ภาพแกะสลักหินเขายักษ์

ภาพแกะสลักหินเขายักษ์

ภาพแกะสลักหินเขายักษ์
Rating: 4.4/5 (5 votes)
แผนที่ แผนที่ แผนที่ มีแผนที่ มีแผนที่ ไม่มีแผนที่ ไม่มีแผนที่

สถานที่ท่องเที่ยวสระแก้ว

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 06:00 – 18:00 น.
 
ภาพแกะสลักหินเขายักษ์ อุทยานแห่งชาติตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เมื่อเอ่ยถึงแนวพนมดงรัก ภาพจำของหลายคนคือภูเขาขรุขระที่ทอดยาวเป็นเส้นพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่สำหรับนักเดินทางที่หลงใหลโบราณคดี ชื่อของ “เขายักษ์” ในหมู่ 5 บ้านใหม่ไทยถาวร ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว คือหมุดหมายที่ซ่อน “เอกสารประวัติศาสตร์บนหิน” ไว้อย่างเงียบงาม ภาพแกะสลักนูนต่ำบนผนังหินทรายในป่าแห่งนี้ไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวความศรัทธาทางศาสนา หากยังโยงใยเส้นทางการค้าจากที่ราบสูงโคราชสู่เมืองพระนครของขอมโบราณ ทำให้ผืนป่าแห้งแล้งดูอ่อนโยนขึ้นด้วยร่องรอยปลายสิ่วจากช่างชำนาญยุคก่อนสมัยเรา
 
บริเวณที่พบภาพสลักอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา บนเนินหินทรายตามสันเขาย่อยของพนมดงรัก ใกล้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 348 ช่วงสระแก้ว – บุรีรัมย์ การก่อตัวของชั้นหินทรายสีส้มอมแดงทำให้ผิวหินเรียบแน่น เหมาะแก่การสกัดพื้นนูนและเก็บรายละเอียดด้วยลายเส้น เมื่อแสงเช้าต้องหน้าผา ลายเส้นจะปรากฏนุ่มนวลราวภาพวาดที่เพิ่งแห้งหมาด ชวนให้สังเกตทั้งองค์ประกอบหลักและรอยนิ่วที่ถูกลมฝนแต้มไว้ตลอดศตวรรษ
 
ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้ง “เขายักษ์” อยู่ใกล้ช่องเขาธรรมชาติหลายแห่ง เส้นทางนี้จึงเคยทำหน้าที่คล้ายคอคอดวัฒนธรรม ผู้คน ขบวนสินค้า และความเชื่อเดินทางฝ่าป่าเขาขึ้นลงอยู่ไม่ขาด หลักฐานตามแนวพนมดงรักสะท้อนภาพเดียวกัน – จากปราสาทสด๊กก๊อกธมด้านไทย ไปจนถึงมออีแดงและปราสาทในฝั่งกัมพูชา ทั้งหมดช่วยวางบริบทให้เราอ่าน “ภาพแกะสลักหินเขายักษ์” ได้ลึกขึ้น ว่ามันมิใช่ชิ้นงานโดดเดี่ยว แต่เป็นเสี้ยวหนึ่งของเครือข่ายศิลปะขอมตอนปลายที่กลายพันธุ์ไปตามสำนวนท้องถิ่น
 
เรื่องราวการรู้จักภาพสลักแห่งนี้ในวงวิชาการเริ่มเด่นชัดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา เมื่อคณะสำรวจของหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสภาพป่าและแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมตามแนวชายแดน ภาพนูนต่ำบนผนังหินหลายแผ่นยังคงรักษาความคมชัดได้ดีโดยรวม แม้บางส่วนจะถูกกัดกร่อนหรือมีคราบตะไคร่คลุม การตรวจสภาพร่วมสมัยจึงจำเป็นต้องอาศัยแสงเฉียงและการถ่ายภาพแบบทำแผนที่ผิว (photogrammetry) เพื่ออ่านเส้นที่ค่อยๆ เลือนหาย
 
องค์ประกอบของภาพที่พบบ่อยคือพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิภายในซุ้มเรือนแก้ว เหนือฐานบัว ล้อมด้วยเทพยดาประนมมือ บางผืนปรากฏพระโพธิสัตว์ในแบบมหายาน เช่น อวโลกิเตศวร พร้อมเสี้ยวลายกรอบหน้าบันที่ชวนให้นึกถึงสถาปัตยกรรมหินทรายของบาปวนและนครวัด การขึ้นรูปใช้เทคนิคนูนต่ำ (bas-relief) สกัดพื้นหลังให้ลดระดับ แล้วค่อยเก็บรายละเอียดดวงเนตร ริมโอษฐ์ และสรีระด้วยรอยสิ่วสั้นๆ ที่เชื่อมต่อกันเป็นจังหวะ
 
ใบหน้าขององค์พระในเขตนี้มีเสน่ห์แบบพื้นถิ่น คิ้วตาต่อเนื่องเป็นแนวอ่อนโค้ง ปากยิ้มน้อยๆ คล้าย “ยิ้มแบบบายน” แต่ไม่ใช่การเหมือนอย่างเคร่งครัด นักวิชาการบางท่านจึงอ่านว่าเป็นการผสมผสานระหว่างสกุลช่างจากศูนย์กลางกับมือช่างชายแดนที่รับแรงบันดาลใจมาอีกทอด ความ “ไม่เหมือนเสียทีเดียว” นี่เองที่ทำให้ภาพสลักเขายักษ์มีคุณค่าต่อการศึกษาพลวัตทางศิลปะ – เราได้เห็นว่าศาสนาเดินทางไปกับคน แล้วค่อยๆ ปรับสำเนียงเป็นเสียงท้องถิ่น
 
ในระดับความหมายทางศาสนา ภาพพระโพธิสัตว์ที่เน้นเมตตากรุณาอาจสัมพันธ์กับบทบาท “คุ้มครองทาง” ของจุดพักแรมริมเส้นเขา โยงกับความเชื่อเรื่องเทวปกรณัมแบบพราหมณ์-ฮินดูที่ยังปรากฏเป็นเศษลวดลายอยู่บริเวณขอบภาพ การวางองค์ประกอบเรียงจากศักดิ์สูงลงสู่ศักดิ์ต่ำบนระนาบเดียวกัน ชี้ว่าภาพเหล่านี้ตั้งใจให้ผู้ผ่านทางเงยหน้ามองและสักการะกึ่งเร่งรีบ คล้ายศาลาริมทางของศรัทธา มากกว่าจะเป็นผนังปราสาทเต็มพิธีรีตอง
 
ตำนานท้องถิ่นเล่าว่า เดิมบริเวณนี้มี “ยักษ์” เฝ้าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ชื่อ “เขายักษ์” การนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอพรยังพบเห็นได้เป็นครั้งคราว แม้จะไม่ใช่พิธีใหญ่โต ทว่าเรื่องเล่าลักษณะนี้สะท้อนบทบาทของภูเขาในจิตใจผู้คนพรมแดน: เป็นทั้งที่พึ่งพิงและที่ต้องเคารพ เพราะเส้นทางผ่านป่ามักไม่อาจคาดเดา – ภูมิประเทศจึงผูกเรื่องเล่ากับความปลอดภัยส่วนตัวไว้เสมอ
 
หากขยับออกไปมองทั้งแนวพนมดงรัก เราจะเห็นเครือญาติของภาพหินเขายักษ์กระจายอยู่ เช่น ภาพสลักที่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ และภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ลำโดมใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี แม้บริบทจะแตกต่าง – บางแห่งเป็นหน้าผาริมผืนป่าทะมึน บางแห่งอยู่กลางสายน้ำ – แต่ทั้งหมดบ่งชี้ว่า ชายแดนมิได้เป็น “เส้น” หากคือ “แถบ” ที่ความเชื่อไหลไปมาได้สม่ำเสมอ
 
ปัจจุบัน ภาพแกะสลักหินเขายักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติตาพระยา ร่วมกับการให้คำปรึกษาจากหน่วยงานด้านโบราณคดี การอนุรักษ์ในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งแบบนี้ต้องถือหลัก “กระทบน้อยที่สุด” เช่น ควบคุมการแตะต้อง จัดทางเดินชมให้รักษาระยะห่าง และติดป้ายความรู้เล็กน้อยแต่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ทัศนียภาพธรรมชาติถูกสิ่งปลูกสร้างรบกวนเกินจำเป็น
 
ความท้าทายสำคัญคือการผันแปรของฤดูกาล ลมมรสุมและฝนกรดอ่อนๆ อาจทำให้ผิวหินสึก กำจัดตะไคร่ต้องใช้สารละลายที่อ่อนโยนและทดสอบเฉพาะจุด ภาคประชาชนในพื้นที่ – โดยเฉพาะชุมชนบ้านใหม่ไทยถาวร – จึงมีบทบาทสำคัญในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และเป็นผู้นำชมท้องถิ่นอย่างไม่เป็นทางการ องค์ความรู้ของชุมชน เช่น เส้นทางเล็กที่ปลอดภัยในฤดูฝน หรือจุดที่แดดเช้าตกกระทบภาพได้งดงามที่สุด กลายเป็นส่วนหนึ่งของการตีความแหล่งโบราณคดีอย่างมีชีวิต
 
ในมุมประสบการณ์ท่องเที่ยว ภาพสลักเขายักษ์ไม่ใช่จุดที่ “หวือหวา” หากเป็นจุดให้จังหวะช้าลง เหมาะกับผู้ที่ชอบเดินป่าเบาๆ สังเกตรายละเอียด ระยะจากที่ทำการอุทยานถึงจุดเริ่มเดินไม่ไกล เส้นทางเป็นดินผสมหินทราย มีร่มเงาไม้เต็งรังและพยอมสลับกระถินเทพา ระหว่างทางอาจเห็นร่องรอยสัตว์ เช่น เก้ง หมูป่า หรือรอยนกเงือกบินผ่านแนวเรือนยอด หากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว พุ่มหญ้าเริ่มเปลี่ยนสี แสงเฉียงทำให้ลวดลายบนผนังเด่นชัด
 
เวลาที่แนะนำสำหรับการชมคือช่วงเช้าตรู่และบ่ายแก่ เพราะแสงจะช่วย “อ่าน” รอยสิ่วได้ดี อีกทั้งอุณหภูมิไม่สูงเกินไป ควรเตรียมน้ำดื่ม หมวก และรองเท้าพื้นยึดเกาะดี หลีกเลี่ยงการแตะต้องผิวหินโดยตรง – เหงื่อและคราบไขมันจากมือมนุษย์เป็นศัตรูเงียบที่เร่งการยึดติดของฝุ่นและตะไคร่ – และอย่าจุดธูปเทียนใกล้หน้าผา เพราะควันและคราบเขม่าจะสะสมบนผิวหิน
 
หากอยากขยายทริปให้เต็มวัน แนะนำจัดเส้นทางแบบ “วัฒนธรรม × ธรรมชาติ” แวะเรียนรู้โบราณสถานขอมในจังหวัดสระแก้ว เช่น ปราสาทสด๊กก๊อกธม แล้ววนกลับเข้าป่าตาพระยาเพื่อสัมผัสระบบนิเวศป่าดิบแล้งที่ยังสมบูรณ์ นอกจากได้อ่านประวัติศาสตร์บนหิน ยังได้ฟังเสียงนกและลมพัดยอดไม้เป็นฉากหลังที่พอดี
 
