ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์

Rating: 3.3/5 (10 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน (แนะนำติดต่อ/นัดหมายล่วงหน้า เพราะเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของโครงการหลวงและกิจกรรมภาคสนามอาจทำให้การเข้าชมบางส่วนปรับเปลี่ยนได้)
เวลาเปิดทำการ: แนะนำ 08.30–16.30 น. (โดยทั่วไป ควรตรวจสอบก่อนเดินทาง)
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ คือปลายทาง “ที่พักผ่อนเชียงใหม่” สำหรับคนที่อยากเที่ยวภาคเหนือแบบได้ทั้งอากาศดี ความเงียบของพื้นที่สูง และได้เห็นงานพัฒนาชุมชนที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่จุดถ่ายรูปแล้วจบ เพราะแก่นของที่นี่คือพื้นที่ทำงานของโครงการหลวงและโครงการพระราชดำริ ที่ตั้งใจยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) ในเขตบ้านวัดจันทร์และหมู่บ้านใกล้เคียง ผ่านการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมบนพื้นที่สูง การปรับระบบการผลิตให้เหมาะกับภูมิประเทศ และการดูแลทรัพยากรป่าต้นน้ำให้คนอยู่กับป่าได้อย่างสมดุลมากขึ้น
เรื่องราวของศูนย์ฯ ผูกกับช่วงปี 2522 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรชาวเขาในเขตหมู่บ้านวัดจันทร์ ทรงทราบถึงความทุกข์ยากของผู้คนในพื้นที่และข้อจำกัดด้านคมนาคมที่ทำให้การดำรงชีวิตและการเข้าถึงโอกาสเป็นเรื่องยาก พระราชดำริในการพัฒนาบ้านวัดจันทร์และหมู่บ้านรอบ ๆ จึงนำไปสู่การจัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ เพื่อช่วยให้ชุมชนมีอาชีพที่มั่นคงขึ้น ลดความเปราะบางของรายได้ และสร้างเงื่อนไขให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ “ไม่หนักเกินกำลังภูเขา”
หากมองภาพรวมงานรับผิดชอบ ศูนย์ฯ ระบุพื้นที่ครอบคลุมขนาดใหญ่ระดับ 153,592 ไร่ กินขอบเขตหลายหมู่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่และต่อเนื่องไปถึงบางหมู่บ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชากรในพื้นที่เป็นชาวปกาเกอะญอจำนวนมาก ลักษณะภูมิประเทศเด่นคือผืนป่าสนและป่าเต็งรังขนาดใหญ่ในระดับความสูงประมาณ 960 เมตร ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม “วัดจันทร์” จึงให้ความรู้สึกต่างจากดอยท่องเที่ยวที่คุ้นเคย เพราะนี่คือภูมิประเทศที่ยังมีความเป็นป่าธรรมชาติและความเป็นชุมชนอยู่จริง ไม่ใช่พื้นที่ที่ถูกจัดฉากเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเดียว
เสน่ห์สำคัญของการมาเยือนคือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่พาเราเข้าใกล้คำว่า “เกษตรบนพื้นที่สูง” แบบเห็นด้วยตา คุณจะเจอแปลงสาธิตผักและผลไม้เมืองหนาว เช่น บ๊วย พลับ พลัม สาลี่ รวมถึงแปลงปลูกของชาวบ้านที่สะท้อนวิธีทำกินจริงของชุมชน มากไปกว่านั้นคือแปลงพืชผักหลากสีในศูนย์ฯ ที่ทำให้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในห้องเรียนกลางหุบเขา ตั้งแต่แรดิชชิโอ สวิสชาร์ด อาติโช๊ค ฟักทองมินิ ไปจนถึงกระเทียมต้น ซึ่งแต่ละชนิดไม่ใช่แค่ “ปลูกให้ดู” แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบทดลอง ส่งเสริม และต่อยอดรายได้ที่เหมาะกับพื้นที่เย็น
อีกมุมที่ทำให้ศูนย์ฯ มีความหลากหลายคือการส่งเสริมปศุสัตว์บนพื้นที่สูง ซึ่งในข้อมูลที่พบมักกล่าวถึงสัตว์หลายชนิด เช่น กระต่าย กวาง ไก่หลากสายพันธุ์ และแพะ แนวคิดสำคัญของงานปศุสัตว์ในบริบทพื้นที่สูงคือการสร้างแหล่งโปรตีน สร้างรายได้เสริม และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาพืชเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับผู้มาเยือน สิ่งที่ควรจำคือกิจกรรมบางอย่างจะขึ้นกับภารกิจของศูนย์ฯ และจังหวะการทำงานในแต่ละช่วง จึงควรติดต่อก่อนเพื่อให้การเข้าชมเป็นไปอย่างเหมาะสม
ไฮไลต์ด้านธรรมชาติที่คนจำนวนมากตั้งใจมาหา คือผืนป่าสนอายุกว่าร้อยปีซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นป่าสนเขาธรรมชาติผืนใหญ่ของไทย มีทั้งสนสองใบและสนสามใบ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือก 2 เส้นทางตามข้อมูลที่เล่าต่อกันมาบ่อย เส้นทางแรกพาไปชมป่าสนสองใบ โดยระยะจากศูนย์ฯ ราว 3 กิโลเมตร (นั่งรถประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าอีกประมาณ 2 กิโลเมตร) ระหว่างทางมีโอกาสพบกล้วยไม้ป่าและนกประจำถิ่น ส่วนเส้นทางที่สองเป็นทางเดินเท้าระยะใกล้กว่า เหมาะกับคนอยากเดินเบา ๆ เพื่อสัมผัสป่าสนสามใบและพรรณไม้ป่าที่หลากหลาย โดยมักระบุว่าห่างจากศูนย์ฯ ประมาณ 1 กิโลเมตร
นอกจากป่าสน ยังมีภาพธรรมชาติที่คนชอบจำคือ “นาป่าสน” หรือบรรยากาศทุ่งนาในบริบทที่มีแนวสนเป็นฉากหลัง ซึ่งให้ความรู้สึกเรียบสงบและค่อนข้างยูนีกสำหรับเชียงใหม่ อีกจุดที่คนสายดอกไม้ชอบแวะคือแปลงดอกไม้ในศูนย์ฯ เช่น ไฮเดรนเยียและดอกกระเจียว (ขึ้นกับฤดูกาล) และถ้าคุณชอบจุดชมวิวแบบได้มุมกว้าง ๆ ยังมีการกล่าวถึงจุดชมวิวทะเลหมอกในแนวรอยต่อระหว่างบ้านเด่น (อำเภอกัลยาณิวัฒนา) กับบ้านห้วยตอง (แม่ฮ่องสอน) ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยให้เราเข้าใจภูมิประเทศของแนวเทือกเขารอยต่อได้ชัดขึ้น
สำหรับคนชอบน้ำตกและความเขียวชื้น บริเวณนี้มีการพูดถึง “น้ำตกห้วยฮ่อม” ซึ่งเป็นน้ำตกในลักษณะกิ่วน้ำ (ตาน้ำ) ที่โยงกับลำน้ำสายสำคัญอย่างแม่แจ่มและปาย บรรยากาศมักรายล้อมด้วยเฟินและความชื้นของป่าต้นน้ำ อีกจุดคือ “อ่างเก็บน้ำห้วยอ้อ” อ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานที่มีภูมิทัศน์ป่าสนโดยรอบ เหมาะกับการนั่งพักเงียบ ๆ มากกว่าการทำกิจกรรมเสียงดัง และในพื้นที่ยังมีการกล่าวถึงพืชกินแมลงอย่าง “หยาดน้ำค้าง” ที่คนชอบไปดูเพราะหน้าตาแปลกและมีรายละเอียดน่ารักแบบธรรมชาติทำเอง
ส่วนที่ทำให้วัดจันทร์ “ไม่เหมือนแค่ทริปธรรมชาติ” คือมิติทางวัฒนธรรมของชุมชนปกาเกอะญอ ซึ่งยังมีวิถีแต่งกายชุดชนเผ่าในวันสำคัญอย่างวันพระและวันสำคัญของชุมชน งานทอผ้ากี่เอวและเครื่องดนตรีพื้นถิ่นเป็นสิ่งที่หลายคนตั้งใจมาดู แต่ถ้าจะให้เข้าใจลึกขึ้นจริง ๆ ต้องรู้จักพิธีกรรมสำคัญที่ปรากฏในเรื่องเล่าพื้นถิ่น เช่น “ประเพณีเลี้ยงผี” ที่ผูกกับความเชื่อเรื่องการขอขมาและขอพรจากผีเจ้าบ้านเจ้าเมืองให้การงานสำเร็จ “พิธีมัดมือ” ที่ทำบุญเรียกขวัญให้สมาชิกในหมู่บ้านซึ่งมักจัดปีละ 1–2 ครั้ง และ “พิธีเลี้ยงแก้บน” ที่ทำเพื่อปัดเป่าทุกข์ให้ผู้ป่วย ทั้งหมดนี้เป็นพื้นที่ความเชื่อที่ควรเข้าหาด้วยความเคารพ ไม่ถ่ายรูปหรือเข้าไปใกล้พิธีโดยไม่ขออนุญาต และถ้าตั้งใจจะไปให้ตรงจังหวะจริง ๆ ควรให้ชุมชนเป็นคนบอกจังหวะที่เหมาะสม
อีกสีสันที่น่ารักของวัดจันทร์คือ “พิธีต้อนรับแขก” ที่มีชาสูตรเฉพาะ โดยผสมเกลือลงในน้ำชาเล็กน้อย เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้การไปเยือนมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น เพราะมันไม่ใช่แค่การซื้อบริการท่องเที่ยว แต่คือการได้เรียนรู้มารยาทและวิธีรับรองแขกของชุมชนบนดอย และถ้าคุณสนใจจุดที่เป็นเอนทิตีสำคัญของพื้นที่ ยังมีการกล่าวถึง “โบสถ์เรย์แบน” ที่รูปลักษณ์แปลกตาในเขตวัดจันทร์ และ “พระธาตุจอมแจ้ง” พระธาตุเก่าแก่ที่มักเล่ากันว่ามีอายุมากกว่า 300 ปี ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนแวะขึ้นไปเพื่อชมวิวของหมู่บ้านจากมุมสูง
เรื่องของฝากของที่ระลึกในมุมโครงการหลวงและชุมชน มักเป็นงานหัตถกรรมของชาวปกาเกอะญอ เช่น ผ้าปัก ผ้าทอ และเครื่องจักสาน รวมถึงพืชผักและผลไม้เมืองหนาวตามฤดูกาล ถ้าคุณอยาก “ซื้อของที่มีที่มา” การเลือกของจากชุมชนลักษณะนี้จะทำให้เงินหมุนกลับไปสู่คนทำงานจริงมากกว่าของฝากสำเร็จรูปทั่วไป
ด้านที่พักและอาหาร ข้อมูลที่พบระบุว่าศูนย์ฯ มีบ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ และสามารถกางเต็นท์ใต้ร่มเงาต้นสนได้ พร้อมบริการเช่าเต็นท์และถุงนอน (กรณีนำเต็นท์มาเองมักมีค่าบำรุงพื้นที่) ส่วนโฮมสเตย์ในพื้นที่มีทั้งของชุมชนและที่พักของหน่วยงานป่าไม้ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตามเงื่อนไข การวางแผนที่ดีที่สุดสำหรับพื้นที่แบบนี้คือ “จองก่อนเสมอ” เพราะจำนวนห้องพักไม่ได้เยอะเหมือนแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก และฤดูกาลที่คนอยากมา เช่น หน้าหนาวหรือช่วงทะเลหมอก มักเต็มเร็ว ส่วนเรื่องอาหาร ภายในศูนย์ฯ โดยหลักไม่มีร้านอาหารประจำแบบร้านเปิดตลอด แต่สามารถสั่งรายการอาหารล่วงหน้าสำหรับหมู่คณะ หรือจัดทำอาหารเองได้โดยสั่งวัตถุดิบบางส่วนจากศูนย์ฯ รวมถึงในหมู่บ้านมีร้านอาหารบริการ ดังนั้นถ้าจะให้ทริปลื่น แนะนำคิดเรื่อง “มื้อ” ให้จบตั้งแต่ก่อนขึ้นดอย
การเดินทาง ไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์มี 2 เส้นทางหลักตามข้อมูลที่ใช้อ้างอิงกันบ่อย เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางแม่ริม–สะเมิง แล้วต่อสายสะเมิง–วัดจันทร์ ระยะทางรวมจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงศูนย์ฯ ราว 154 กิโลเมตร โดยมีบางช่วงเป็นดินลูกรัง และมีรถโดยสารประจำทางบางเที่ยวที่เริ่มต้นจากตัวเมืองเชียงใหม่ (ขึ้นรถได้แถวตลาดวโรรส) เส้นทางที่ 2 ใช้สายเชียงใหม่–แม่แตง แล้วเข้าทางหลวง 1095 (โซนแม่มาลัย) ไปทางปาย ก่อนถึงอำเภอปายประมาณ 12 กิโลเมตรให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปวัดจันทร์ เข้าสู่เส้น 1265 ต่อไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าเส้น 1349 ขับต่อจนเห็นแนวป่าสน ศูนย์ฯ จะอยู่ด้านขวามือ โดยภาพรวมสภาพทางมักถูกมองว่าดีกว่าเส้นทางแรก แต่ไม่ว่าจะเลือกเส้นไหน ควรเตรียมรถให้อยู่ในสภาพพร้อมทางเขา เผื่อเวลา และตรวจสภาพอากาศ โดยเฉพาะฤดูฝน
| ชื่อสถานที่ | ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ |
| ที่ตั้ง | ตำบลบ้านจันทร์ (โซนบ้านเด่น/วัดจันทร์) อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ |
| ลักษณะเด่น | ศูนย์พัฒนางานเกษตรบนพื้นที่สูง (ผัก–ผลไม้เมืองหนาว) เชื่อมงานพัฒนาชุมชนปกาเกอะญอ ผืนป่าสนธรรมชาติ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ วิวภูเขา น้ำตก และอ่างเก็บน้ำ |
| ยุค/ปีสำคัญ | พ.ศ. 2522 (เสด็จเยี่ยมราษฎรและมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่ นำสู่การจัดตั้งศูนย์ฯ) |
| ความสูง/สภาพพื้นที่ | ประมาณ 960 เมตร จากระดับน้ำทะเล; ผืนป่าสนและป่าเต็งรังขนาดใหญ่ บริบทพื้นที่สูงอากาศเย็น |
| ประเพณี/วัฒนธรรมสำคัญ | ชุมชนปกาเกอะญอ: ประเพณีเลี้ยงผี, พิธีมัดมือ (ปีละ 1–2 ครั้งตามชุมชน), พิธีเลี้ยงแก้บน, พิธีต้อนรับแขกด้วยชาผสมเกลือเล็กน้อย, งานทอผ้ากี่เอว/งานปักผ้า |
| การเดินทาง | เส้นแม่ริม–สะเมิง–วัดจันทร์ (รวมราว 154 กม. จากตัวเมืองเชียงใหม่ มีบางช่วงลูกรัง) / เส้นแม่แตง–1095 แล้วเลี้ยวเข้า 1265 ต่อ 1349 (โดยรวมสภาพทางมักดีกว่า) |
| เบอร์ติดต่อ | ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์: 084-365-5405 |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง (พร้อมระยะทาง) | เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าสนสองใบ (รวมจากศูนย์ฯ ราว 3 กม.: รถ ~1 กม. + เดิน ~2 กม.) เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าสนสามใบ (เดินเท้าจากศูนย์ฯ ราว 1 กม.) ป่าสนวัดจันทร์/ที่พักสวนป่าบ้านวัดจันทร์ (โซนเดียวกัน ระยะทางขึ้นกับจุดที่พัก) พระธาตุจอมแจ้ง (โซนวัดจันทร์ ระยะทางขึ้นกับเส้นทางในหมู่บ้าน) น้ำตกห้วยฮ่อม, อ่างเก็บน้ำห้วยอ้อ (โซนรอบวัดจันทร์ ระยะทางขึ้นกับจุดเริ่ม) |
| ร้านอาหาร/คาเฟ่ใกล้เคียง (พร้อมระยะทางและเบอร์โทร) | Porwa Pizza & Drip Coffee (บ้านวัดจันทร์/โซนกัลยาณิวัฒนา) โทร 080-680-7706 ครัวริมทุ่ง (โซนบ้านจันทร์/กัลยาณิวัฒนา) โทร 098-787-1530 BaanChan Cafe (โซนวัดจันทร์/กัลยาณิวัฒนา) โทร 086-392-9569 CHən Coffee & Bakery (โซนบ้านจันทร์/กัลยาณิวัฒนา) โทร 063-290-0000 ร้านอาหาร/ครัวที่พักสวนป่าบ้านวัดจันทร์ (เหมาะกับผู้เข้าพัก/สอบถามเงื่อนไข) โทร 086-181-3388 |
| ที่พักใกล้เคียง (พร้อมระยะทางและเบอร์โทร) | ที่พักสวนป่าบ้านวัดจันทร์/ป่าสนวัดจันทร์ (โซนวัดจันทร์) โทร 086-181-3388 บ้านจันทร์คว้าดาวโฮมสเตย์ (ต.บ้านจันทร์) โทร 098-111-2191, 089-929-6778 ซว่า โฮสเทล / Sawa Hostel (โซนกัลยาณิวัฒนา) โทร 090-329-6660 ต้นรักกัลยา (โซนกัลยาณิวัฒนา) โทร 085-712-9323 (มีอีกเบอร์ตามข้อมูลผู้ให้บริการ: 086-188-0684) โฮมสเตย์บ้านจันทร์ (เครือข่ายที่พักชุมชน/จุดประสานบางช่วงกิจกรรม) โทร 098-804-1312, 065-006-2878 |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | บ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ (ตามเงื่อนไข), พื้นที่กางเต็นท์, บริการเช่าเต็นท์/ถุงนอน (รายละเอียดและค่าบำรุงพื้นที่ แนะนำโทรสอบถามก่อนเดินทาง) |
| ค่าธรรมเนียม | ไม่ระบุแน่ชัด (หากต้องการกางเต็นท์/ใช้พื้นที่ ค่าบำรุงอาจแตกต่างตามเงื่อนไข โปรดสอบถามก่อน) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ เหมาะกับใคร?
ตอบ: เหมาะกับคนที่อยากพักผ่อนเชียงใหม่แบบสงบ ๆ ในพื้นที่สูง ชอบธรรมชาติป่าสน และอยากเห็นงานพัฒนาโครงการหลวงที่เชื่อมอาชีพชุมชนกับการดูแลป่าต้นน้ำ
ถาม: ถ้าอยากเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าสน ต้องเตรียมอะไร?
ตอบ: เตรียมรองเท้าที่เดินป่าได้จริง น้ำดื่ม เสื้อกันฝน/เสื้อกันลมตามฤดูกาล และวางแผนเวลาให้พอ เพราะบางช่วงต้องเดินเท้า และควรเช็กสภาพอากาศก่อนออกเดิน
ถาม: วัดจันทร์มีวัฒนธรรม/พิธีกรรมอะไรที่เด่น?
ตอบ: มีวิถีชุมชนปกาเกอะญอ เช่น งานทอผ้ากี่เอว และมีพิธีสำคัญที่ถูกเล่าถึงบ่อย เช่น ประเพณีเลี้ยงผี พิธีมัดมือ และพิธีต้อนรับแขกด้วยชาผสมเกลือเล็กน้อย หากอยากชมควรสอบถามชุมชนล่วงหน้าและเคารพกติกาพื้นที่
ถาม: ที่พักในศูนย์ฯ มีไหม และควรจองอย่างไร?
ตอบ: มีข้อมูลว่ามีบ้านพักรับรองและพื้นที่กางเต็นท์ แต่จำนวนจำกัดและมีเงื่อนไข แนะนำโทรติดต่อศูนย์ฯ หรือเลือกที่พักในพื้นที่วัดจันทร์/กัลยาณิวัฒนาแล้วจองล่วงหน้า โดยเฉพาะหน้าหนาว
ถาม: ไปเส้นทางไหนดีถ้าขับรถเอง?
ตอบ: เส้นแม่แตง–1095 แล้วเลี้ยวเข้า 1265 ต่อ 1349 มักถูกมองว่าสภาพทางโดยรวมดีกว่า แต่ไม่ว่าเส้นไหนก็ควรเผื่อเวลา เตรียมรถให้พร้อมทางเขา และตรวจสภาพอากาศ โดยเฉพาะฤดูฝน
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: