ปราสาทเขาน้อยสีชมพู

Rating: 4/5 (4 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวสระแก้ว
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: เปิดทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08:30 – 16:00
ปราสาทเขาน้อยสีชมพู คือโบราณสถานหินสำคัญของสระแก้วที่ตั้งอยู่บนยอดเขาน้อยสีชมพู ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ ห่างพรมแดนไทย–กัมพูชาราวหนึ่งกิโลเมตร ภูมิประเทศโดยรอบเป็นสันเนินเตี้ยที่เปิดให้เห็นทิวเส้นชายแดนและพื้นที่เกษตรของชุมชน เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดจะพบฐานปรางค์และเค้าโครงสถาปัตยกรรมอิฐโบราณที่หลงเหลืออยู่ พร้อมร่องรอยศิลปกรรมแบบเขมรยุคต้นซึ่งหาดูได้ไม่ง่ายในภาคตะวันออกของไทย บริเวณเชิงเขาด้านข้างเป็นที่ตั้งของวัดเขาน้อยสีชมพู ซึ่งใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและดูแลสภาพแวดล้อมโดยรอบให้สงบเรียบร้อยสำหรับผู้มาเยือน
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าปราสาทหลังนี้เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ก่อสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในพุทธศตวรรษที่ 15 ก่อนจะยังคงความสำคัญต่อไปถึงอย่างน้อยพุทธศตวรรษที่ 16 เหตุที่รู้ได้เพราะหลักฐานทั้งทางสถาปัตยกรรมและศิลาจารึกสอดรับกันดี โดยเฉพาะ “จารึกเขาน้อย” อักษรปัลวะที่ระบุมหาศักราช 559 ตรงกับพุทธศักราช 1180 ซึ่งถือเป็นจารึกที่เก่าแก่ที่สุดหลักหนึ่งในประเทศไทย ข้อความในจารึกถูกแกะไว้บนวงกบประตูของปรางค์องค์กลางด้านขวามือ สะท้อนว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมความเชื่อฮินดูในยุคที่อิทธิพลอาณาจักรขอมแพร่เข้ามาในดินแดนไทยด้านตะวันออก
ตัวสถาปัตยกรรมเป็นอาคารก่ออิฐไม่สอปูน เดิมมีสามหลังวางผังรวมกันบนฐานสูง โดยปรางค์องค์กลางยังพอเห็นสัดส่วนได้ชัดเจนที่สุด ส่วนปรางค์ทิศเหนือและทิศใต้อยู่ในสภาพเนินดินและแนวฐานที่เหลือเค้าเดิม การขุดแต่งในสมัยใหม่ยืนยันว่าปรางค์ทิศเหนือกับองค์กลางตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน แต่ปรางค์ทิศเหนือยื่นล้ำออกไปด้านนอกมากกว่า อีกทั้งมีร่องรอยเชื่อมฐานอิฐด้านหลังระหว่างทิศใต้กับฐานหลัก ลักษณะการขึ้นฐานของปรางค์เป็นแบบฐานปัทม์ มีหน้ากระดานบัวคว่ำบัวหงายรองรับเรือนธาตุ เครื่องบนของปรางค์ทำเป็นชั้น ๆ ตามแม่แบบศาสนสถานเขมรยุคต้น บันไดด้านหน้าแบ่งเป็นเจ็ดขั้นโดยมีที่พักบันไดระหว่างชั้น สะดุดตาด้วยอัฒจันทร์รูปปีกกาที่ขั้นล่างสุดและขั้นที่หก รวมถึงธรณีประตูที่ขั้นบนสุดซึ่งยังเห็นรูเดือยสี่เหลี่ยมสำหรับเสียบวงกบหินได้ชัดเจน
เมื่อพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยด้านหน้าบันและทับหลังจะสัมผัสอัตลักษณ์ศิลปะเขมรในช่วง “สมโบร์ไพกุก” อย่างเด่นชัด ด้านเหนือพบทับหลังที่คงองค์ประกอบศิลป์ยุคดังกล่าวครบถ้วน ขณะที่ทับหลังจากซุ้มด้านใต้มีการแทนรูปคนขี่ช้างและม้าในวงรูปไข่ด้วยสัตว์ปีกซึ่งตีความได้ว่าเป็นหงส์และนกยูง ด้านหน้าบางชิ้นสะท้อนกระแส “ไพรกเม็ง” ช่วงต่อมา โดยลายเถาวัลย์ใบไม้ที่ม้วนคลี่คล้ายจะเข้ามาแทนองค์ประกอบหางมกร และตัวมรถูกแทนด้วยรูปเทพประนมนูนสูงที่เหาะเข้าหากึ่งกลางทับหลัง รายละเอียดเล็ก ๆ เช่น เสาประดับทรงแปดเหลี่ยมลายใบไม้ และแผ่นหินชนวนรูปครึ่งวงกลมที่วางต่อเนื่องจากที่พักบันได ล้วนช่วยให้ผู้ชมจินตนาการภาพองค์ประกอบครบถ้วนของปรางค์ได้ชัดขึ้นแม้กาลเวลาจะพาเนื้องานบางส่วนสูญหายไป
โบราณวัตถุที่เคยปรากฏในพื้นที่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาศิลปะเขมรในดินแดนไทย ได้แก่ ทับหลังศิลปะสมโบร์ไพกุกที่ติดเหนือกรอบประตูทางเข้าปรางค์องค์กลาง เสาประดับประกอบประตูทรงแปดเหลี่ยม และประติมากรรมรูปบุคคลสี่กรยืนเหนือศีรษะกระบือซึ่งนักวิชาการตีความว่าเป็น “นางทุรคา ปราบอสูรควาย” หรือมหิษาสุรมรรธนี ภาพนางทุรคาเป็นหนึ่งในมติความเชื่อของไศวนิกายที่เน้นพลังของเทวีในการปราบอำนาจอสูร การพบหลักฐานดังกล่าวที่เขาน้อยสีชมพูจึงช่วยยืนยันบทบาทของพื้นที่นี้ในฐานะศูนย์กลางศาสนสถานฮินดูในเครือข่ายของโลกเขมรโบราณ
ผังโดยรวมของโบราณสถานกำหนดทิศทางออกไว้ทางตะวันออกเพียงด้านเดียว ด้านหน้ามีบันไดทอดขึ้นปราสาททั้งสาม โดยที่ขั้นบันไดของแต่ละหลังปรากฏรอยบากสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ปลายสองข้าง อันน่าจะมีไว้เสียบเสาไม้ต่อหลังคาเครื่องไม้ที่พาดจากซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ แม้ซุ้มหลายด้านจะเป็น “ประตูหลอก” ตามขนบนิยมที่สร้างสมมาตรให้แผนผังสมบูรณ์ ภายในองค์ปรางค์เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ย่อมุมด้วยอัตราส่วนแตกต่างกันระหว่างองค์กลางกับองค์ทิศเหนือ สังเกตว่าองค์กลางมีการย่อมุมและเว้นช่องอิฐอย่างซับซ้อน ตั้งแต่ฐานถึงเรือนธาตุ ซึ่งยังเหลือช่วงล่างให้ศึกษาได้
ในเชิงประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ปราสาทเขาน้อยสีชมพูถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 มีเขตโบราณสถานประมาณ 50 ไร่ การขุดแต่งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2532 โดยหน่วยศิลปากรที่ 5 เพื่อขุดลอกชั้นดินที่ทับถมและบันทึกลักษณะโครงสร้างอย่างเป็นระบบ ผลการขุดแต่งช่วยยืนยันผังฐานร่วมของปรางค์ และเปิดเผยรายละเอียดศิลปกรรมเพิ่มเติมที่ส่งเสริมความเข้าใจเรื่องลำดับยุคสมัยของงานช่างในพื้นที่ตะวันออกของไทย
วันนี้ผู้เยี่ยมชมจะสัมผัสปราสาทในบรรยากาศเรียบง่าย สงบ และค่อนข้างเป็นส่วนตัว การเดินขึ้นจากลานจอดรถที่เชิงเขาใช้เวลาไม่นาน ทางขึ้นเป็นดินกรวดสลับบันไดอิฐและศิลา ไม่ชันจนเกินไป เหมาะกับการค่อย ๆ สังเกตลายอิฐ การย่อมุม และรอยสกัดรูเดือยที่ยังหลงเหลือ ตำแหน่งยอดเนินให้ทิวทัศน์เปิดโล่งซึ่งทำให้เข้าใจเหตุผลของการเลือก “ภูเขา” เป็นแกนสัญลักษณ์ของจักรวาลในคติฮินดูมากขึ้น เพราะเมื่อยืนอยู่ ณ ที่สูง ผู้ชมจะรับรู้แกนกลางของพื้นที่และท้องฟ้ารอบด้านได้ชัดเจน
เวลาที่เหมาะแก่การเยี่ยมชมคือช่วงเช้าตรู่ถึงสาย หรือบ่ายแก่ ๆ เมื่อแสงเฉียงจะทอดเงาให้พื้นผิวอิฐนูนและเส้นสันของบัวคว่ำบัวหงายเด่นขึ้น ภาพสีอุ่นของอิฐกับสีเขียวของพืชพรรณตัดกันพอดี ช่วงหน้าฝนควรระวังพื้นดินลื่นและเตรียมรองเท้าที่เกาะพื้นดี ส่วนหน้าหนาวอากาศโล่งสบายเหมาะแก่การนั่งพักอ่านป้ายข้อมูลและเสพรายละเอียดนานขึ้นเล็กน้อย
สำหรับผู้สนใจโบราณคดี การเทียบศิลปะที่นี่กับศาสนสถานยุคสมโบร์ไพกุกและไพรกเม็งในกัมพูชาจะช่วยขยายมุมมอง ลายใบไม้ที่ทับหลัง การจัดองค์เทพประนม การใช้ฐานปัทม์และการย่อมุมเรือนธาตุ เป็นองค์ประกอบที่เล่าพัฒนาการจากยุคต้นสู่ยุคถัดมาได้ดี เขาน้อยสีชมพูจึงเป็นเหมือน “บทเรียนกลางแจ้ง” ของงานช่างขอมในดินแดนไทยที่ควรค่าแก่การศึกษาต่อเนื่อง
การเดินทาง จากตัวเมืองสระแก้วใช้ทางหลวงหมายเลข 348 มุ่งหน้าอรัญประเทศ เข้าตำบลคลองน้ำใสแล้วตามป้ายท้องถิ่นสู่เชิงเขาน้อยสีชมพู ระยะทางโดยรวมประมาณชั่วโมงเศษขึ้นกับสภาพการจราจร ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ต่อ 304 หรือ 359 เชื่อม 33 เข้าสระแก้ว แล้วต่อ 348 ไปอรัญประเทศ เส้นทางเป็นถนนเรียบตลอด ควรเติมน้ำมันและเตรียมน้ำดื่มเพียงพอ ช่วงสุดท้ายมีทางขึ้นเนินเล็กน้อยไปยังจุดจอด ก่อนเดินเท้าต่อขึ้นสู่ยอดเขา
มุมมองของชุมชนรอบพื้นที่ก็สำคัญ วัดเขาน้อยสีชมพูที่เชิงเขามีบทบาทดูแลสภาพแวดล้อมและให้พื้นที่สงบแก่ผู้ปฏิบัติธรรม การท่องเที่ยวที่เคารพกติกาพื้นที่ เช่น แต่งกายสุภาพ ไม่ปีนป่ายองค์ปรางค์ ไม่ขูดขีดอิฐ และไม่หยิบยกเศษชิ้นส่วนใด ๆ ออกนอกพื้นที่ คือการช่วยรักษาโบราณสถานให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้เช่นเดียวกัน
| ชื่อสถานที่ | ปราสาทเขาน้อยสีชมพู (Prasat Khao Noi Si Chomphu) |
| ที่ตั้ง | ยอดเขาน้อยสีชมพู ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (ใกล้พรมแดนไทย–กัมพูชาประมาณ 1 กม.) |
| ลักษณะสำคัญ | ศาสนสถานฮินดูบนฐานปัทม์ ก่ออิฐไม่สอปูน เดิมมี 3 ปรางค์ เหลือองค์กลางเด่นชัด ทับหลังศิลปะสมโบร์ไพกุกและเค้ารอยไพรกเม็ง จารึกอักษรปัลวะอายุเก่าแก่ |
| สมัย/ยุค | เริ่มสร้างราว พุทธศตวรรษที่ 12 บูรณปฏิสังขรณ์ราว พุทธศตวรรษที่ 15 และยังสำคัญถึง พุทธศตวรรษที่ 16 |
| หลักฐานสำคัญ | จารึกเขาน้อย (มหาศักราช 559 = พ.ศ. 1180) ทับหลังแบบสมโบร์ไพกุก เสาแปดเหลี่ยมลายใบไม้ ประติมากรรมนางทุรคาปราบอสูรควาย |
| ที่มาของชื่อ | ตั้งอยู่บน “เขาน้อยสีชมพู” เนินเขาสีดินออกชมพู จึงเรียกปราสาทตามชื่อภูมิประเทศ |
| การเดินทาง | จากสระแก้วใช้ทางหลวง 348 ไปอรัญประเทศ เลี้ยวเข้าคลองน้ำใสตามป้ายท้องถิ่น ไปยังลานจอดที่เชิงเขาแล้วเดินขึ้นราว 200 เมตร |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08:30 – 16:00 โปรดเคารพพื้นที่และหลีกเลี่ยงการปีนป่ายองค์ปรางค์ |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง (ระยะทางโดยประมาณ) | ตลาดโรงเกลือ (อรัญประเทศ) ~ 15–20 กม.; วัดมณีวงศ์ เมืองแก้ว (สระแก้ว) ~ 60 กม.; อุทยานแห่งชาติปางสีดา (เมืองสระแก้ว) ~ 80 กม.; น้ำตกคลองหินเพลิง ~ 85 กม.; ช่องตะกิ่ว/หมู่บ้านชายแดน ~ 15 กม. |
| ร้านอาหารยอดนิยมใกล้เคียง* | ร้านเพลิน (อรัญประเทศ); ร้านแอมซัน อาหารเวียดนาม; ร้านเจ๊หมวยซาหริ่ม; ไก่ย่าง/ข้าวมันไก่ ซีตอง; Nigiwai Sushi (ตัวเมืองอรัญประเทศ) |
| ที่พักยอดนิยมใกล้เคียง* | เดอะ เวโล โฮเต็ล & บีเอ็มเอ็กซ์ ปั๊มพ์ แทร็ค; โรงแรมอินโดจีน; โรงแรมสเตชั่นวัน; Riad Resort; OB-Oon Resort (ตัวเมืองอรัญประเทศ) |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | ลานจอดรถที่เชิงเขา ทางเดินขึ้นเขา จุดชมวิว กราบสักการะ ณ วัดเขาน้อยสีชมพูใกล้พื้นที่ |
| ค่าธรรมเนียม | ไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชม (หากมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบป้ายประกาศล่าสุดที่หน้างาน) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ปราสาทเขาน้อยสีชมพูสร้างขึ้นในสมัยใด?
ตอบ: สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในพุทธศตวรรษที่ 15 โดยยังคงความสำคัญถึงพุทธศตวรรษที่ 16
ถาม: ทำไมจารึกเขาน้อยจึงสำคัญ?
ตอบ: เพราะเป็นจารึกอักษรปัลวะที่ระบุศักราชชัดเจน (ม.ศ. 559 = พ.ศ. 1180) ถือเป็นหลักฐานเก่าแก่ยืนยันช่วงเวลาของสถานที่และเครือข่ายความเชื่อยุคต้นแบบเขมร
ถาม: ที่นี่เกี่ยวข้องกับศาสนาอะไร?
ตอบ: เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู โดยพบประติมากรรมนางทุรคาปราบอสูรควายและองค์ประกอบศิลป์สอดคล้องกับไศวนิกาย
ถาม: เปิดให้เข้าชมเวลาไหนและวันใดบ้าง?
ตอบ: เปิดทุกวัน 08:30 – 16:00 แนะนำไปช่วงเช้า/บ่ายแก่เพื่อแสงสวยและอากาศสบาย
ถาม: ต้องเสียค่าเข้าชมหรือไม่?
ตอบ: โดยทั่วไปไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชม แต่ควรตรวจสอบประกาศล่าสุดที่พื้นที่ก่อนเข้าเยี่ยมชม
ถาม: เดินทางอย่างไรหากไม่มีรถส่วนตัว?
ตอบ: นั่งรถโดยสารหรือรถไฟมายังอรัญประเทศ จากนั้นเหมารถสองแถว/มอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าคลองน้ำใสจนถึงเชิงเขาน้อยสีชมพู
ถาม: มีข้อควรปฏิบัติใดเป็นพิเศษ?
ตอบ: แต่งกายสุภาพ ไม่ปีนป่ายองค์ปรางค์ ไม่หยิบยกเศษอิฐหรือชิ้นส่วนใดออกจากพื้นที่ และเก็บขยะกลับทุกครั้ง
ถาม: ควรไปช่วงเดือนไหน?
ตอบ: ไปได้ตลอดปี ช่วงพ.ย.–ก.พ. อากาศสบาย แสงเช้าและบ่ายแก่ช่วยให้เห็นพื้นผิวอิฐและลายแกะสลักชัดเจน
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage




หมวดหมู่:
กลุ่ม:
แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(
ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(
มหาวิทยาลัย
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
วัด(
สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(
โครงการในพระราชดำริ
โครงการหลวง(
วิถีชีวิต
หมู่บ้าน ชุมชน(
ตลาดท้องถิ่น(
ธรรมชาติ และสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(
ดอย และภูเขา(
เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(
น้ำตก(
ถ้ำ(
ทุ่งดอกไม้(
แม่น้ำลำคลอง(
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(
บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร
แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์(
ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(