บ้านไร่ไผ่งาม (พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดา)

Rating: 4.3/5 (6 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: วันศุกร์–วันพุธ (หยุดวันพฤหัสบดี)
เวลาเปิดทำการ: 09.30–16.00 น.
บ้านไร่ไผ่งาม (พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดา) เป็นหนึ่งในจุดหมายเชิงวัฒนธรรมของเชียงใหม่ที่ “ไม่ต้องเสียงดัง” แต่ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งยิ่งเห็นคุณค่า เพราะที่นี่ไม่ได้ขายแค่ของสวย ๆ หรือภาพถ่าย แต่ขายความตั้งใจของงานมือที่ทำจริงอยู่ในชีวิตจริง บ้านหลังที่ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ยังคงกลิ่นอายบ้านพื้นถิ่นริมลำน้ำปิงไว้ชัดเจน และรอบ ๆ ยังเป็นพื้นที่ทำงานของกลุ่มแม่บ้านที่สืบทอดการทอผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติแบบโบราณจนกลายเป็นชื่อเสียงของอำเภอจอมทองและของจังหวัดเชียงใหม่ในภาพรวม
สิ่งแรกที่ทำให้หลายคนหลงรักคือ “ทางเข้า” ที่ร่มรื่นด้วยแนวไผ่สองข้างทาง เป็นภาพนำที่บอกอารมณ์ของสถานที่ตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวพิพิธภัณฑ์ บ้านไร่ไผ่งามอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 69–70 บนเส้นทางเชียงใหม่–ฮอด (ทางหลวง 108) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปในหมู่บ้านอีกราว ๆ 1 กิโลเมตร ความรู้สึกเวลาขับรถลึกเข้ามาอีกนิดมันเหมือนหลุดจากถนนใหญ่แล้วค่อย ๆ เข้าสู่พื้นที่ที่เวลาเดินช้าลง ความเงียบสงบและความเขียวของต้นไม้ทำให้บรรยากาศเหมาะกับการมา “เที่ยวแบบตั้งใจดู” มากกว่ามาแวะแล้วรีบไปต่อ
หัวใจของเรื่องราวที่นี่โยงกับชื่อของคุณป้าแสงดา บันสิทธิ์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้เป็นต้นทางองค์ความรู้เรื่องผ้าฝ้ายทอมือและการย้อมสีธรรมชาติที่ละเอียดและมีเอกลักษณ์ ความพิเศษของงานป้าแสงดาไม่ได้อยู่แค่ “ทำเป็น” แต่เป็นการทำแบบเข้าใจธรรมชาติของวัสดุ เข้าใจเส้นใย เข้าใจสี และเข้าใจความพอดีของการใช้ชีวิต งานทอผ้าในมุมนี้จึงไม่ใช่แค่งานฝีมือ แต่เป็นภูมิปัญญาที่รวมความรู้เรื่องวัตถุดิบ ทักษะมือ ความอดทน และความงามทางสายตาเข้าไว้ด้วยกัน
เมื่อเวลาผ่านไป งานของป้าแสงดาถูกส่งต่อและกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มแม่บ้านในพื้นที่รวมตัวกันทำงานทอผ้าฝ้ายและย้อมสีธรรมชาติอย่างจริงจัง โดยมีฐานการทำงานอยู่ที่บ้านของป้าแสงดาซึ่งติดกับลำน้ำปิง ภาพของพื้นที่ริมปิงตรงนี้ทำให้เราเข้าใจได้ทันทีว่าทำไม “ธรรมชาติ” ถึงเป็นส่วนหนึ่งของงานผ้า เพราะความชื้น อากาศ แสง และฤดูกาลล้วนมีผลต่อทั้งการย้อมสีและการดูแลเส้นฝ้าย งานที่นี่จึงเป็นงานที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่งานโรงงานที่ควบคุมทุกอย่างให้เหมือนกันได้เป๊ะ ๆ
พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดาถูกจัดทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงผลงานและชีวิตของป้าแสงดา และเล่า “วิถีบ้าน” ในสมัยก่อนให้คนรุ่นหลังได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ตัวพิพิธภัณฑ์อยู่ในบ้านที่ดัดแปลงเป็นพื้นที่จัดแสดง ทำให้บรรยากาศต่างจากพิพิธภัณฑ์ที่เป็นอาคารทางการ เราจะรู้สึกเหมือนเดินเข้าบ้านของใครบางคนที่ตั้งใจเล่าเรื่องให้ฟังอย่างอบอุ่นมากกว่า ในพื้นที่จัดแสดงมีเครื่องมือทอและย้อมผ้าที่เคยใช้จริง รวมถึงผลงานผ้าทอของป้าแสงดาที่ช่วยให้เราเห็น “มาตรฐานความประณีต” ของงานฝีมือระดับครู และช่วยให้เข้าใจว่าคำว่า “ผ้าทอมือคุณภาพ” นั้นหมายถึงอะไรในทางปฏิบัติ
ถ้ามาที่นี่แล้วอยากดูให้คุ้ม แนะนำให้ใช้สายตาแบบไม่รีบ เดินดูรายละเอียดของเนื้อผ้าให้ชัด ดูความสม่ำเสมอของเส้นฝ้าย ดูการเก็บริมผ้า ดูการจัดวางลาย และดู “ความนิ่ง” ของสีธรรมชาติที่ไม่ได้ฉูดฉาดแบบสีเคมี แต่มีความลึกแบบโทนดิน โทนใบไม้ โทนดอกไม้ สีธรรมชาติมักมีความสวยในแบบที่ยิ่งมองนานยิ่งชอบ เพราะมันไม่พยายามตะโกน แต่มันอยู่ได้กับชีวิตจริง ใส่ได้ในหลายโอกาส และยิ่งเก่ามักยิ่งมีเสน่ห์หากดูแลถูกวิธี
ความสนุกของบ้านไร่ไผ่งามคือการได้เห็น “กระบวนการคิด” อยู่หลังชิ้นงาน คนส่วนใหญ่มองผ้าทอแล้วนึกถึงแค่ขั้นทอ แต่ในความจริงงานหนึ่งผืนเริ่มจากการจัดการเส้นฝ้ายให้พร้อม งานฝ้ายพื้นเมืองมีบุคลิกของมันเอง เส้นใยอาจไม่เรียบกริบแบบฝ้ายอุตสาหกรรม นั่นแปลว่าคนทำต้องรู้จักปรับมือ ปรับแรง และปรับจังหวะทอให้เหมาะ เพื่อให้ผ้าออกมาแน่นพอดี นุ่มพอดี และทนพอดี งานทอมือที่ดีจึงเป็นการ “คุมความพอดี” มากกว่าการทำให้ทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะ
จากนั้นจึงเข้าสู่โลกของสีธรรมชาติ ซึ่งเป็นโลกที่ทั้งสวยและดื้อในเวลาเดียวกัน สีจากใบไม้ ดอกไม้ หรือพืชต่าง ๆ ให้เฉดที่อ่อนลึกและมีชีวิต แต่ก็อ่อนไหวต่ออุณหภูมิ ความเป็นกรดด่างของน้ำ เวลาในการต้มและแช่ รวมถึงฤดูกาล ถ้าคุณชอบงานคราฟต์ คุณจะเข้าใจทันทีว่านี่คือความท้าทายที่ทำให้งานธรรมชาติ “มีคุณค่า” เพราะมันต้องอาศัยประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ทำตามสูตรอย่างเดียว และความไม่เหมือนกันเล็ก ๆ ของแต่ละล็อตงานก็คือเสน่ห์ ไม่ใช่ข้อเสีย
เมื่อผ้าถูกย้อมและแห้งอย่างเหมาะสม จึงเข้าสู่การทอ ซึ่งเป็นช่วงที่เราเห็น “เวลา” ถูกถักเข้าไปในผืนผ้า เสียงกระทบของกี่ทอผ้าและจังหวะมือที่ซ้ำ ๆ อย่างมีสมาธิทำให้เราเริ่มเข้าใจว่าทำไมงานทอมือจึงเป็นงานที่สะท้อนตัวตนคนทำได้ดี มันต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอ และความตั้งใจที่จะทำสิ่งเดิมให้ดีทุกครั้ง หากคุณมาในวันที่มีการทำงานจริงในพื้นที่ ลองยืนดูสักพักแล้วคุณจะเห็นว่างานฝีมือไม่ได้เกิดจาก “พรสวรรค์อย่างเดียว” แต่มาจากชั่วโมงที่ยาวและการฝึกที่ซื่อสัตย์กับงาน
เรื่องหนึ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อผ้าทอธรรมชาติคือการดูแล สีธรรมชาติและเส้นใยฝ้ายจะอยู่ได้นานมากถ้าดูแลถูกหลัก โดยทั่วไปการซักควรหลีกเลี่ยงสารฟอกขาวแรง ๆ และหลีกเลี่ยงการตากแดดจัดเกินไปนาน ๆ เพราะแดดแรงทำให้สีซีดเร็ว การตากในที่ร่มลมโกรกมักเป็นมิตรกับงานผ้ามากกว่า และการเก็บผ้าในที่ไม่อับชื้นช่วยยืดอายุเส้นใยได้ดี ถ้าคุณตั้งใจซื้อของดี ชิ้นงานหนึ่งชิ้นสามารถใช้ได้หลายปีและยิ่งใช้ยิ่งเข้ามือ จนกลายเป็นของประจำตัวมากกว่าของฝาก
ในส่วนของการเลือกซื้อของกลับบ้าน บ้านไร่ไผ่งามมักมีสินค้าจากผ้าฝ้ายทอมือหลายรูปแบบ เช่น ผ้าทอ ผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าปูเตียง หรือของใช้จากผ้าที่ต่อยอดให้เข้ากับชีวิตยุคปัจจุบัน ถ้าคุณอยากได้ “ชิ้นแรก” ที่ใช้ง่าย แนะนำผ้าคลุมไหล่หรือผ้าพันคอ เพราะใช้ได้บ่อยและเห็นสีธรรมชาติชัด ส่วนผ้าปูโต๊ะเหมาะกับคนที่อยากแต่งบ้านให้มีอารมณ์คราฟต์แบบนุ่ม ๆ และถ้าคุณเป็นคนจริงจังกับงานผ้า การเลือกผืนที่เห็นลายทอชัดและเนื้อแน่นพอดีจะทำให้คุ้มมากในระยะยาว
การมาเยือนบ้านไร่ไผ่งามยังเป็นการสนับสนุนชุมชนในทางที่จับต้องได้ แต่อยากชวนให้ซื้อแบบ “รู้ที่มา” นิดหนึ่ง คือถามก่อนว่าเป็นงานของกลุ่ม/งานทอมือจริงไหม สีธรรมชาติจากอะไร มีวิธีดูแลอย่างไร การถามแบบสุภาพไม่ได้ทำให้บรรยากาศแปลก ตรงกันข้ามมันเป็นการให้เกียรติคนทำ เพราะคุณกำลังมองงานเขาเป็นงานที่มีเรื่องราว ไม่ใช่แค่สินค้าแขวนบนราว และถ้าคุณตั้งใจสะสมงานคราฟต์ การรู้ที่มาทำให้ชิ้นงานหนึ่งชิ้นมีความหมายมากขึ้นอีกระดับ
สำหรับคนที่อยากถ่ายภาพ ที่นี่สวยแบบธรรมชาติ ไม่ต้องจัดท่าเยอะ แสงเช้าและแสงบ่ายทำให้สีของไม้ไผ่และสีของงานผ้าดูนุ่มเป็นพิเศษ ถ่ายมุมทางเข้าที่มีเงาไผ่จะได้อารมณ์สงบ ๆ ถ่ายใกล้ ๆ กับเนื้อผ้าจะได้รายละเอียดเส้นใยและลายทอที่น่าดู และถ้าได้ภาพที่มีฉากหลังเป็นวิถีบ้านริมปิงจะยิ่งเล่าเรื่องว่า “ที่นี่มีชีวิตจริง” ไม่ใช่ฉากถ่ายรูป
มารยาทเล็ก ๆ ที่ช่วยให้การท่องเที่ยวเชิงชุมชนดีขึ้นคือการรักษาความสงบ ไม่ยื่นกล้องเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว ไม่จับเครื่องมือหรือชิ้นงานจัดแสดงแบบไม่ขออนุญาต และถ้าจะถ่ายภาพบุคคลควรถามก่อนเสมอ เพราะพื้นที่นี้เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ทำงานจริงของคนในชุมชน การเป็นแขกที่ดีทำให้ทุกอย่างนุ่มนวล และทำให้สถานที่แบบนี้อยู่ได้ในระยะยาว
การเดินทาง หากเริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่–ฮอด) มุ่งหน้าไปอำเภอจอมทอง เมื่อถึงช่วงกิโลเมตรที่ 69–70 ให้สังเกตทางเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้าน แล้วขับต่อเข้าไปอีกราว ๆ 1 กิโลเมตรจะถึงพื้นที่บ้านไร่ไผ่งามและพิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดา เส้นทางช่วงเลี้ยวเข้าหมู่บ้านค่อนข้างร่มและเงียบ ขับไม่ยากแต่ควรใช้ความระมัดระวังตามปกติ โดยเฉพาะช่วงฝนเพราะถนนอาจลื่นได้ในบางจุด
ถ้าคุณวางแผนเที่ยวให้คุ้มในวันเดียว สามารถจัดเป็นทริปสายวัฒนธรรม+ธรรมชาติได้ เช่น แวะวัดพระธาตุศรีจอมทอง แล้วมาบ้านไร่ไผ่งามช่วงสายถึงบ่าย ใช้เวลาเดินดูพิพิธภัณฑ์และเลือกซื้อของ จากนั้นค่อยต่อไปโซนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เพื่อชมจุดท่องเที่ยวอย่างน้ำตกหรือเส้นทางธรรมชาติ แบบนี้จะได้ทั้ง “เรื่องเล่า” และ “วิว” อยู่ในวันเดียวโดยไม่เร่งเกินไป
บ้านไร่ไผ่งามจึงเหมาะกับคนที่ชอบงานคราฟต์ ชอบเรื่องราวของผู้คน และชอบการท่องเที่ยวที่ได้เรียนรู้จริง หากคุณเคยรู้สึกว่าเที่ยวแล้วได้แค่รูป ที่นี่จะให้มากกว่านั้น เพราะมันให้ความเข้าใจว่าเบื้องหลังความสวยของผ้าหนึ่งผืนคือเวลา มือ และความอดทน และเมื่อเราเห็นสิ่งนั้น เรามักกลับบ้านไปด้วยความเคารพต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นมากขึ้นแบบไม่รู้ตัว
| ชื่อสถานที่ | บ้านไร่ไผ่งาม (พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดา) |
| ที่ตั้ง | กม. 69–70 เส้นเชียงใหม่–ฮอด (ทางหลวง 108) ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านอีกราว ๆ 1 กม.) |
| ลักษณะเด่น | แหล่งเรียนรู้ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติแบบโบราณ จัดแสดงเครื่องมือทอ–ย้อมและผลงานของป้าแสงดา บรรยากาศบ้านพื้นถิ่นริมปิง เหมาะกับเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและงานคราฟต์ |
| ช่วงเวลาแนะนำ | เช้า–บ่าย (แสงนุ่ม ถ่ายงานผ้าและบรรยากาศทางเข้าไผ่สวย) เผื่อเวลาอย่างน้อย 1–2 ชั่วโมงสำหรับชมพิพิธภัณฑ์และเลือกซื้อสินค้า |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดให้เข้าชม (หยุดวันพฤหัสบดี และอาจมีประกาศปิดเป็นบางวัน ควรเช็กเพจพิพิธภัณฑ์ก่อนเดินทาง) |
| ติดต่อ | พิพิธภัณฑ์/บ้านไร่ไผ่งาม: 053-361231, 053-273625 โทรเพิ่มเติม: 062-1928242 |
| ที่เที่ยวใกล้เคียงพร้อมระยะทาง | 1) วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร (ประมาณ 11–15 กม.) โทร 053-342184 2) อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (ด่าน/ศูนย์บริการ) (ประมาณ 30–40 กม.) โทร 053-286729 3) น้ำตกแม่กลาง (อุทยานฯ ดอยอินทนนท์) (ประมาณ 22–30 กม.) โทร 0-2561-0777 ต่อ 1742 4) น้ำตกวชิรธาร (อุทยานฯ ดอยอินทนนท์) (ประมาณ 40–50 กม.) โทร 0-2561-0777 ต่อ 1742 5) โครงการหลวงดอยอินทนนท์ / ร้านสวัสดิการ (ประมาณ 35–45 กม.) โทร 053-286728, 053-286777 |
| ร้านอาหารแนะนำพร้อมระยะทาง | 1) ข้าวซอยแก้วน้อย (อ.จอมทอง) (ประมาณ 12–18 กม.) โทร 053-826043, 086-1982999 2) Rayne Coffee Bar (อ.จอมทอง) (ประมาณ 12–18 กม.) โทร 081-7385555 3) ครัวต้นตาล จอมทอง (ประมาณ 12–18 กม.) โทร 089-2646361 4) The Garden Inthanon (คาเฟ่/ร้าน) (อ.จอมทอง) (ประมาณ 12–18 กม.) โทร 062-2696636 5) ร้านสวัสดิการ โครงการหลวงดอยอินทนนท์ (ประมาณ 35–45 กม.) โทร 053-286728, 053-286777 |
| ที่พักแนะนำพร้อมระยะทาง | 1) B-tel Chom Thong Resort (ประมาณ 12–18 กม.) โทร 098-7592003 2) Inthanon Riverside Resort (ประมาณ 12–20 กม.) โทร 081-5305767 3) Inthanon Highland Resort (ประมาณ 20–35 กม.) โทร 053-033552 4) Nokchanmeena (นอกชานมีนา) (ประมาณ 25–40 กม.) โทร 080-5335183 5) Phu Terrace View Resort (ประมาณ 18–35 กม.) โทร 097-1264620 |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: บ้านไร่ไผ่งามอยู่ตรงไหนและไปยากไหม?
ตอบ: อยู่กม. 69–70 เส้นเชียงใหม่–ฮอด (ทางหลวง 108) เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านอีกราว ๆ 1 กม. ถนนเข้าถึงได้ด้วยรถยนต์ทั่วไป ขับไม่ยาก
ถาม: พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดาเปิดวันไหน?
ตอบ: โดยหลักเปิดวันศุกร์–วันพุธ เวลา 09.30–16.00 น. และหยุดวันพฤหัสบดี (ควรเช็กประกาศปิดเป็นบางวันก่อนเดินทาง)
ถาม: ไปแล้วควรดูอะไรให้คุ้ม?
ตอบ: แนะนำดูเครื่องมือทอและย้อมที่ใช้จริง ชมผลงานของป้าแสงดา และสังเกตเนื้อผ้า–ลายทอ–โทนสีธรรมชาติแบบใกล้ ๆ จะเห็นความประณีตชัดที่สุด
ถาม: ซื้ออะไรเป็นของฝากถึงจะใช้ง่าย?
ตอบ: ผ้าคลุมไหล่/ผ้าพันคอใช้ได้บ่อย ดูแลง่าย และเห็นสีธรรมชาติชัด ส่วนผ้าปูโต๊ะเหมาะกับคนอยากแต่งบ้านให้ได้อารมณ์คราฟต์นุ่ม ๆ
ถาม: มีเบอร์ติดต่อสอบถามก่อนเดินทางไหม?
ตอบ: ติดต่อพิพิธภัณฑ์/บ้านไร่ไผ่งามได้ที่ 053-361231, 053-273625 หรือ 062-1928242
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: