ขุนหลวงวิลังคะ

ขุนหลวงวิลังคะ

ขุนหลวงวิลังคะ
Rating: 3/5 (6 votes)
แผนที่ แผนที่ แผนที่ มีแผนที่ มีแผนที่ ไม่มีแผนที่ ไม่มีแผนที่

สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00–17.00 น. (โดยประมาณ)
 
สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านเมืองก๊ะ ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กลางหุบเขาและผืนป่าที่เป็นส่วนหนึ่งของแนวเขาดอยสุเทพ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นจุดศูนย์รวมศรัทธาของลูกหลานชาวลัวะและชาวบ้านเมืองก๊ะที่เชื่อว่า ขุนหลวงวิลังคะคือกษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดินล้านนายุคแรก ๆ และเป็นบรรพบุรุษที่ปกปักรักษาชุมชนบนผืนดินแถบนี้มานับร้อย ๆ ปี
 
ตามตำนานที่เล่าสืบกันมา ขุนหลวงวิลังคะ หรือที่เรียกกันในสำเนียงพื้นเมืองว่า “มะลังกะ” เป็นกษัตริย์ของชนเผ่าลัวะ ผู้สร้างอาณาจักรอยู่บริเวณเชิงเขาดอยสุเทพและที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง มีเมืองสำคัญหลายแห่งที่ถูกกล่าวถึงในตำนานและหลักฐานโบราณคดี เช่น เวียงนพบุรี เวียงเชษฐบุรีหรือเวียงเจ็ดลิน และเวียงสวนดอก ซึ่งต่อมากลายเป็นพื้นที่ใจกลางของเมืองเชียงใหม่ในยุคหลัง การปรากฏชื่อของขุนหลวงวิลังคะในตำนานหลายสำนัก สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของชนเผ่าลัวะในฐานะเจ้าของถิ่นดั้งเดิมของแอ่งเชียงใหม่–ลำพูนก่อนการมาถึงของอาณาจักรล้านนา
 
เรื่องเล่าของขุนหลวงวิลังคะเชื่อมโยงกับตำนานหริภุญชัยและพระนางจามเทวีอย่างแนบแน่น หลายเวอร์ชันเล่าใกล้เคียงกันว่า ขุนหลวงวิลังคะเคยยกทัพไปท้าทายอำนาจหริภุญชัย และมีเงื่อนไขประลองความสามารถด้วยการพุ่ง “เสน้า” หรือหอกด้ามยาวสองคมจากดอยสุเทพให้ไปตกภายในกำแพงเมืองหริภุญชัย แต่เมื่อภายหลังถูกกลยุทธ์ของพระนางจามเทวีทำให้เดชะวิทยาคมเสื่อมถอย เมื่อพุ่งเสน้าอีกครั้งกลับไปตกที่เชิงดอยสุเทพ บริเวณที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หนองสะเหน้า” จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในตำนาน ก่อนที่ขุนหลวงจะถอนตัวจากสงครามและค่อย ๆ ล่าถอยออกจากเวทีการเมืองในลุ่มน้ำปิง
 
ต่อมาเมื่อพญามังรายขยายอำนาจลงมาทางใต้และสร้างนครเชียงใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 1839 บริเวณเชิงดอยสุเทพ เมืองและชุมชนของชาวลัวะหลายแห่งก็ถูกผนวกรวมเข้ามาอยู่ในอาณาจักรล้านนา ชาวลัวะบางส่วนกระจัดกระจายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในหุบเขาและดอยต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือบ้านเมืองก๊ะที่สืบทอดตำนานของขุนหลวงวิลังคะมาตลอด แม้บทบาททางการเมืองจะเลือนหายไป แต่ความทรงจำเกี่ยวกับกษัตริย์ลัวะพระองค์นี้ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในพิธีกรรม ความเชื่อ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างสถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะ
 
องค์สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะตั้งอยู่เนินดินไม่สูงมากนัก ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่และป่าชุมชนบ้านเมืองก๊ะ บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ ด้านหน้าสถูปมักมีธูปเทียน ดอกไม้ และเครื่องเซ่นสรวงที่ชาวบ้านนำมาถวายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ จะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศขรึมขลังแบบศาสนสถานผสมศาลผีบรรพบุรุษ สถูปไม่ใหญ่นักแต่เต็มไปด้วยร่องรอยการบูรณะและดูแลอย่างต่อเนื่องจากคนในชุมชน สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อและความเคารพที่มีต่อขุนหลวงวิลังคะยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
 
ทุกปีที่สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะจะมีพิธีกรรมสำคัญที่เรียกว่า “เลี้ยงขุนหลวง” หรือ “เลี้ยงไหว้สา” จัดขึ้นในเดือน 9 เมืองของปฏิทินล้านนา ซึ่งโดยประมาณจะตรงกับช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ชาวบ้านเชื่อว่าการจัดพิธีเลี้ยงขุนหลวงจะช่วยให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฟ้าฝนดี น้ำปลาอาหารไม่ขาดแคลน และยังช่วยคุ้มครองคนในหมู่บ้านให้ปลอดภัย พิธีจะเลือกวันก่อนเริ่มลงสวน ทำนา และมีข้อห้ามหลายอย่าง เช่น ต้องไม่ใช่วันศีล ไม่ใช่วันเสีย ไม่ใช่วันอาทิตย์ วันจันทร์ หรือวันพุธ เพื่อให้เป็นวันที่เหมาะสมตามคติความเชื่อโบราณ
 
ในงานเลี้ยงขุนหลวง ชาวบ้านจะร่วมกันจัดเครื่องสังเวย ทั้งอาหารพื้นเมือง ข้าวปลาเนื้อ ของหวาน และเครื่องดื่มตามแบบพิธีผีบรรพบุรุษ มีการตั้งเครื่องบูชาบนโต๊ะบวงสรวงหน้าองค์สถูป ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนจะเป็นผู้นำประกอบพิธีตามแบบฉบับดั้งเดิม มีการกล่าวคำขอขมา ขอบคุณ และขอพรจากดวงวิญญาณของขุนหลวงวิลังคะให้ช่วยคุ้มครองชุมชนและให้การเพาะปลูกตลอดปีนั้นประสบผลสำเร็จ พิธีนี้ไม่เพียงเป็นการบวงสรวงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์และรากเหง้าของชาวเมืองก๊ะให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย
 
บ้านเมืองก๊ะเองเป็นชุมชนของลูกหลานชาวลัวะที่ยังรักษาอัตลักษณ์หลายอย่างไว้ ทั้งภาษา การแต่งกายแบบดั้งเดิมในบางโอกาส และคติความเชื่อเกี่ยวกับผีบรรพบุรุษ ในพื้นที่รอบหมู่บ้านมีหลักฐานโบราณคดีหลายแห่ง เช่น เนินดินรูปวงกลมหรือ “หลุมฝังศพลัวะ” ที่เชื่อว่ามีอายุหลายร้อยปี รวมถึงร่องรอยกำแพงดินและดอยหินที่สันนิษฐานว่าเคยเป็นจุดสังเกตการณ์หรือป้อมป้องกันเมือง นอกจากนี้ยังพบเศษภาชนะดินเผา เศษเครื่องถ้วยจีน และอิฐโบราณสมัยล้านนา กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ยืนยันได้ว่าดินแดนนี้เคยเป็นศูนย์กลางชุมชนสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ
 
สำหรับผู้มาเยือน สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะไม่ใช่เพียงจุด “เช็กอิน” ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เชียงใหม่และล้านนา เพราะทำให้เราเห็นว่า ก่อนจะมีเชียงใหม่ในฐานะเมืองหลวงของล้านนา ดินแดนแถบนี้เคยเป็นอาณาจักรของชาวลัวะและมีระบบความเชื่อ พิธีกรรม และการปกครองเป็นของตนเอง การได้มาสักการะสถูปแห่งนี้จึงเหมือนการ “ทักทาย” เจ้าของถิ่นดั้งเดิม และเรียนรู้ว่าล้านนาไม่ได้มีเพียงเรื่องของพญามังรายหรือเชียงใหม่เท่านั้น หากยังมีเรื่องราวของชาวลัวะและขุนหลวงวิลังคะซ่อนอยู่เบื้องหลัง
 
การไปเยือนบ้านเมืองก๊ะและสถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะยังสามารถจัดเป็นทริปเล็ก ๆ ควบคู่กับการเที่ยววัดพระพุทธบาทสี่รอยและวัดอื่น ๆ บนเส้นทางเดียวกันได้ โดยเฉพาะผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง การใช้เวลาสักครึ่งวันเดินชมหมู่บ้านเก่า นั่งพักในคาเฟ่บรรยากาศธรรมชาติแถบสะลวง แล้วค่อยแวะสักการะสถูปก่อนกลับตัวเมืองเชียงใหม่ จะทำให้ได้เห็นภาพล้านนาอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่เพียงตัวเมืองคูเมืองและวัดชื่อดังเท่านั้น แต่ยังเป็นล้านนาของคนภูเขา คนป่า และคนดั้งเดิมที่ยังหายใจอยู่ในปัจจุบัน
 
การเดินทาง: จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ถนนสายเชียงใหม่–แม่ริม (ทางหลวงหมายเลข 107) ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนแม่ริม–สะเมิง (ทางหลวงหมายเลข 1096) มุ่งหน้าไปทางตำบลสะลวง ผ่านแยกปากทางสะลวงและชุมชนต่าง ๆ แล้วใช้ถนนเข้าสู่บ้านเมืองก๊ะ รวมระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงสถูปประมาณ 35–40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 45–60 นาที เหมาะกับการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถเช่า หากไม่มีรถสามารถเหมาแท็กซี่หรือรถสองแถวจากตัวเมืองเชียงใหม่ได้ โดยควรตกลงค่าใช้จ่ายและเส้นทางล่วงหน้าให้ชัดเจน
 
เมื่อไปถึงบริเวณสถูปนักท่องเที่ยวควรแต่งกายสุภาพ เดินด้วยความสำรวม และเว้นการส่งเสียงดัง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมผีบรรพบุรุษของชุมชน หากต้องการสักการะสามารถเตรียมดอกไม้ ธูปเทียนไปเอง หรืออาจใช้ดอกไม้ท้องถิ่นที่หาได้ในหมู่บ้านโดยไม่เด็ดจากบริเวณสถูปโดยตรง การรักษาความสะอาดและเคารพกฎของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังคงความสงบงามและเป็นที่พึ่งทางใจของทั้งชาวบ้านและผู้มาเยือนต่อไปอีกยาวนาน
 
ชื่อสถานที่ สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะ บ้านเมืองก๊ะ ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ที่ตั้ง หมู่ที่ 5 บ้านเมืองก๊ะ ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตเชิงเขาดอยสุเทพและป่าชุมชนบ้านเมืองก๊ะ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 35–40 กิโลเมตร
ลักษณะเด่น สถูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสถานที่สถิตของดวงวิญญาณขุนหลวงวิลังคะ บรรพกษัตริย์ชาวลัวะ บรรยากาศเงียบสงบ รายล้อมด้วยป่าเขา เหมาะสำหรับการสักการะ ทำบุญ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของชาวลัวะและล้านนา
ยุคสมัย / ความเป็นมา ตำนานขุนหลวงวิลังคะเกี่ยวข้องกับชุมชนชาวลัวะในแอ่งเชียงใหม่–ลำพูนก่อนการสถาปนาเชียงใหม่ในสมัยพญามังราย ภายหลังเมื่ออาณาจักรล้านนารุ่งเรือง ชุมชนชาวลัวะในบ้านเมืองก๊ะยังคงรักษาความทรงจำเกี่ยวกับขุนหลวงวิลังคะ ผ่านพิธีกรรมและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะแห่งนี้
หลักฐานสำคัญ / สิ่งที่น่าสังเกต เนินดินและสถูปเก่าในบริเวณเดียวกัน หลุมฝังศพลัวะรูปวงกลมบนดอยใกล้หมู่บ้าน รวมถึงเศษภาชนะดินเผา เครื่องถ้วยจีน และอิฐโบราณสมัยล้านนาที่พบในพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งตั้งถิ่นฐานสำคัญของชุมชนโบราณ
ความเชื่อและพิธีกรรม มีพิธี “เลี้ยงขุนหลวง” หรือ “เลี้ยงไหว้สา” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือน 9 เมือง (ราวเดือนมิถุนายน) ก่อนเริ่มฤดูเพาะปลูก ชาวบ้านเชื่อว่าพิธีนี้จะทำให้พืชผลดี ฟ้าฝนเป็นใจ ชุมชนอยู่เย็นเป็นสุข และเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ถนนเชียงใหม่–แม่ริม (ทางหลวงหมายเลข 107) จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนแม่ริม–สะเมิง (ทางหลวงหมายเลข 1096) แล้วขับต่อไปยังทางเข้าบ้านเมืองก๊ะ รวมระยะทางประมาณ 35–40 กิโลเมตร เหมาะสำหรับรถยนต์ส่วนตัวหรือรถเช่า หากใช้รถสาธารณะควรเหมาแท็กซี่หรือสองแถวโดยตกลงราคาและเวลาไปรับกลับให้ชัดเจน
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมระยะทาง (โดยประมาณ) - วัดพระพุทธบาทสี่รอย ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม ระยะทางประมาณ 7–8 กม.
- ฮิมห้วย คาเฟ่ และจุดพักก่อนขึ้นวัดพระพุทธบาทสี่รอย ระยะทางประมาณ 7–9 กม.
- หมู่บ้านเมืองก๊ะและป่าชุมชนบ้านเมืองก๊ะ (เดินชมในรัศมีใกล้เคียงสถูป)
- ม่อนแจ่ม และแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางแม่ริม–สะเมิง ระยะทางประมาณ 20–25 กม.
- แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและคาเฟ่สายธรรมชาติในตำบลสะลวงและแม่ริมหลายแห่งในรัศมี 10–20 กม.
ร้านอาหารแนะนำใกล้เคียง (ระยะทาง & เบอร์โทรโดยประมาณ) - แซ่บสะลวง ส้มตำซีฟู้ด บ้านสะลวงนอก ระยะทางประมาณ 12–15 กม. โทร. 099-371-3339
- ฮิมห้วย คาเฟ่ (คาเฟ่และอาหารไทย ใกล้ทางขึ้นวัดพระพุทธบาทสี่รอย) ระยะทางประมาณ 7–9 กม. โทร. 094-696-6199
- Banchong Cafe (คาเฟ่วิวทุ่งนาแถวปากทางสะลวง) ระยะทางประมาณ 12–15 กม. โทร. 063-971-6165
ที่พักแนะนำใกล้เคียง (ระยะทาง & เบอร์โทรโดยประมาณ) - ดูสายธารา รีสอร์ท (DusaiTara Resort) ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม ระยะทางประมาณ 20 กม. โทร. 095-462-4269
- ตาดปลาแคมป์ ออร์แกนิคส์ ฟาร์มสเตย์ / Forest Falls Garden Maerim Chiangmai ระยะทางประมาณ 15–20 กม. โทร. 084-613-2601, 093-258-2445
- โฮมสเตย์และรีสอร์ทในตำบลสะลวงและแม่ริมอีกหลายแห่ง สามารถค้นหาข้อมูลและรีวิวล่าสุดก่อนการเดินทางเพื่อเลือกที่พักที่เหมาะสม
สิ่งอำนวยความสะดวก ลานจอดรถพื้นฐานบริเวณหมู่บ้าน ทางเดินขึ้นสถูป สถานที่สำหรับวางเครื่องสักการะ และเครือข่ายร้านค้า–ร้านอาหาร–คาเฟ่ในตำบลสะลวงและแม่ริมที่สามารถแวะรับประทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำได้ก่อนหรือหลังการเยี่ยมชม
สถานะปัจจุบัน ยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเมืองก๊ะและลูกหลานชาวลัวะให้ความเคารพนับถือ มีผู้เดินทางมาสักการะอย่างต่อเนื่อง และมีการจัดพิธีเลี้ยงขุนหลวงเป็นประจำทุกปี
ค่าธรรมเนียมเข้า ไม่มีค่าธรรมเนียมเข้า ชมได้ฟรี แนะนำให้ช่วยรักษาความสะอาดและเคารพกติกาของชุมชน
 
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะตั้งอยู่ที่ไหน?
ตอบ: สถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านเมืองก๊ะ ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตเชิงเขาดอยสุเทพ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 35–40 กิโลเมตร
 
ถาม: พิธีเลี้ยงขุนหลวงจัดขึ้นช่วงเดือนไหนของปี?
ตอบ: พิธีเลี้ยงขุนหลวงหรือเลี้ยงไหว้สาจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือน 9 เมืองของปฏิทินล้านนา ซึ่งโดยประมาณตรงกับช่วงเดือนมิถุนายน ก่อนเริ่มฤดูเพาะปลูก โดยจะเลือกวันที่ไม่ใช่วันศีลและไม่ใช่วันอาทิตย์ วันจันทร์ หรือวันพุธตามคติความเชื่อโบราณ
 
ถาม: สามารถไปสักการะสถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะได้ตลอดทั้งปีหรือไม่?
ตอบ: สามารถเดินทางไปสักการะได้ตลอดทั้งปี ในช่วงเช้าหรือเย็นอากาศจะค่อนข้างเย็นสบายและบรรยากาศเงียบสงบเป็นพิเศษ หากต้องการร่วมพิธีใหญ่ของชุมชนควรติดตามกำหนดการพิธีเลี้ยงขุนหลวงในเดือน 9 เมืองของแต่ละปี
 
ถาม: หากต้องการไปร่วมพิธีเลี้ยงขุนหลวงควรเตรียมตัวอย่างไร?
ตอบ: ควรแต่งกายสุภาพ เตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือของทำบุญพื้นบ้านตามความเหมาะสม และปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้นำชุมชนอย่างเคร่งครัด เนื่องจากพิธีดังกล่าวเป็นพิธีกรรมผีบรรพบุรุษที่ชาวบ้านให้ความเคารพสูง ไม่ควรถ่ายรูปหรือใช้เสียงดังในช่วงประกอบพิธีสำคัญ
 
ถาม: สามารถเดินทางไปสถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะโดยไม่มีรถส่วนตัวได้หรือไม่?
ตอบ: เส้นทางไปบ้านเมืองก๊ะยังไม่มีรถประจำทางตรงถึงสถูป จึงสะดวกที่สุดหากมีรถยนต์ส่วนตัวหรือรถเช่า หากไม่มีรถสามารถเหมาแท็กซี่หรือรถสองแถวจากตัวเมืองเชียงใหม่ โดยควรตกลงค่าโดยสาร เวลาออกเดินทาง และเวลาไปรับกลับให้ชัดเจนล่วงหน้า
แผนที่ ขุนหลวงวิลังคะ แผนที่ขุนหลวงวิลังคะ
คำค้นคำค้น: ขุนหลวงวิลังคะสถูปพ่อขุนหลวงวิลังคะ ขุนหลวงวิลังคะ สถูปขุนหลวงวิลังคะ แม่ริม บ้านเมืองก๊ะ ตำบลสะลวง ประวัติขุนหลวงวิลังคะ ตำนานชาวลัวะ เชียงใหม่ ที่เที่ยวประวัติศาสตร์แม่ริม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เชียงใหม่ พิธีเลี้ยงขุนหลวง เดือน 9 เมือง ท่องเที่ยววัฒนธรรมล้านนา
ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด: 7 วันที่แล้ว


แสดงความเห็น

แสดงความเห็น




คำค้น (ขั้นสูง)
   
Email :
  รหัสผ่าน :
  สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 

 

ภูมิภาค ภูมิภาคhttps://www.lovethailand.org/

https://www.lovethailand.org/อ.เมืองเชียงใหม่(191)

https://www.lovethailand.org/อ.จอมทอง(21)

https://www.lovethailand.org/อ.แม่แจ่ม(19)

https://www.lovethailand.org/อ.เชียงดาว(23)

https://www.lovethailand.org/อ.ดอยสะเก็ด(28)

https://www.lovethailand.org/อ.แม่แตง(43)

https://www.lovethailand.org/อ.แม่ริม(39)

https://www.lovethailand.org/อ.สะเมิง(12)

https://www.lovethailand.org/อ.ฝาง(28)

https://www.lovethailand.org/อ.แม่อาย(21)

https://www.lovethailand.org/อ.พร้าว(19)

https://www.lovethailand.org/อ.สันป่าตอง(7)

https://www.lovethailand.org/อ.สันกำแพง(16)

https://www.lovethailand.org/อ.สันทราย(8)

https://www.lovethailand.org/อ.หางดง(18)

https://www.lovethailand.org/อ.ฮอด(9)

https://www.lovethailand.org/อ.ดอยเต่า(3)

https://www.lovethailand.org/อ.อมก๋อย(16)

https://www.lovethailand.org/อ.สารภี(3)

https://www.lovethailand.org/อ.เวียงแหง(10)

https://www.lovethailand.org/อ.ไชยปราการ(6)

https://www.lovethailand.org/อ.แม่วาง(9)

https://www.lovethailand.org/อ.แม่ออน(13)

https://www.lovethailand.org/อ.ดอยหล่อ(4)

https://www.lovethailand.org/อ.กัลยาณิวัฒนา(3)