มิติหนึ่งที่น่าสนใจคือ “ความเงียบ” ของสถานที่ ความเงียบแบบไม่อึดอัด แต่เป็นความเงียบที่ทำให้เราตั้งคำถาม: ช่างโบราณคิดอะไรอยู่เมื่อพิงตัวกับหน้าผาแล้วค่อยๆ สกัดพื้นให้ถอยลงทีละชั้น เขาอาจมองเห็นคนเดินผ่านทางมา “ขอพรให้ทางปลอดภัย” มากกว่าความยิ่งใหญ่โอ่อ่าของศาสนสถาน นี่จึงเป็นศิลปะของการเดินทาง – ศิลปะที่อยู่ระหว่างทางพอดี
 
ในแง่การตีความเชิงศิลปะ นักวิชาการมักเทียบภาพสลักเขายักษ์กับสกุลช่างจามหรือขอมปลายสมัย บางภาพร่างบุคคลชั้นสูงในท่ามหาราชลีลาชวนให้นึกถึงงานจามพุทธศตวรรษที่ 14–15 แต่รายละเอียดพระกรรณ ลายกรอบ และการยิ้มที่มุมปากกลับมีสำเนียงพื้นเมืองอย่างชัดเจน การ “ไม่บริสุทธิ์” ทางรูปแบบเช่นนี้ทำให้แหล่งเรียนรู้ชายแดนน่าสนใจ: เราเห็นวัฒนธรรมใหญ่ถูกย่อยแล้วคลุกเคล้ากับรสนิยมพื้นที่ เกิดเป็นคำตอบใหม่ที่ไม่ต้องเหมือนต้นฉบับทุกกระเบียดนิ้ว
 
เมื่อเวลาผ่านไป บทบาทของแหล่งนี้ในชุมชนก็เปลี่ยนจาก “เครื่องหมายทาง” เป็น “ศูนย์เรียนรู้เล็กๆ กลางป่า” นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มเดินป่ามาเยี่ยมมากขึ้น การเล่าเรื่องด้วยภาษาง่ายๆ ประกอบภาพวาดและแบบจำลองสามมิติช่วยให้คนรุ่นใหม่เชื่อมโยงเรื่องเก่ากับปัจจุบันได้ดี อุทยานฯ เองก็จัดการดูแลให้เข้าถึงง่ายขึ้นอย่างระมัดระวัง ทั้งหมดนี้ทำให้ภาพสลักเขายักษ์ไม่ใช่เพียงวัตถุ หากเป็นเหตุการณ์ร่วมสมัยที่เราทุกคนเป็นผู้ร่วมแสดง
 
ท้ายที่สุด ความหมายของการเดินทางมาดูภาพหินอาจไม่ใช่ “มาเช็กอิน” หากคือการให้เวลาอยู่กับรายละเอียดเล็กๆ ที่มือช่างทิ้งไว้บนหิน แต่ละรอยสิ่วคือจังหวะหายใจของคนคนหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อน เรามองย้อนกลับไปเห็นความไว้วางใจระหว่างคนกับธรรมชาติ ระหว่างผืนป่ากับศาสนา และระหว่างแดนกับแดนที่ไม่เคยปิดสนิท – ทั้งหมดถูกบันทึกไว้บนผนังหินเงียบๆ นี้เอง
 
การเดินทาง รถส่วนตัว: จากตัวเมืองสระแก้วใช้ทางหลวงหมายเลข 33 มุ่งหน้าอำเภอวัฒนานคร แล้วเลี้ยวขึ้นทางหลวงหมายเลข 348 สายสระแก้ว – บุรีรัมย์ ระยะทางรวมราว 120 กิโลเมตรจากตัวเมือง ช่วงกิโลเมตรประมาณ 21–22 ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตาพระยา (หมู่ 5 บ้านใหม่ไทยถาวร) มีทางแยกเข้าแนวป่าซึ่งต้องขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าไปถึงจุดเริ่มเดิน
 
ขนส่งสาธารณะ: จากกรุงเทพฯ มีรถตู้/รถโดยสารสายกรุงเทพฯ – สระแก้ว ลงตัวเมืองสระแก้ว ต่อรถสองแถวหรือรถเช่าเหมาคันไปอำเภอตาพระยา จากที่ทำการอุทยานสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อจัดยานพาหนะนำทางเข้าแนวป่าตามสภาพพื้นที่และฤดูกาล (ควรโทรสอบถามล่วงหน้า)
 
ฤดูกาลและความปลอดภัย: ช่วงปลายฝนต้นหนาว (ต.ค. – ธ.ค.) เหมาะแก่การชมลายเส้นเพราะแสงเฉียงและอากาศเย็น สวมรองเท้าพื้นเกาะดี พกน้ำดื่ม หมวก สเปรย์กันแมลง หลีกเลี่ยงการปีนป่ายหน้าผาและการแตะต้องผิวภาพโดยตรง หากเดินทางเดี่ยวควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง
 
มารยาทในการชมโบราณวัตถุกลางแจ้ง: งดขีดเขียน งดสัมผัส งดใช้ชอล์ก/แป้งโรยผิวเพื่อ “ให้ภาพชัด” (เป็นการทำลายผิวหิน) และอย่าเผาเครื่องหอม เทียน หรือธูปใกล้ผนังหิน เพราะเขม่าจะยึดติดและเปลี่ยนเคมีผิวระยะยาว
 
ข้อมูลผู้ดูแลพื้นที่: พื้นที่อยู่ภายใต้เขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ที่ตั้ง 72 หมู่ 5 ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว 27180 เบอร์ติดต่ออุทยาน (ตรวจล่าสุด): 08-1178-8119, 0-3724-7933 ควรโทรสอบถามสภาพเส้นทางและการเข้าพื้นที่ก่อนเดินทางทุกครั้ง
 
ชื่อสถานที่ ภาพแกะสลักหินเขายักษ์ (Khao Yak Rock Relief), อุทยานแห่งชาติตาพระยา
ที่ตั้ง หมู่ 5 บ้านใหม่ไทยถาวร ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว (ใกล้ทางหลวงหมายเลข 348)
ลักษณะสำคัญ ภาพแกะสลักนูนต่ำบนผนังหินทราย แสดงพระพุทธรูป/พระโพธิสัตว์และลวดลายเทพแบบขอมตอนปลายในบริบทชายแดนพนมดงรัก
สมัย/ยุค ประมาณพุทธศตวรรษ 12–13 (สกุลช่างขอมปลายสมัย อิทธิพลบาปวน/นครวัด)
หลักฐานสำคัญ ภาพนูนต่ำพระพุทธรูปในซุ้มเรือนแก้ว เทพยดาประนมมือ และเค้าโครงพระโพธิสัตว์; ร่องรอยสิ่วและการสลักซ้ำบางช่วง
ที่มาของชื่อ ตำนาน “ยักษ์เฝ้าสมบัติ” ของชุมชนชายแดน ทำให้เรียกเนินหินบริเวณนี้ว่า “เขายักษ์” และสืบมาเป็นชื่อสถานที่
การเดินทาง จากสระแก้วใช้ทางหลวง 33 ต่อ 348 ช่วง กม. 21–22 ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ สอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าแนวป่า; สาธารณะให้ลงสระแก้วแล้วต่อรถท้องถิ่นไปตาพระยา
สถานะปัจจุบัน เปิดเข้าชมภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติตาพระยา (โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าพื้นที่และปฏิบัติตามกติกาการอนุรักษ์)
เบอร์ติดต่อ อุทยานแห่งชาติตาพระยา 08-1178-8119, 0-3724-7933 (ตรวจล่าสุด)
 
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ภาพแกะสลักหินเขายักษ์อยู่ส่วนใดของอุทยานแห่งชาติตาพระยา?
ตอบ: อยู่ในแนวป่าหมู่ 5 บ้านใหม่ไทยถาวร ใกล้ทางหลวงหมายเลข 348 ช่วงกิโลเมตรราว 21–22 ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการอุทยานฯ ก่อนเข้าแนวป่าเพื่อรับคำแนะนำเส้นทาง
 
ถาม: เวลาที่เหมาะสำหรับเข้าชมคือช่วงไหน?
ตอบ: เช้าและบ่ายแก่ แสงเฉียงช่วยให้ลายเส้นอ่านง่าย ฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวอากาศเย็น เดินสบาย ควรหลีกเลี่ยงช่วงแดดจัดกลางวัน
 
ถาม: ต้องเสียค่าเข้าชมหรือไม่?
ตอบ: พื้นที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ จึงมีค่าบริการเข้าอุทยานตามอัตรามาตรฐานของกรมอุทยานฯ แนะนำให้สอบถามเรตล่าสุดกับเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทาง
 
ถาม: สามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้ไหม?
ตอบ: ได้ ให้ลงตัวเมืองสระแก้ว ต่อรถท้องถิ่น/เหมาคันเข้าตาพระยา ถึงที่ทำการอุทยานฯ แล้วประสานเจ้าหน้าที่เพื่อคำแนะนำการเข้าถึงจุดเริ่มเดิน
 
ถาม: มีข้อควรระวังเรื่องการอนุรักษ์อะไรบ้าง?
ตอบ: งดแตะต้อง/ขีดเขียนผนังหิน งดจุดธูปเทียนหรือเผาเครื่องหอมใกล้ผนัง และอย่าปีนป่ายหน้าผา รักษาระยะห่างจากภาพสลักเสมอ
 
ถาม: สามารถพาเด็กหรือผู้สูงอายุไปชมได้หรือไม่?
ตอบ: ทำได้หากสภาพร่างกายพร้อม เส้นทางเป็นดินและหินทราย ลื่นได้ในหน้าฝน ควรใช้รองเท้าพื้นยึดเกาะดีและเดินอย่างระมัดระวัง
 
ถาม: มีห้องน้ำหรือจุดบริการใกล้จุดชมภาพสลักหรือไม่?
ตอบ: ให้ใช้บริการที่ทำการอุทยานฯ ก่อนเข้าแนวป่า โดยทั่วไปบริเวณจุดชมไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกถาวร
 
ถาม: หากต้องการไกด์ท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่นำทางต้องทำอย่างไร?
ตอบ: โทรประสานที่ทำการอุทยานฯ ล่วงหน้าเพื่อขอคำแนะนำ จัดเจ้าหน้าที่/ผู้นำทางตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่และฤดูกาล
แผนที่ ภาพแกะสลักหินเขายักษ์ แผนที่ภาพแกะสลักหินเขายักษ์
คำค้นคำค้น: ภาพแกะสลักหินเขายักษ์ภาพแกะสลักหินเขายักษ์ อุทยานแห่งชาติตาพระยา แหล่งโบราณคดีสระแก้ว พนมดงรัก ภาพสลักหินทราย ศิลปะขอมโบราณ เที่ยวย้อนอดีตสระแก้ว เส้นทางท่องเที่ยวชายแดน ปราสาทสด๊กก๊อกธม บ้านใหม่ไทยถาวร
ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด: 3 สัปดาห์ที่แล้ว


แสดงความเห็น

แสดงความเห็น




คำค้น (ขั้นสูง)
   
Email :
  รหัสผ่าน :
  สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 

 

ภูมิภาค ภูมิภาคhttps://www.lovethailand.org/

https://www.lovethailand.org/อ.เมืองสระแก้ว(12)

https://www.lovethailand.org/อ.คลองหาด(8)

https://www.lovethailand.org/อ.ตาพระยา(7)

https://www.lovethailand.org/อ.วังน้ำเย็น(8)

https://www.lovethailand.org/อ.วัฒนานคร(11)

https://www.lovethailand.org/อ.อรัญประเทศ(8)

https://www.lovethailand.org/อ.เขาฉกรรจ์(9)

https://www.lovethailand.org/อ.โคกสูง(1)

https://www.lovethailand.org/อ.วังสมบูรณ์(3)