เพอคูล่าฟาร์ม

เพอคูล่าฟาร์ม จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเพาะพันธุ์ปลาสวยงามเพื่อการค้า แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ความรู้ด้านชีววิทยาทางทะเลและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ในอำเภอสัตหีบ บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ติดชายทะเล ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสบรรยากาศสดชื่นของทะเลควบคู่ไปกับการเรียนรู้เรื่องราวของสัตว์น้ำ

 

เส้นทางการเดินทางมายังเพอคูล่าฟาร์มสะดวกสบาย เริ่มจากถนนทางหลวงสาย 331 บริเวณสี่แยกกิโลเมตรที่ 10 มุ่งหน้าไปสนามบินอู่ตะเภา จากนั้นเลี้ยวเข้าทางบ้านช่องแสมสารประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะพบฟาร์มตั้งอยู่ริมทะเล จุดนี้ถือเป็นทำเลทองของสัตหีบเพราะอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย หาดนางรำ และท่าเรือจุกเสม็ด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนพื้นที่แสมสารจึงสามารถจัดทริปแบบวันเดียวหรือค้างคืนโดยมีเพอคูล่าฟาร์มเป็นหนึ่งในไฮไลท์ได้อย่างง่ายดาย

 

หัวใจสำคัญของเพอคูล่าฟาร์มคือการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน ปลาสวยงามขนาดเล็กที่มีสีสันสดใสและเป็นที่รู้จักทั่วโลกเพราะภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อดัง แต่เบื้องหลังความน่ารักนั้นคือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน การเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนต้องอาศัยความใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ การควบคุมสภาพน้ำทะเลให้เหมาะสม การจัดแสงและอุณหภูมิ ไปจนถึงการให้อาหารที่สมดุล ฟาร์มมีโรงเรือน 2 ชั้นสำหรับเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาการ์ตูนมากกว่า 500 คู่ และยังมีบ่อซีเมนต์เกือบ 30 บ่อสำหรับอนุบาลลูกปลา รวมถึงโรงเรือนอนุบาลลูกปลาขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตร ซึ่งเป็นหัวใจในการเลี้ยงปลาวัยอ่อนให้รอดชีวิตและแข็งแรง

 

นอกจากปลาการ์ตูนแล้ว ฟาร์มยังสะสมพันธุ์ปลาทะเลเกือบ 100 ชนิด เช่น ปลานกแก้ว ปลาหมอทะเล ปลาเก๋า และปลาสวยงามอื่น ๆ ที่มักพบในแนวปะการัง สิ่งนี้ทำให้ฟาร์มไม่ได้เป็นเพียงแค่ฟาร์มปลาการ์ตูน แต่เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพของท้องทะเลไทยได้ครบในที่เดียว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเพาะสาหร่ายและโรติเฟอร์ซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติของลูกปลา ฟาร์มมีพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตรสำหรับการเพาะเลี้ยงแหล่งอาหารเหล่านี้ แสดงให้เห็นการจัดการระบบนิเวศขนาดเล็กที่เลียนแบบธรรมชาติและช่วยให้ลูกปลาเติบโตแข็งแรง

 

สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน ฟาร์มได้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เด็ก ๆ จะได้ตื่นตาตื่นใจกับปลาการ์ตูนตัวเล็ก ๆ ที่แหวกว่ายในบ่อเพาะพันธุ์ ขณะที่ผู้ใหญ่จะได้ฟังคำบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการซึ่งพร้อมให้ความรู้และตอบคำถามเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อท้องทะเล ผลกระทบจากขยะพลาสติก หรือการทำประมงเกินขนาด ทุกประเด็นถูกนำเสนออย่างเข้าใจง่ายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม

 

กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์และได้รับความนิยมจากผู้มาเยือน ได้แก่ การนั่งเรือชมกระชังปลาในทะเล ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เห็นวิธีเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังอย่างใกล้ชิด รวมถึงกิจกรรมให้อาหารปลาที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างชื่นชอบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปศิลปะ เช่น การระบายสีรูปปลาและการเพ้นท์ ที่ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และทำให้การมาเยือนสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

 

ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก เพอคูล่าฟาร์มได้จัดเตรียมพื้นที่จอดรถกว้างขวาง ห้องน้ำสะอาด พื้นที่พักผ่อน รวมทั้งร้านขายของที่ระลึกที่เน้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปลาการ์ตูนและทะเล ผู้มาเยือนยังสามารถถ่ายภาพกับวิวชายทะเลที่สวยงามซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ฟาร์มได้อีกด้วย จุดนี้ทำให้ฟาร์มไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่เรียนรู้ แต่ยังเป็นจุดเช็กอินที่เหมาะสำหรับผู้รักการถ่ายภาพและการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ

 

เวลาทำการของเพอคูล่าฟาร์มคือทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 15.30 น. โดยมีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 60 บาท และเด็ก 40 บาท หากต้องการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษอย่างการนั่งเรือชมกระชังปลาอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การสอบถามข้อมูลล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนเดินทางไป เพื่อให้วางแผนการเที่ยวได้อย่างลงตัว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อฟาร์มได้โดยตรงที่เบอร์โทรศัพท์ 081-483-1739 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์และเพจเฟซบุ๊กของฟาร์ม

 

บทบาทของเพอคูล่าฟาร์มยังครอบคลุมไปถึงการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนรอบข้าง ฟาร์มช่วยสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ ทั้งในฐานะพนักงานดูแลปลา มัคคุเทศก์ท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการร้านค้าและที่พักที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ในชุมชนและสร้างแรงจูงใจให้คนในพื้นที่เห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลมากขึ้น

 

เพอคูล่าฟาร์มจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่แหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างธุรกิจ การอนุรักษ์ และการศึกษาเข้าด้วยกันอย่างสมดุล ผู้มาเยือนได้ทั้งความเพลิดเพลิน ความรู้ และแรงบันดาลใจในการดูแลสิ่งแวดล้อม เมื่อมองในภาพกว้าง ฟาร์มแห่งนี้คือสะพานเชื่อมโลกใต้ทะเลกับผู้คนทั่วไป ทำให้การมาเยือนที่นี่กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสนุกสนานและมีคุณค่า