วัดวังหว้า

Rating: 3.8/5 (4 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวระยอง
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00–17.00 น.
วัดวังหว้า เป็นวัดเก่าแก่และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นจากศรัทธา เริ่มต้นจากสำนักสงฆ์เล็ก ๆ ริมคลองท่ามกลางร่มไม้ใหญ่ ก่อนค่อย ๆ เติบโตเป็นวัดสำคัญของภาคตะวันออก วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงแพร่หลายไปทั่วประเทศในฐานะสถานที่พำนักและปฏิบัติธรรมของพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพอย่างสูง คือ พระมงคลศีลาจารย์ (หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร) พระมหาเถระผู้ดำรงตนอย่างสมถะ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และเมตตากรุณาเป็นที่ประจักษ์ ผู้คนจึงขนานนามท่านว่า “เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก” ความศรัทธานี้ไม่เพียงผูกพันอยู่แค่ชาวระยอง หากยังขยายไปยังจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนผู้แสวงบุญจากทุกภูมิภาคที่หลั่งไหลมากราบสักการะตลอดทั้งปี
ชื่อ “วังหว้า” ผูกโยงกับภูมิทัศน์ดั้งเดิมของพื้นที่ อันมีต้นหว้าขึ้นอย่างหนาแน่นตามแนวลำคลอง ชุมชนจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “วังหว้า” และชื่อดังกล่าวก็ถูกสืบทอดมาเป็นชื่อของวัด ด้วยผืนดินที่แนบชิดสายน้ำและร่มเงาของไม้ใหญ่ บรรยากาศโดยรอบจึงเย็นสบาย สงบ และปลอดโปร่ง เหมาะแก่การภาวนา เมื่อก้าวผ่านประตูวัด ผู้มาเยือนมักสัมผัสได้ถึงความนิ่งเรียบที่ค่อย ๆ ทำให้ใจอ่อนลงราวกับยกวางความกังวลไว้ด้านนอก ความสงบนี้เองที่ทำให้วัดวังหว้ากลายเป็นสถานที่ของ “การหายใจลึก ๆ” ทั้งในทางกายและทางใจ
แก่นของเรื่องราวที่ทำให้วัดวังหว้ามีชีวิตชีวาคือชีวประวัติและปฏิปทาของหลวงปู่คร่ำ ยโสธโร ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. 2440 ณ บ้านในท้องถิ่นภาคตะวันออก เติบโตท่ามกลางวิถีชนบทที่ผูกพันกับสายน้ำและไร่นา ช่วงวัยหนุ่มท่านได้อุปสมบทและมุ่งศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง เรียนรู้จากครูบาอาจารย์หลายรูป ทั้งยังออกธุดงค์ไปตามป่าเขาและชุมชนชนบท เพียรพิจารณาไตรลักษณ์ ฝึกสติ สมาธิ ปัญญา อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเพียรที่ยาวนานและเปี่ยมความสม่ำเสมอนี่เองที่ทำให้ท่านเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ ผู้คนจึงกล่าวขานว่าท่านมีบารมีด้านเมตตามหานิยม เด่นชัดทั้งในคำสอนอันอ่อนโยนและการประคับประคองผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ภายหลังท่านมาจำพรรษาที่วัดวังหว้า วัดจึงขยายตัวอย่างมีระเบียบแบบแผน ตั้งแต่กุฏิ ศาลาอเนกประสงค์ อาคารเรียนพระปริยัติธรรม ไปจนถึงพื้นที่ปฏิบัติธรรมกลางแจ้งที่ให้ผู้คนเข้าไปนั่งสงบใจได้ ท่านไม่เพียงเป็น “ผู้สอน” หากยังเป็น “ผู้ลงมือ” ช่วยชุมชนทั้งด้านการทำบุญสงเคราะห์ การศึกษา และการทำนุบำรุงศาสนสถานให้คงทนถาวร รูปแบบการพัฒนาวัดของท่านจึงเรียบง่ายแต่ได้ผล คือสร้างเท่าที่จำเป็น ดูแลให้สะอาด เรียบร้อย และพร้อมต้อนรับทุกคนด้วยความเสมอภาค
ในเรื่องวัตถุมงคล หลวงปู่คร่ำได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในพระเกจิแห่งภาคตะวันออกที่มีวัตถุมงคลเป็นที่นิยมกว้างขวาง เหรียญรุ่นแรกของท่าน กลุ่มเหรียญเจริญพร พระกริ่งรุ่นต่าง ๆ และวัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิต ล้วนเลื่องชื่อในด้านเมตตามหานิยม การงาน การค้า และความปลอดภัย วัตถุมงคลเหล่านี้มิใช่เพียงวัตถุที่ผู้ศรัทธาพกพาติดตัว หากยังเป็น “สัญลักษณ์ทางใจ” ที่เตือนให้ระลึกถึงคุณธรรม ความเพียร และความเมตตาอันเป็นหัวใจของคำสอนที่ท่านย้ำเสมอ หลายคนเล่าประสบการณ์ว่าการตั้งตัวอยู่บนความเพียรและมีสติตามคำสอนของท่าน ทำให้ชีวิตค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทางที่มั่นคงขึ้น เหรียญจึงเหมือนใบเบิกทางให้ใจกลับไปยึดโยงกับหลักธรรมเสมอ
คำสอนของหลวงปู่คร่ำไม่ซับซ้อน ท่านมักพูดด้วยภาษาง่าย ๆ ที่เข้าถึงได้ว่า “ใจสงบเมื่อไร ปัญญาก็เกิดเมื่อนั้น” ผู้คนที่มาขอพรจึงมักได้รับทั้งกำลังใจและแนวทางปฏิบัติที่ลงมือทำได้จริง เช่น การเจริญสติจากลมหายใจ การระลึกรู้กายใจอย่างต่อเนื่องในกิจวัตรประจำวัน และการเกื้อหนุนกันในชุมชนด้วยเมตตา ความเรียบง่ายนี้เองที่ทำให้คำสอนของท่านเดินทางข้ามกาลเวลา ผู้คนต่างยุคต่างวัยก็หยิบไปใช้ได้โดยไม่รู้สึกว่าห่างไกล
วัดวังหว้าจึงไม่ใช่เพียงสถานที่ แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่บ่มเพาะจากสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว เริ่มตั้งแต่ทางเดินสะอาดที่ปัดกวาดทุกเช้า ศาลาที่เปิดให้คนนั่งพักเงียบ ๆ เสียงนกร้องในยามเช้า ไปจนถึงรอยยิ้มของอุบาสกอุบาสิกาที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความเป็นกันเอง สิ่งเหล่านี้สร้าง “ความรู้สึกปลอดภัย” ให้ผู้มาเยือนกล้าวางความเร่งรีบไว้ชั่วคราว และตั้งใจหันหน้าเข้าสู่ความสงบภายใน
ในด้านสถาปัตยกรรม วัดวังหว้าไม่ได้โอ่อ่าเกินจำเป็น อุโบสถ กุฏิ ศาลา และเจดีย์ ต่างยืนหยัดด้วยสัดส่วนพอเหมาะ รายละเอียดตกแต่งสะอาดตา เน้นความมั่นคงและการใช้งานจริง เมื่อเดินเข้าใกล้เจดีย์ประดิษฐานสรีระของหลวงปู่คร่ำ ความรู้สึกสงบนอบน้อมมักเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ พื้นที่โดยรอบจัดเป็นสัดส่วน มีจุดวางดอกไม้ธูปเทียนอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้ทุกคนได้ทำพิธีสักการะอย่างสงบ ความเป็นระเบียบนี้สะท้อน “วินัย” ที่ฝังลึกอยู่ในวิถีของวัดและศิษยานุศิษย์
ตลอดปี วัดวังหว้าจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนาตามเทศกาลสำคัญอย่างพร้อมเพรียง ทั้งมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา พิธีเวียนเทียนยามค่ำคืนคือช่วงเวลาที่วัดสว่างไสวด้วยแสงเทียนนับร้อย เสียงสวดมนต์ร่วมจังหวะสร้างแรงสั่นสะเทือนที่อ่อนโยนในใจคนร่วมพิธี ส่วนปลายปีในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบมรณภาพของหลวงปู่คร่ำ วัดจะคึกคักเป็นพิเศษ ศิษยานุศิษย์จากใกล้ไกลมาร่วมทำบุญ ฟังธรรม ตั้งโรงทาน และกราบสรีระของท่านด้วยความกตัญญู งานดังกล่าวไม่เพียงเป็นงานบุญ หากยังเป็นเวทีที่ผู้คนต่างรุ่นได้มาแลกเปลี่ยนเรื่องเล่าถึงท่าน ทำให้ความทรงจำร่วมยังคงถูกสานต่อ
ในเชิงสังคม วัดวังหว้าทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางชุมชนมาช้านาน ตั้งแต่ยุคที่วัดเป็นแหล่งเรียนหนังสือของเด็ก ๆ โดยพระในวัดทำหน้าที่ครู ตลอดจนเป็นพื้นที่ประชุมปรึกษาปัญหาของหมู่บ้าน หลายครอบครัวยังคงผูกพันกับวัดผ่านพิธีกรรมตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น พิธีทำขวัญนาค การบวชเรียน งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จนถึงพิธีสวดอภิธรรม เมื่อวัดยังเป็นที่พึ่งของใจ ชุมชนก็ยังมีศูนย์แรงโน้มถ่วงร่วมกัน ความแน่นแฟ้นนี้สะท้อนให้เห็นว่าศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่คร่ำได้ถักทอสายใยให้ผู้คนหันหน้าเข้าหากันด้วยความกรุณา
ผู้มาเยือนจำนวนมากเล่าว่าประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดคือช่วงเช้าที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต ชาวบ้านยืนเรียงแถวถือปิ่นโตและข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมกับกับข้าวพื้นบ้านง่าย ๆ ทั้งแกงเลียง ต้มจืด ผักลวกน้ำพริก รอยยิ้มและถ้อยคำสั้น ๆ อย่าง “สาธุ” แลกเปลี่ยนกันไปมา เป็นภาพเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความงามทางใจ หลังจากนั้นหลายคนมักแวะเข้าไปกราบสรีระของหลวงปู่คร่ำ นั่งสงบใจครู่ใหญ่ แล้วจึงค่อยออกไปเดินชมบริเวณวัดอย่างช้า ๆ เพื่อปล่อยให้ความเงียบทำงาน
วัดวังหว้ายังเหมาะแก่การฝึกปฏิบัติธรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป ผู้เริ่มต้นอาจเริ่มจากการนั่งสังเกตลมหายใจเข้าออกนาน 10–15 นาที เดินจงกรมช้า ๆ สักระยะหนึ่ง แล้วกลับมานั่งอีกครั้ง เพียงให้ใจอยู่กับปัจจุบัน ไม่ผลักไสความคิด ไม่เร่งให้สงบเกินจริง หากทำอย่างสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่กลับมาวัด ความคุ้นเคยกับพื้นที่และความสงบในใจก็มักเพิ่มขึ้น เรื่องเล่าจากผู้ปฏิบัติจำนวนไม่น้อยชี้ชัดว่า การมีสถานที่เช่นนี้อยู่ใกล้บ้านคือความโชคดี เพราะช่วยเชื่อมโยงชีวิตประจำวันเข้ากับธรรมะโดยไม่รู้ตัว
สำหรับผู้สนใจวัตถุมงคล แม้ชื่อเสียงของรุ่นต่าง ๆ จะทำให้คนจำนวนมากเสาะหาบูชา แต่สิ่งที่วัดและศิษยานุศิษย์ย้ำเตือนคือ “อย่าให้วัตถุแทนธรรม” เหรียญหรือพระกริ่งเป็นเพียงสื่อให้ระลึกถึงคุณความดีของครูบาอาจารย์ แท้จริงแล้วการปฏิบัติตามคำสอนเรื่องสติ เมตตา ความเพียร และสัมมาชีพต่างหากที่ทำให้ชีวิตมั่นคง หลายครั้งผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนจึงเล่าเรื่องหลวงปู่คร่ำควบคู่กับการสอดแทรกคติสอนใจ เช่น การเก็บออม การซื่อตรงในอาชีพ การดูแลคนรอบข้าง ซึ่งทั้งหมดล้วนสอดคล้องกับพุทธธรรมพื้นฐาน
เมื่อเดินชมรอบบริเวณจะพบมุมเงียบสงบหลายจุด ทั้งระเบียงริมสระน้ำ ทางเดินใต้ไม้ใหญ่ และศาลาหลังเล็ก ๆ ที่มักมีลมพัดผ่าน มุมเหล่านี้ถูกดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ มีถังขยะและป้ายแนะนำมารยาทพื้นฐาน เช่น แต่งกายสุภาพ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ปีนป่ายสิ่งปลูกสร้าง และไม่สัมผัสสรีระในเจดีย์โดยตรง การร่วมกันรักษากฎเกณฑ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ทำให้วัดคงความเรียบร้อยและน่าพำนักจิตใจได้ยาวนาน
วัดวังหว้ายังเป็นฐานเศรษฐกิจชุมชนเล็ก ๆ อย่างไม่ตั้งใจ ในวันงานใหญ่และเทศกาล ผู้คนจากต่างถิ่นหลั่งไหลมาทำบุญ ร้านค้าชุมชนจึงคึกคักขึ้น ทั้งอาหารพื้นบ้าน ขนมไทย ผลไม้ตามฤดูกาล ไปจนถึงผลิตภัณฑ์จักสานและเสื้อผ้าพื้นถิ่น รายได้ที่หมุนเวียนในชุมชนช่วยให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของรากเหง้าตนเอง หลายคนจึงอยู่บ้านเกิดและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่กับการเรียนรู้ทักษะสมัยใหม่
เพื่อการเตรียมตัวที่เหมาะสม ผู้มาเยือนควรแต่งกายสุภาพ งดเครื่องแต่งกายที่ฉูดฉาดหรือรัดรูปเกินควร หากเป็นฤดูฝนควรพกร่มหรือเสื้อกันฝน ส่วนฤดูร้อนแนะนำหมวกและขวดน้ำดื่มแบบพกพา ควรปิดเสียงโทรศัพท์และพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเบา หากพาเด็ก ๆ มา ควรให้เด็กได้เรียนรู้มารยาทพื้นฐานของการเข้าวัด เช่น การกราบ การเดินช้า ๆ และการไม่วิ่งเล่นในเขตเจดีย์ แม้เป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่จะทำให้บรรยากาศโดยรวมสงบงามและเคารพซึ่งกันและกัน
นอกจากมิติของศรัทธา วัดวังหว้ายังน่าเที่ยวในเชิงภูมิทัศน์ วัดตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางหลักของอำเภอแกลง จึงสามารถจัดโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้สะดวก เช่น มาไหว้หลวงปู่คร่ำในช่วงเช้า แล้วต่อด้วยการแวะชิมผลไม้ตามฤดูกาลในสวนของชาวบ้าน หรือลงไปยังชายทะเลในอำเภอใกล้เคียงเพื่อชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น การผสาน “เส้นทางศรัทธา” เข้ากับ “เส้นทางธรรมชาติ” ทำให้หนึ่งวันเต็มในระยองเกิดสมดุลระหว่างความนิ่งและความสดชื่น
ย้อนกลับไปที่หัวใจของสถานที่นี้อีกครั้ง หลายคนอาจจะมองว่า “ความศักดิ์สิทธิ์” คือสิ่งลึกลับที่สัมผัสยาก แต่ในวัดวังหว้า ความศักดิ์สิทธิ์มักปรากฏในรูปแบบธรรมดาอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น กิริยาของอุบาสิกาที่ช่วยกันเก็บกวาดดอกไม้หล่น เก้าอี้ที่ถูกจัดไว้พอดีสำหรับผู้สูงอายุ น้ำดื่มที่ถูกเตรียมไว้ให้คนไกลบ้าน หรือพระหนุ่มที่เดินนำทางด้วยความสุภาพ สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้รวมกันจนกลายเป็นบรรยากาศที่อ่อนโยน และชวนให้ใจเราอ่อนโยนตาม ความศรัทธาจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่เป็นการพบ “ความดีงามสามัญ” ครั้งแล้วครั้งเล่าจนใจยอมเชื่อ
หลวงปู่คร่ำมรณภาพเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2540 สิริอายุครบ 100 ปี พรรษา 80 หลังพิธีบำเพ็ญกุศลอันสมเกียรติ สรีระของท่านได้รับการบรรจุไว้ในเจดีย์ภายในวัด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะอย่างใกล้ชิดตลอดมา ความงามของพิธีกรรมในวันครบรอบที่ยังจัดอย่างต่อเนื่องเป็นภาพสะท้อนว่าศรัทธาที่ท่านก่อไว้ไม่เคยเสื่อมคลาย ยิ่งกว่านั้นคือการที่ศิษยานุศิษย์รุ่นต่อรุ่นยังคงนำคำสอนของท่านไปใช้กับชีวิตจริง ตั้งแต่วิธีดูแลครอบครัว การทำงานอย่างซื่อตรง ไปจนถึงการดูแลใจตนเองไม่ให้หลงไปกับกระแสที่เร่งเร้า
เมื่อก้าวเท้าออกจากวัดวังหว้า หลายคนมักหันกลับไปมองเจดีย์อีกครั้งอย่างเงียบ ๆ คล้ายต้องการบันทึกภาพไว้ในใจ ไม่ใช่เพียงความงดงามของสถาปัตยกรรม แต่เป็นความรู้สึกสงบที่ค่อย ๆ คลี่คลายอยู่ข้างใน การมาเยือนวัดวังหว้าจึงไม่ใช่การเดินทางเพื่อ “เห็น” อย่างเดียว หากเป็นการเดินทางเพื่อ “ได้ยิน” เสียงเบา ๆ ของใจตัวเอง และนั่นอาจเป็นของขวัญที่แท้จริงที่สถานที่แห่งนี้มอบให้กับทุกคนที่แวะมา
การเดินทาง มายังวัดวังหว้าสามารถเลือกได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและขนส่งสาธารณะ เส้นทางที่สะดวกจากตัวเมืองระยองคือใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) มุ่งหน้าอำเภอแกลง ระยะทางโดยประมาณราว 65 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่ตำบลวังหว้าตามป้ายบอกทางที่ชัดเจนตลอดเส้น เมื่อเข้าสู่ชุมชนวังหว้าแล้ว วัดจะอยู่ไม่ไกลจากถนนหลัก ผู้ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ สามารถใช้มอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ–ระยอง ต่อเข้าถนนสุขุมวิท ใช้เวลาเดินทางราว 2.5–3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรและช่วงเวลาที่ออกเดินทาง
หากเลือกใช้ขนส่งสาธารณะ มีรถตู้และรถโดยสารปรับอากาศจากสถานีขนส่งเอกมัยสู่ระยองและแกลง ลงที่ตลาดแกลงแล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือแท็กซี่ท้องถิ่นเข้าสู่วัด ระยะทางช่วงสุดท้ายประมาณ 8 กิโลเมตร เส้นทางมีป้ายชัดเจนและสภาพถนนดีตลอดปี นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืนสามารถเลือกที่พักของชุมชนในรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตร ซึ่งให้บรรยากาศสงบ เรียบง่าย และเป็นมิตร เหมาะสำหรับผู้ที่อยากใช้เวลาอยู่กับวัดนานขึ้น เช่น มานั่งสมาธิช่วงเช้า เดินชมสวนพุทธธรรมยามเย็น แล้วค่อยเดินทางกลับในวันถัดไป
| ชื่อสถานที่ | วัดวังหว้า (Wat Wang Wa) |
| ที่ตั้ง | เลขที่ 4 หมู่ 2 ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 21110 |
| ลักษณะสำคัญ | วัดสำคัญของภาคตะวันออก เป็นที่ประดิษฐานสรีระของพระมงคลศีลาจารย์ (หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร) พระเกจิผู้ได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก” |
| สมัย/ยุค | พุทธศตวรรษที่ 25 (พัฒนาและขยายวัดเด่นชัดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20) |
| หลักฐานสำคัญ | เจดีย์บรรจุสรีระหลวงปู่คร่ำ, ศาลาอเนกประสงค์, พื้นที่ปฏิบัติธรรมกลางแจ้ง, ภาพถ่ายและเครื่องอัฐบริขารจัดแสดง |
| ที่มาของชื่อ | สอดคล้องกับภูมิทัศน์เดิมซึ่งมีต้นหว้าขึ้นหนาแน่นตามแนวลำคลองของชุมชน จึงเรียกพื้นที่ว่า “วังหว้า” และใช้เป็นชื่อวัด |
| การเดินทาง | รถส่วนตัวใช้ถนนสุขุมวิท (ทางหลวง 3) จากตัวเมืองระยองมุ่งหน้าแกลงราว 65 กม. เลี้ยวเข้าตำบลวังหว้าตามป้าย ส่วนรถสาธารณะลงตลาดแกลง ต่อจักรยานยนต์รับจ้าง/แท็กซี่ท้องถิ่นประมาณ 8 กม. ถึงวัด |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดให้สักการะตลอดปี จัดกิจกรรมตามเทศกาลพุทธศาสนา และงานครบรอบมรณภาพหลวงปู่คร่ำ (1 ธันวาคม) เป็นประจำ |
| เบอร์ติดต่อ | 038-671-702, +66-38-672217 |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: วัดวังหว้ามีความสำคัญอย่างไร?
ตอบ: เป็นวัดสำคัญของภาคตะวันออกและจังหวัดระยอง เพราะเป็นที่พำนักและประดิษฐานสรีระของพระมงคลศีลาจารย์ (หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร) พระเกจิผู้ได้รับสมญานาม “เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก”
ถาม: ภายในวัดมีจุดใดน่าไปสักการะเป็นพิเศษ?
ตอบ: เจดีย์บรรจุสรีระหลวงปู่คร่ำเป็นจุดหลัก นอกจากนี้ยังมีศาลาอเนกประสงค์ พื้นที่ปฏิบัติธรรมกลางแจ้ง และมุมสงบสำหรับนั่งภาวนาหลายจุด
ถาม: ควรเตรียมตัวอย่างไรเมื่อไปเยือนวัดวังหว้า?
ตอบ: แต่งกายสุภาพ งดส่งเสียงดัง ปิดเสียงโทรศัพท์ พยุงการเดินของผู้สูงอายุ และดูแลเด็ก ๆ ให้เคารพพื้นที่ศาสนสถาน
ถาม: มีงานประจำปีหรือพิธีสำคัญช่วงใดบ้าง?
ตอบ: เทศกาลเวียนเทียนวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และงานครบรอบมรณภาพหลวงปู่คร่ำในวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี
ถาม: วัดวังหว้าเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมหรือไม่?
ตอบ: เหมาะมาก พื้นที่เงียบสงบ มีมุมสำหรับนั่งสมาธิ เดินจงกรม และบรรยากาศร่มรื่นเอื้อต่อการเจริญสติ
ถาม: เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้อย่างไร?
ตอบ: นั่งรถจากเอกมัยไปแกลง/ระยอง ลงตลาดแกลง แล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือแท็กซี่ท้องถิ่นเข้าวัด ระยะทางช่วงสุดท้ายราว 8 กม.
ถาม: เวลาที่เหมาะจะไปสักการะคือช่วงไหนของวัน?
ตอบ: เช้าตรู่และช่วงบ่ายแก่ ๆ อากาศสบาย ผู้คนไม่หนาแน่น เหมาะแก่การนั่งภาวนาและเดินชมบริเวณวัด
ถาม: สามารถพาบุตรหลานไปเรียนรู้การทำบุญที่วัดได้หรือไม่?
ตอบ: ได้ วัดต้อนรับทุกวัย การพาเด็ก ๆ ไปร่วมใส่บาตร ฟังธรรม และเรียนรู้มารยาทในวัด เป็นโอกาสที่ดีในการปลูกฝังคุณธรรม
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage





หมวดหมู่:
กลุ่ม:
ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก
แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(
ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(
พิพิธภัณฑ์(
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ
ไร่ สวนเพื่อการศึกษา(
สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(
โครงการในพระราชดำริ
โครงการหลวง(
วิถีชีวิต
หมู่บ้าน ชุมชน(
ตลาดท้องถิ่น(
ธรรมชาติ และสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(
ดอย และภูเขา(
เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(
น้ำตก(
แม่น้ำลำคลอง(
อ่าว และชายหาด(
หมู่เกาะ(
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(
บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร
สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(
ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(
กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย(
ช้อปปิ้ง
ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน(