หน้าหลัก > ภาคกลาง > จ.กาญจนบุรี > อ.เมืองกาญจนบุรี > ต.ลาดหญ้า > วัดทุ่งลาดหญ้า


กาญจนบุรี

วัดทุ่งลาดหญ้า

วัดทุ่งลาดหญ้า

Rating: 4.2/5 (5 votes)

วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
 
วัดทุ่งลาดหญ้า หรือชาวบ้านเรียกวัดนี้ว่า “วัดลาดหญ้า” สังกัดมหานิกาย อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ภาค 14
 
สถานที่ตั้งวัด วัดทุ่งลาดหญ้าตั้งอยู่ที่ 262 บ้านลาดหญ้า หมู่ 1 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีเนื้อที่ตั้งวัด 46 ไร่ 77 ตารางวา อาณาบริเวณวัดทุ่งลาดหญ้า ทิศเหนือ จดแนวถนน กาญจนบุรี – เขื่อนศรีนครินทร์ฯ ทิศใต้ จด ตลาดบ้านลาดหญ้า ทิศตะวันออก จด ถนนพระครูสอน ทิศตะวันตก จด แม่น้ำแควใหญ่
 
ประวัติก่อนการสร้างวัด เหนือบริเวณวัดทุ่งลาดหญ้าออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองกาญจนบุรีเก่า ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของไทยเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้เขาชนไก่ มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 180 เมตร ยาว 360 เมตร มีป้อมมุมเมือง 4 มุม มีแม่น้ำแควใหญ่ เป็นเสมือนคูเมือง ด้านทิศตะวันตก และลำน้ำ ลำตะเพิน
 
เป็นคูเมืองด้านทิศเหนือ มีป้อมเป็นเนินดิน 4 มุม ภายในเมืองมีซากวัดต่างๆ ถึง 7 วัด คือ วัดขุนแผน วัดนางพิมพ์ วัดแม่หม้ายเหนือ วัดแม่หม้ายใต้ วัดมอญ วัดจีน วัดป่าเลไลย์ และมีบริเวณที่เรียกกันว่าตลาดนางทองประศรี ความสำคัญของเมืองกาญจนบุรีเก่า เป็นเมืองหน้าด่านตะวันตก ที่คอยสกัดทัพพม่าที่ยกเข้ามาทางด้านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นเส้นทางโบราณ ระหว่างเมืองมอญ กับ ไทย มี 2 เส้นทาง คือ เส้นทางเหนือหรือเรียกว่าทางด่านแม่ละเมา และทางด่านเจดีย์สามองค์ เมืองกาญจนบุรี
 
โดยออกจากเมืองเมาะตะมะ ข้ามแม่น้ำอัตรัน (เมืองเชียงกราน) เมืองสมิ ข้ามแม่น้ำกษัตริย์ และข้ามภูเขา เข้าแดนไทยทางด่านเจดีย์สามองค์ มาลงน้ำแควน้อย จากสามสบล่องลงมาทางเมืองไทรโยคเก่า (ปัจจุบัน คือ บริเวณวัดดงสัก ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค แล้วตัดข้ามช่องกระบอก มาลงลำน้ำแควใหญ่ที่เมืองศรีสวัสดิ์ หรือที่เมืองท่ากระดานด่านกรามช้างแล้วเดินเลียบแม่น้ำแควใหญ่จนถึงเมืองกาญจนบุรีเก่า ที่ทุ่งลาดหญ้า จากนั้นจะเป็นที่ราบเดินทางสะดวก เข้าสู่เมืองสุพรรณบุรี วิเศษไชยชาญ
 
และเข้าตีกรุงศรีอยุธยา เมืองกาญจนบุรีเก่า จึงเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญ ที่คอยสกัดกั้นทัพพม่า มาตั้งแต่สงครามครั้งแรก คราวรบพม่าที่เมืองเชียงกราน ในปี พ.ศ. 2081 และกลายเป็นเส้นทางเดินทัพไทย-พม่า ที่ทำสงครามต่อกันไม่น้อยกว่า 15 ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เราเสียกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2310 ต่อมาไทยย้ายเมืองมาตั้งที่ กรุงธนบุรี ก็ต้องทำศึกกับพม่าอีก 2 ครั้ง จนเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ กรุงเทพฯในปี พ.ศ. 2325 ได้เพียงสามปี
 
คือ พ.ศ. 2328 พม่าก็ยกทัพมาตีไทยถึง 9 ทัพ ยกเข้ามา 5 ทาง จำนวนพลกว่า 144,000 คน เราเรียกสงครามครั้งนี้ว่า “การรบพม่าที่ทุ่งลาดหญ้า” สงครามครั้งนี้ กองทัพหลวงพระเจ้าปะดุง ยกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ พร้อมกองทัพอีก 4 กองทัพ ผ่ายไทยได้ให้ กรมพระราชวังบวร มหาสุรสีหนาท มาสกัดทัพพม่าที่ ทุ่งลาดหญ้า
 
ซึ่งเป็นวิธีคิดใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะทรงพิจารณาเห็นว่า ที่ทุ่งลาดหญ้าเป็นทางที่พม่าต้องเดินทัพเข้ามา ถ้าไทยสามารถรักษาทุ่งลาดหญ้าไว้ได้ กองทัพพม่าต้องตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งเป็นที่กันดาร จะหาเสบียงอาหารเลี้ยงกองทัพ และจะเดินทัพก็ยาก เปรียบเหมือนข้าศึกต้องอยู่ในตรอก ไทยคอยสกัดกั้นอยู่ปากตรอก ถึงกำลังน้อยกว่าก็สู้ได้ ในที่สุดพม่าก็พ่ายทัพกลับไป ไม่สามารถยกทัพผ่านทุ่งลาดหญ้าไปได้
 
หลังจากสงครามเก้าทัพ สงครามไทย-พม่า ก็เริ่มเบาบางลง เส้นทางเดินทัพเปลี่ยนไป เมืองกาญจนบุรีเก่า จึงถูกทิ้งร้าง ถอยร่นลงมาสกัดทัพที่ปากแพรก หรือลิ้นช้าง ในครั้งแรกเพียงแต่ปักเสาระเนียดบนเชิงเทิน จนในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างกำแพงเมือง ก่ออิฐถือปูน ในบริเวณที่ตั้งเมืองใหม่ ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแควใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2374 เพื่อป้องกันข้าศึก และติดต่อค้าขายกับเมืองในลุ่มน้ำแม่กลอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสไทรโยคได้บันทึกเกี่ยวกับกาญจนบุรีไว้ว่า “แต่เมืองที่ตั้งอยู่ตำบลปากแพรกเดี๋ยวนี้ ไม่เป็นทางพม่าข้าศึกเข้ามาเลย ถ้าโดยจะเดินกองทัพมา คงข้ามที่เขาชนไก่เมืองเดิม ตัดไปสุพรรณบุรีเข้ากรุงทีเดียว
 
ถ้าจะลงทางล่างก็เข้าราชบุรีไปเล่นสวนบางช้างสมุทรสงคราม แต่ที่ปากแพรกนี้เป็นที่ค้า ท่าขาย ด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมนั้นขึ้นไปตั้งเหนือมาก มีแก่งถึงสองแก่ง ลูกค้าจะไปมาลำบาก จึงลงมาตั้งอยู่ที่ปากแพรกนี้ เป็นทางไปมาแต่เมืองราชบุรีง่าย เมืองที่ตั้งก่อกำแพงไว้นี้อยู่ที่แม่น้ำสามแยกตรงทางแม่น้ำน้อย เหมือนหนึ่งจะคิดรับทางเรือ แต่กองทัพของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ยกมาครั้งนั้น ต้องส่งทัพหน้าไปตั้งที่ลาดหญ้ารับทางพม่าข้าศึก ทัพหลวงจึงตั้งอยู่ที่ลิ้นช้างกาญจนบุรี เมืองกาญจนบุรีเมื่อก่อนก็เป็นระเนียดไม้มาตลอด...” และเสด็จพระราชดำเนินทรงม้าถึงทุ่งลาดหญ้า
 
ทรงบันทึกว่า “ถึงหนองบัว ลาดหญ้า จนถึงเขาชนไก่ ทาง 590 เส้น ที่ลาดหญ้ามีหญ้ามากถ้าจะเลี้ยงช้างสักกี่ร้อยก็เลี้ยงได้ เป็นที่สำคัญในการศึก เมื่อเรายังทำศึกอยู่กับพม่า กองทัพเราตั้งรับ หรือกองทัพข้าศึกจะมาตั้ง ก็มักจะชิงเอาที่นี่ไว้ในกองทัพด้วยเป็นที่อุดม ได้อาศัยเลี้ยงพาหนะในกองทัพได้มาก ที่เขาชนไก่นั้น เป็นเมืองเก่าที่ยังมีวัดร้างอยู่ที่นั่น” เมื่อย้ายเมืองกาญจนบุรีมาอยู่ปากแพรกแล้ว มีการบูรณะสร้างวัดวาอารามขึ้นใหม่ เช่น วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) วัดถาวรวราราม (วัดญวณ) ทำให้วัดต่างๆที่เมืองกาญจนบุรีเก่า ถูกทิ้งร้าง ต่อมาได้มีการนำเอาพระพุทธรูปในวัดร้างไปเป็นพระประธานในอุโบสถ เช่น ที่วัดถาวรวราม (วัดญวณ) เป็นต้น
 
ประวัติการสร้างวัดลาดหญ้า หลังจากสิ้นสงคราม ไทย-พม่า ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา ประชาชนเริ่มมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนริมน้ำแควใหญ่มากขึ้น การคมนาคมในสมัยนั้นต้องใช้ทางน้ำสัญจรไปมาจากเมืองท่ากระดาน เมืองศรีสวัสดิ์ ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป โดยการใช้แพ หรือเรือล่องตามลำน้ำแควใหญ่ ผ่านบ้านลาดหญ้ามาเมืองกาญจนบุรีที่ปากแพรก ขากลับทวนน้ำจะต้องเดินทางบก ทั้งไปและกลับจะต้องผ่านบริเวณบ้านลาดหญ้า ต่อมาชุมชนเริ่มหนาแน่นขึ้น จึงได้มีการก่อสร้างวัดขึ้นบริเวณลำน้ำแควใหญ่ ณ บ้านลาดหญ้า ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หมวดหมู่: สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

วัด กลุ่ม: วัด

ปรับปรุงล่าสุด : 9 ปีที่แล้ว

แผนที่วัดทุ่งลาดหญ้า

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

วัด วัด(539)

https://www.lovethailand.org/อ.เมืองกาญจนบุรี(69)

https://www.lovethailand.org/อ.ไทรโยค(60)

https://www.lovethailand.org/อ.บ่อพลอย(36)

https://www.lovethailand.org/อ.ศรีสวัสดิ์(37)

https://www.lovethailand.org/อ.ท่ามะกา(42)

https://www.lovethailand.org/อ.ท่าม่วง(53)

https://www.lovethailand.org/อ.ทองผาภูมิ(47)

https://www.lovethailand.org/อ.สังขละบุรี(17)

https://www.lovethailand.org/อ.พนมทวน(27)

https://www.lovethailand.org/อ.เลาขวัญ(61)

https://www.lovethailand.org/อ.ด่านมะขามเตี้ย(26)

https://www.lovethailand.org/อ.หนองปรือ(32)

https://www.lovethailand.org/อ.ห้วยกระเจา(32)