อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย

อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย หรือเดิมเรียกกันว่า ป่าคา ซึ่งหมายถึงป่าคาหลวง ตั้งอยู่ที่บ้านป่าคา หมู่ 6 ตำบลบ้านแก่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดตั้งอุทยานแห่งชาตินี้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เพื่อรักษาสภาพป่าที่เป็นป่าต้นน้ำลำธาร และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอทุ่งเสลี่ยม และอำเภอเถินในจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 319 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งหญ้าคาขนาดใหญ่และเป็นต้นน้ำของแม่น้ำท่าแพ พื้นที่โดยทั่วไปประกอบด้วยเทือกเขาและป่าไม้หลากหลายชนิด เช่น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดงดิบเขา

 

อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิดที่สำคัญต่อระบบนิเวศ เช่น กระแต เสือไฟ อีเห็น ข้างลาย เลียงผา และเต่าปูลู การอนุรักษ์สัตว์ป่าเหล่านี้ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความสมบูรณ์และมีระบบนิเวศที่สมดุล การประกาศพื้นที่นี้เป็นอุทยานแห่งชาติเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

 

แหล่งท่องเที่ยวภายในอุทยานมีหลากหลายและน่าสนใจ น้ำตกตาดเดือนเป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 300 เมตร น้ำตกเกิดจากลำห้วยแม่ท่าแพไหลผ่านลานหินกว้างและลงสู่แอ่งน้ำ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและชมวิวธรรมชาติ ถ้ำค้างคาวตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายในเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวนับแสนตัว เป็นจุดชมความงดงามของถ้ำและศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า ถ้ำธาราวสันต์เป็นถ้ำหินปูนขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีความสวยงามทางธรรมชาติและมีลักษณะเป็นลานกว้างเป็นชั้นๆ การเข้าถึงถ้ำต้องไต่ลงไปตามภูเขา ผ่านอุโมงค์ทางเดินที่เกิดจากการชนกันของภูเขาสองลูก ลักษณะผนังหินคล้ายธารน้ำไหลและหินบางจุดมีลวดลายคล้ายหินอ่อน นอกจากนี้ยังมีหินทรายรูปหัวสิงโตให้ชม

 

น้ำตกห้วยทรายขาวอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 3 กิโลเมตร เกิดจากลำห้วยทรายขาวไหลลงสู่หน้าผาหินเป็นชั้น ๆ รวม 7 ชั้น น้ำตกตั้งอยู่กลางขุนเขาและล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ น้ำตกตาดดาวเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของลำห้วยแม่ท่าแพ มีหน้าผาสูงประมาณ 50 เมตร และมีน้ำไหลลงสองสาย น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานด้วยการเดินเท้าประมาณ 4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและความสงบของธรรมชาติ

 

ทางอุทยานฯ ยังจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไว้หลายเส้นทาง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าและศึกษาระบบนิเวศ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชมตะวันตั้งอยู่บนไหล่เขา มีความลาดชันปานกลาง ผ่านร่องน้ำในบางช่วง ตลอดเส้นทางเป็นป่าเบญจพรรณ นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ของอุทยานฯ และชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า เส้นทางนี้มีทั้งหมด 14 สถานี ซึ่งจัดทำป้ายสื่อความหมายต่าง ๆ ไว้เป็นระยะ ๆ ใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมง รวมระยะทางไป-กลับประมาณ 5,500 เมตร อีกเส้นทางหนึ่งคือเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติห้วยแม่ท่าแพ เป็นเส้นทางเดินวนกลับ ซึ่งระหว่างทางสามารถพบสัตว์ต่าง ๆ เช่น ผีเสื้อ เก้ง หมูป่า และกระรอก ลักษณะป่าเป็นป่าดงดิบแล้งผสมกับป่าเบญจพรรณ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง รวมระยะทาง 2 กิโลเมตร

 

อุทยานฯ มีบ้านพักบริการจำนวน 6 หลัง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 4-10 คนต่อหลัง ราคาบ้านพักอยู่ระหว่าง 600-2,000 บาทต่อคืน นอกจากนี้ยังมีเต็นท์ให้เช่า และหากนักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเอง จะเสียค่าพื้นที่ 30 บาทต่อคนต่อคืน ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย ตู้ ปณ. 10 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย 64130 โทร. 0 5561 9214-5 หรือที่กรมอุทยานแห่งชาติ กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760

 

สำหรับการเดินทาง นักท่องเที่ยวที่ใช้รถยนต์สามารถเดินทางจากตัวเมืองสุโขทัยได้สองเส้นทาง เส้นทางแรกคือใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายสุโขทัย-ตาก เลี่ยงเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1113 มาถึงสี่แยกสารจิตรแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1294 รวมระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร เส้นทางที่สองใช้ทางหลวงหมายเลข 101 สายสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย ถึงอำเภอศรีสัชนาลัยแล้วเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าโรงพยาบาลศรีสัชนาลัย จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1035 ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1249 รวมระยะทางประมาณ 122 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง มีรถสองแถวจากฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสัชนาลัย ออกก่อนเที่ยงวันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

 

อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยเป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ น้ำตก ถ้ำ และสัตว์ป่าหลากหลายชนิด อีกทั้งยังสามารถเดินศึกษาธรรมชาติและชมวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ครบถ้วนทั้งด้านการพักผ่อนหย่อนใจ การเรียนรู้ด้านธรรมชาติ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าแพอย่างยั่งยืน