปยังเทือกเขาช้างล้วง โดยจะถวายภัตตาหารเพล ผู้นำชาวบ้าน ซึ่งจะกล่าวคำถวายธงผ้าขาวต่อพระภิกษุด้วยภาษาบาลี พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา โดยชาวบ้านจะนำธงผ้าขาวมาผูกติดกับด้ามไม้ไผ่ จะนำไปปักบนร่องหินธรรมชาติ ณ ยอดเขาฉันเพล ยอดเขายั่นไฮ และยอดเขาช้างล้วงตามลำดับ หลังจากเสร็จพิธีปักธงชัยแล้ว ชาวบ้านมักจะเล่นดนตรีพื้นบ้าน และฟ้อนรำกันอย่างสนุกสนานลงมาจากยอดเขา

 

ปัจจุบัน มีพิธีกรรมดังนี้

1. เมื่อใกล้เทศกาลปักธงชัย ชาวอำเภอนครไทยในหมู่บ้านใกล้วัดเหนือ วัดกลาง และวัดหัวร้อง จะช่วยซื้อฝ้ายและช่วยกันทอธงผ้าขาวขนาดกว้าง 9๐ เซนติเมตร ยาวประมาณ 4 เมตร จำนวน 3 ผืน จาก 3 หมู่บ้านและทอเป็นลวดลายบริเวณชายธงอย่างสวยงาม

 

2. เวลาเช้าของวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 12 จะนำธงไปทำพิธีบวงสรวงที่อนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางหาวภาคบ่ายมีการประกวดริ้วขบวนจากทุกหมู่บ้าน กลางคืนจัดงานรื่นเริงฉลอง

 

3. รุ่งเช้าของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จะจัดตั้งริ้วขบวนรถยนต์ โดยจะเคลื่อนไปตามถนนแล้วเดินผ่านคันนาขึ้นไปประกอบพิธีปักธงชัยเช่นเดียวกับในสมัยโบราณ ในตอนกลางคืนจัดงานลอยกระทง และมีการละเล่นต่าง ๆ

 

ประเพณีปักธงชัยเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีคุณค่า ทำให้ประชาชนรู้สึกผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิด ซึ่งก่อให้เกิดความรัก สามัคคีและช่วยเหลือกัน และเชื่อว่าหากปีใดไม่ปฏิบัติประเพณีนี้ ชาวนครไทยจะเกิดภัยพิบัติจากโรคภัย ภัยธรรมชาติ หรือเกิดไฟไหม้บ้านเรือน