ฮิโนกิแลนด์

Rating: 4/5 (1 votes)

วันเปิดทำการ: ทุกวัน

เวลาเปิดทำการ: 09.00–17.00 น.

 

ฮิโนกิแลนด์ ในอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สามารถสร้างชื่อเสียงโดดเด่นภายในเวลาไม่นาน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงเอาเสน่ห์ของญี่ปุ่นเข้ามาผสานไว้ท่ามกลางหุบเขาแห่งภาคเหนือของไทย บนพื้นที่กว่า 83 ไร่ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่สร้างขึ้นจากไม้สนฮิโนกิ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้ชนิดนี้ลอยอยู่ในอากาศแทบตลอดทั้งพื้นที่ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในหมู่บ้านโบราณของญี่ปุ่นในชนบทอันสงบ แต่ขณะเดียวกันก็ยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของธรรมชาติและภูมิทัศน์ล้านนาที่โอบล้อมพื้นที่ทั้งหมดไว้อย่างนุ่มนวล

 

ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดของโครงการ สิ่งหนึ่งที่หลายคนถามเสมอคือ เหตุใดไม้สนฮิโนกิจึงมีความสำคัญจนกลายเป็นหัวใจของฮิโนกิแลนด์ คำตอบอยู่ที่คุณสมบัติพิเศษของไม้ชนิดนี้ เนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทานต่อปลวกตามธรรมชาติ มีกลิ่นหอมละมุนซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำมันหอมระเหยภายในเนื้อไม้ ส่งผลให้ฮิโนกิถูกเลือกใช้สำหรับการสร้างวัด ศาลเจ้า และสถาปัตยกรรมชั้นสูงของญี่ปุ่นมาหลายร้อยปี ไม้ฮิโนกิจึงไม่ได้เป็นเพียงวัสดุ แต่เป็นตัวแทนของความเชื่อแบบชินโตที่ให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ ความสงบ และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสอดคล้อง

 

เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ฮิโนกิแลนด์ นักท่องเที่ยวจะพบกับความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศอย่างชัดเจน จากเส้นทางหลักที่ตัดผ่านหมู่บ้านชาวไทยภูเขาและไร่นาของชุมชน มายังพื้นที่ที่เปิดกว้าง ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นเหมือนประตูข้ามมิติจากเชียงใหม่สู่ชนบทญี่ปุ่น ความเงียบที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้และเสียงฝีเท้าตัวเองบนทางเดินไม้หอม นับเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ง่ายจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นในภาคเหนือ

 

สถาปัตยกรรมแรกที่ดึงสายตาของทุกคนคือ เสาโทริอิสีแดง ซึ่งตั้งเรียงรายทอดยาวตลอดแนวทางเดินหลัก โทริอิเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาชินโต หมายถึงประตูสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ การเดินลอดเสาแต่ละต้นเหมือนการก้าวผ่านขอบเขตหนึ่งไปสู่อีกขอบเขตหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงการละทิ้งความวุ่นวายภายนอกเพื่อเข้าสู่พื้นที่สงบภายใน ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจริงเมื่อผู้มาเยือนเดินผ่านเสาไปเรื่อย ๆ เพราะเสียงรอบตัวค่อย ๆ เงียบลง เหลือเพียงเสียงลมและเสียงกรอบของพื้นไม้ที่ก้าวผ่านในแต่ละจังหวะ

 

เมื่อเดินผ่านโทริอิไปจนสุดสายตา สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือ ปราสาทฮิโนกิ อาคารขนาดใหญ่ที่ใช้ไม้ฮิโนกิแท้ 100% ในการสร้าง เสาไม้สูง 8 เมตร หนา 8 นิ้ว เรียงตัวอย่างสมดุลเหมือนงานศิลปะที่มีชีวิต ทุกจุดของสถาปัตยกรรมถูกออกแบบอย่างตั้งใจเพื่อสะท้อนเสน่ห์ของปราสาทญี่ปุ่นโบราณที่ผสมผสานความภูมิปัญญางานไม้แบบดั้งเดิม ความกลมกลืนระหว่างแสงธรรมชาติและเงาที่ทอดตัวไปตามผิวไม้ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่โลกของซามูไรหรือชนชั้นสูงในอดีต

 

ปราสาทฮิโนกิไม่ได้โดดเด่นเพียงขนาด แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ถูกออกแบบไว้ในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น การออกแบบทางเดินที่บังคับให้ผู้มาเยือนเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพื่อรับรู้ถึงความสงบ การใช้สัดส่วนแบบชู่คัง (Ma) ซึ่งเป็นแนวคิดญี่ปุ่นที่มองว่า “ช่องว่าง” ก็เป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรม ช่องว่างเหล่านี้ทำหน้าที่สร้างจังหวะ ทำให้หัวใจของผู้มาเยือนค่อย ๆ ปรับตัวจากความเร่งรีบภายนอกสู่ความนิ่งภายใน

 

พื้นที่ภายนอกปราสาทถูกโอบล้อมด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ น้ำในสระสะท้อนภาพของปราสาทและเสาโทริอิอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าเปิด แสงแดดที่ตกกระทบผืนน้ำทำให้เงาของเสาโทริอิสีแดงดูเหมือนพาดตัวอยู่บนผิวน้ำอย่างมีพลัง นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกถ่ายภาพในช่วงเช้า เพราะหมอกบาง ๆ ที่ลอยเหนือสระน้ำจะสร้างบรรยากาศราวกับอยู่ในชนบทญี่ปุ่นที่เงียบสงบ

 

เมื่อเดินสำรวจต่อไปจะพบกับ เจแปนทาวน์ หมู่บ้านจำลองที่ออกแบบให้มีร้านค้า บ้านไม้ และโคมไฟญี่ปุ่นเรียงรายตามแนวทางเดิน เสียงรองเท้ากระทบพื้นไม้และกลิ่นหอมของสนฮิโนกิที่ลอยมากับลมทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแบบหมู่บ้านโบราณในเมืองคานาซาวะหรือทาคายามะ ทุกมุมของหมู่บ้านถูกจัดวางอย่างปราณีตเพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงวิถีญี่ปุ่นด้วยสายตาและประสบการณ์ตรง

 

อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมมากคือ ฮิโนกิสตูดิโอ สถานที่ที่เปิดให้ผู้มาเยือนสวมชุดญี่ปุ่น ทั้งชุดกิโมโนสำหรับสตรี ชุดยูกาตะสำหรับหน้าร้อน หรือแม้แต่ชุดซามูไรสำหรับผู้ที่ต้องการสวมบทบาทแบบเต็มตัว การถ่ายภาพในสตูดิโอหรือบริเวณทางเดินภายนอกช่วยสร้างประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการเดินทางไปญี่ปุ่นจริง ๆ เพราะฉากหลังทุกจุดได้รับการออกแบบให้เนียนสมจริง

 

ฮิโนกิ คอฟฟี่ช็อป เป็นอีกหนึ่งมุมที่ไม่ควรพลาด ความพิเศษไม่ใช่แค่กาแฟหรือขนมสไตล์ญี่ปุ่น แต่เป็นกลิ่นไม้ฮิโนกิที่อบอวลอยู่ทั่วร้าน ผู้มาเยือนสามารถนั่งชมวิวสระน้ำ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสบาย ๆ ที่หาไม่ได้จากคาเฟ่ทั่วไป ความรู้สึกสงบเกิดขึ้นแทบจะทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ขัดจนเรียบเนียน

 

ฮิโนกิฟู้ดฮอลล์ ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่รวมอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ และอาหารไทย นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทานราเมน ซูชิ ข้าวแกงกะหรี่ หรืออาหารพื้นเมืองอย่างน้ำพริกอ่องและแกงฮังเล ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายในการท่องเที่ยว ที่นี่ไม่ใช่เพียงพื้นที่รับประทานอาหาร แต่เป็นพื้นที่พบปะของนักท่องเที่ยวจากหลากหลายพื้นที่ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

 

ด้วยพื้นที่กว้างกว่า 83 ไร่ ฮิโนกิแลนด์จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเดินเล่นช้า ๆ สัมผัสลมเย็น ความหอมของไม้ และความนิ่งสงบของภูมิทัศน์ นักท่องเที่ยวที่มองหาความสงบมักเลือกมาช่วงเช้าตรู่ เพราะเป็นช่วงที่หมอกยังไม่จางและแสงแดดยังอ่อน ทำให้ภาพถ่ายออกมาสวยเป็นพิเศษ ส่วนช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินชมร้านค้าและกิจกรรมต่าง ๆ ภายในโครงการ

 

การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่มายังฮิโนกิแลนด์ไม่ซับซ้อน สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่–ฝาง–ท่าตอน) เดินทางประมาณ 130–140 กิโลเมตร ใช้เวลา 2–2.5 ชั่วโมง เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางและมีป้ายบอกทางชัดเจน เมื่อเข้าสู่เขตตำบลศรีดงเย็น นักท่องเที่ยวจะพบป้ายขนาดใหญ่บอกทางเข้าสู่โครงการอย่างชัดเจน หากไม่มีรถส่วนตัวสามารถนั่งรถโดยสารประจำทางแล้วต่อสองแถวเข้าโครงการได้โดยใช้เวลาไม่นาน

 

 

ตอบ: โดยทั่วไปประมาณ 1–3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกิจกรรม เช่น ถ่ายภาพ เดินชมปราสาท หรือทานอาหารในฟู้ดฮอลล์

 

ตอบ: ช่วงเช้าตรู่และเย็น เพราะแสงนุ่มและมักมีหมอกบาง ทำให้มุมถ่ายภาพบริเวณสระน้ำและโทริอิสวยเป็นพิเศษ

 

ตอบ: มีบริการในโซนฮิโนกิสตูดิโอ ทั้งชุดกิโมโน ยูกาตะ และชุดซามูไร

 

ตอบ: ได้ สามารถลงที่อำเภอไชยปราการและต่อรถสองแถวไปยังทางเข้าโครงการได้

 

ตอบ: เหมาะมาก เพราะพื้นที่กว้าง ปลอดภัย และมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ หลายจุด