อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกา

Rating: 3.5/5 (12 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: ตลอด 24 ชั่วโมง (ลานสาธารณะกลางแจ้ง)
อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชายแดนเล็ก ๆ แห่งลุ่มน้ำกกที่หลายคนรู้จักชื่อผ่านตำนาน “พระนางมะลิกา” และเรื่องเล่าที่กลายมาเป็นที่มาของชื่ออำเภอแม่อายในปัจจุบัน อนุสาวรีย์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านชุมชนหลักของอำเภอแม่อาย เป็นลานกว้างที่ชาวบ้านใช้เป็นที่ประกอบพิธีบวงสรวงและงานประเพณีต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีการสรงน้ำเจ้าแม่มะลิกาอย่างคึกคัก
ตามตำนานท้องถิ่น พระนางมะลิกาเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าฝาง (บางสำนวนกล่าวถึงพระนามว่า พระเจ้าอุดมศิลป์) กับพระนางสามผิว เจ้าเมืองนครฝาง ผู้เลื่องลือเรื่องผิวกายงดงามราวดอกไม้สามชนิด ทั้งดอกมะลิ ดอกบัว และดอกกุหลาบ พระราชธิดาพระองค์น้อยจึงได้รับพระนามว่า “มะลิกา” ผิวพรรณผุดผ่องงดงามเช่นเดียวกับพระมารดา หากแต่มีตำหนิที่ริมพระโอษฐ์แหว่ง ทำให้พระนางทรงขาดความมั่นใจในการพบปะผู้คน แม้ความงามและพระสิริโฉมจะเลื่องลือไปไกลเพียงใดก็ตาม
เมื่อพระนางเติบใหญ่ราวชันษา 18 ปี ชื่อเสียงความงามของพระนางมะลิกาเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแว่นแคว้น มีราชบุตรจากเมืองต่าง ๆ มาสู่ขอไม่น้อย แต่พระนางกลับทรงหลีกเลี่ยง ไม่ออกพบชายใด เกรงว่าตำหนิที่พระโอษฐ์จะถูกมองเห็น พระเจ้าฝางผู้เป็นราชบิดาจึงโปรดให้สร้างเมืองใหม่ขึ้นทางตอนเหนือของเมืองฝางราว พ.ศ. 2150 ตั้งชื่อว่า “เวียงมะลิกา” ตามนามพระราชธิดา ภายในเวียงมีทั้งสวนหลวง คุ้มหลวง คูเมือง และกำแพงดินพร้อมป้อมปราการสี่ทิศ เป็นเมืองเล็กแต่มั่นคงงดงาม
จุดสำคัญที่ทำให้เวียงมะลิกาแตกต่างจากเมืองอื่น คือ ภายในเวียงไม่มีบุรุษเพศเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนเป็นสตรีทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวรูปร่างกำยำแข็งแรงที่พระนางมะลิกาฝึกฝนให้เป็นนักรบ โดยเฉพาะการยิงธนู จนเวียงมะลิกามีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องพลธนูที่แม่นยำดั่งจับวาง ชื่อของเวียงมะลิกาและพระนางมะลิกาจึงถูกกล่าวขานไปไกลทั้งในแผ่นดินล้านนาและแคว้นใกล้เคียง
ตำนานเล่าต่อไปว่า ข่าวคราวความงามและความเก่งกล้าทางการรบของพระนางมะลิกาได้ล่วงรู้ไปถึงราชบุตรแห่งเวียงภูก่ำ แคว้นไทใหญ่ พระองค์ทรงใคร่จะพบพระนางเป็นอย่างยิ่ง จึงยอมเสด็จออกจากเมืองในคราบพ่อค้า เดินทางมายังเวียงมะลิกาเพื่อนำอัญมณีล้ำค่าเข้าถวายเพื่อขอพระราชทานพบปะ แต่เมื่อข่าวการมาของพ่อค้าแปลกหน้าล่วงถึงพระกรรณ พระนางมะลิกากลับทรงรู้สึกเขินอาย ไม่ทรงกล้าให้เข้าเฝ้า ด้วยยังไม่ทรงอยากให้ชายใดได้เห็นตำหนิที่พระพักตร์
ในวันที่ราชบุตรจำแลงองค์เป็นพ่อค้าขึ้นเฝ้า พระนางจึงเสด็จหลีกไปสรงน้ำที่ลำห้วยนอกเวียง ปล่อยให้พี่เลี้ยงหญิงเป็นผู้ต้อนรับแทน เมื่อพ่อค้ากล่าวคำขอเข้าเฝ้า พี่เลี้ยงจึงตอบไปตามตรงว่าพระนางไม่ทรงปรารถนาให้ชายใดได้พบ พระองค์จึงมิอาจเข้าเฝ้าได้ ราชบุตรไทใหญ่จึงต้องถอยกลับเวียงภูก่ำด้วยความโศกเศร้า ขณะเดียวกัน พระนางมะลิกาซึ่งกำลังสรงน้ำอยู่ในลำห้วยก็ทรงเกิดความละอายพระทัยและเวทนาต่อชะตากรรมของตนเอง ชาวบ้านจึงเรียกลำห้วยนั้นว่า “แม่น้ำอาย” หรือ “แม่อาย” ซึ่งกลายมาเป็นชื่ออำเภอแม่อายในเวลาต่อมา
ในอีกสันนิษฐานหนึ่งเล่าว่า ราชบุตรได้มีโอกาสเห็นพระพักตร์ของพระนางมะลิกาอย่างใกล้ชิด และเมื่อเห็นตำหนิที่ริมพระโอษฐ์ก็เกิดอาการตกใจ ผงะถอยหนี ทำให้พระนางเสียพระทัยอย่างยิ่ง จากนั้นทรงปิดพระองค์ ไม่ออกพบปะผู้คน อาศัยอยู่แต่ภายในเวียง จนผู้คนเรียกเล่ากันมาว่า “แม่อาย” ในความหมายของผู้เป็นแม่ที่ต้องเผชิญความอับอายและความทุกข์ใจจากรูปลักษณ์ของตนเอง ชื่อ “แม่อาย” จึงติดปากและถูกนำมาตั้งเป็นชื่ออำเภอในยุคต่อมา
แม้ตำนานจะผสมผสานกลิ่นอายโรแมนติกและโศกนาฏกรรม แต่ในหน้าประวัติศาสตร์ พระนางมะลิกาปรากฏในฐานะวีรสตรีคนสำคัญของเมืองฝางและเวียงมะลิกา วีรกรรมอันเป็นที่เล่าขานเกิดขึ้นราว พ.ศ. 2172 เมื่อกองทัพพม่ายกทัพเข้าตีเมืองฝาง พระนางมะลิกายกไพร่พลสตรีผู้กล้าจากเวียงมะลิกาเข้าสมทบ ช่วยพระราชบิดาต้านทานข้าศึกยืดเยื้อนานถึงสามปี แม้กำลังคนจะน้อยกว่า แต่ด้วยความกล้าหาญและความสามัคคีของเหล่านักรบหญิง ทำให้เมืองยืนหยัดต้านทานได้อย่างน่าอัศจรรย์
ท้ายที่สุด เมื่อกำลังพลอ่อนล้า เมืองฝางก็ไม่อาจยืนหยัดต่อแรงกดดันของกองทัพพม่า พระเจ้าฝางและพระชายาสิ้นพระชนม์ลง ส่วนพระนางมะลิกาจึงถอนกำลังกลับเวียงมะลิกา นำผู้คนที่เหลือรอดมาฟื้นฟูเมืองใหม่ ทรงครองเวียงต่อเนื่องอีกราว 40 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2190 จึงเสด็จสวรรคต รวมพระชนมายุได้ประมาณ 58 พรรษา เมืองเวียงมะลิกาจึงค่อย ๆ ถูกกาลเวลากลบเลือนไป เหลือเพียงคูเมือง กำแพงดิน และตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา
เมื่อกาลเวลาผ่านสู่ยุคใหม่ ชาวอำเภอแม่อายยังคงระลึกถึงพระคุณและความกล้าหาญของพระนางมะลิกา ซึ่งพวกเขายกย่องกันในนาม “เจ้าแม่มะลิกา” เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและสำนึกในพระคุณ จึงได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาขึ้นบริเวณศาลหลักเมืองแม่อาย และบริเวณพื้นที่ซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของเวียงมะลิกาโบราณ อนุสาวรีย์เป็นพระรูปสีน้ำตาลเข้มยืนเด่น พระหัตถ์ซ้ายถือธนู พระหัตถ์ขวาถือดาบ สื่อถึงทั้งความงดงามและความเป็นนักรบในองค์เดียวกัน
ลานอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาในปัจจุบันเป็นทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่กิจกรรมชุมชน ชาวแม่อายมักมาสักการะ ขอพร ก่อนออกเดินทาง หรือก่อนเริ่มต้นทำการสำคัญในชีวิต ผู้คนเชื่อว่าการมากราบไหว้เจ้าแม่มะลิกาจะช่วยให้ได้รับความคุ้มครอง ปกป้องจากภัยอันตราย เสริมให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข โดยเฉพาะหญิงสาวและแม่บ้านมักมาขอพรเรื่องความเข้มแข็ง การปกป้องครอบครัว และความรักที่เป็นสุข
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี จะมีงานประเพณีบวงสรวงและพิธีสรงน้ำเจ้าแม่มะลิกาอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านจะแต่งกายพื้นเมือง นำเครื่องสักการะ ทั้งดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องบายศรีมาถวาย มีการตั้งขบวนแห่จากจุดต่าง ๆ ในอำเภอมุ่งหน้าสู่ลานอนุสาวรีย์ เสียงกลอง เสียงปี่ และเสียงเพลงพื้นบ้านช่วยเติมสีสันให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความศรัทธาและความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเอง
หากออกเดินทางจากอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาไปยังพื้นที่โดยรอบ นักท่องเที่ยวจะยังได้พบกับร่องรอยของเวียงมะลิกาโบราณในหมู่ 8 ตำบลแม่อาย ทั้งคูเมืองที่ยังเห็นร่องรอยเด่นชัด และซากกำแพงดินเก่า ๆ ที่ชาวบ้านถือเป็นเขตโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังสามารถต่อเส้นทางไปยังวัดท่าตอน ล่องแพตามลำน้ำกก หรือแช่น้ำแร่ที่น้ำพุร้อนเมืองงามได้ในระยะทางไม่ไกลมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยากจัดทริปเล็ก ๆ ที่ผสมผสานระหว่างตำนานประวัติศาสตร์ ศรัทธาท้องถิ่น และธรรมชาติของภาคเหนือ
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่–ฝาง) ผ่านแม่ริม แม่แตง เชียงดาว มุ่งหน้าไปยังอำเภอฝาง จากนั้นใช้ทางหลวงสายฝาง–ท่าตอน (ถนนหมายเลข 1089) ต่อไปยังอำเภอแม่อาย รวมระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงแม่อายประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง เมื่อถึงย่านตัวอำเภอแม่อาย สามารถสอบถามเส้นทางไปยังศาลหลักเมืองและอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาจากชาวบ้าน หรือตามป้ายแนะนำท้องถิ่นได้ไม่ยาก การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือรถยนต์ส่วนตัวหรือรถเช่า หากใช้รถโดยสารประจำทางสามารถนั่งรถสายเชียงใหม่–ท่าตอน ลงที่อำเภอแม่อาย แล้วเหมามอเตอร์ไซค์หรือรถสองแถวเล็กต่อเข้าไปยังจุดหมาย
| ชื่อสถานที่ | อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกา และเขตโบราณสถานเวียงมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ |
| ที่ตั้ง | บริเวณศาลหลักเมืองแม่อาย และพื้นที่โดยรอบในเขตตัวอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้เส้นทางสายฝาง–ท่าตอน และไม่ไกลจากเมืองโบราณเวียงมะลิกา หมู่ 8 ตำบลแม่อาย |
| ลักษณะเด่น | อนุสาวรีย์สีบรอนซ์–สีน้ำตาลเข้ม เป็นพระรูปเจ้าแม่มะลิกาในท่าทรงยืน พระหัตถ์ซ้ายถือธนู พระหัตถ์ขวาถือดาบ ตั้งอยู่บนฐานสูงสง่า เป็นจุดศูนย์รวมศรัทธาและใช้จัดพิธีบวงสรวงสรงน้ำทุกปี ล้อมรอบด้วยบรรยากาศชุมชนเมืองเล็ก ๆ ของอำเภอแม่อาย |
| ยุคสมัย / ความเป็นมา | อ้างอิงตำนานเวียงมะลิกาซึ่งสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2150 และมีอายุราว 40–41 ปี ในช่วงที่พระนางมะลิกาครองเมือง ก่อนที่บ้านเมืองจะเปลี่ยนผันเข้าสู่ยุคสงครามกับพม่าในสมัยอยุธยาตอนกลาง ภายหลังชุมชนแม่อายได้สร้างอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและคุณงามความดีของพระนางอย่างเป็นรูปธรรม |
| หลักฐานสำคัญ / สิ่งที่น่าสังเกต | ร่องรอยคูเมืองและกำแพงดินของเวียงมะลิกาในหมู่ 8 ตำบลแม่อาย ที่ชาวบ้านถือเป็นโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงพื้นที่ภายในโรงเรียนแม่อายวิทยาคมซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของเวียงเก่า นอกจากนี้ยังมีคำขวัญอำเภอที่ระบุถึง “เมืองเจ้าแม่มะลิกา” ยืนยันบทบาทของพระนางในฐานะสัญลักษณ์ประจำถิ่น |
| ที่มาของชื่อ “แม่อาย” | มาจากตำนานที่เล่าว่า พระนางมะลิกาทรงหลบไปสรงน้ำที่ลำห้วยเพราะความอาย ไม่กล้าให้ราชบุตรจากเวียงภูก่ำเข้าเฝ้า ชาวบ้านจึงเรียกลำห้วยนั้นว่า “แม่น้ำอาย” และเพี้ยนมาเป็น “แม่อาย” อีกสันนิษฐานหนึ่งเล่าถึงความอับอายในใจพระนางเมื่อถูกชายหนุ่มตระหนกต่อรูปลักษณ์ของพระนาง กลายเป็นชื่อเมืองที่ผูกกับอารมณ์อายและเศร้าในตำนาน |
| การเดินทาง | จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ถนนสายเชียงใหม่–ฝาง (ทางหลวงหมายเลข 107) จากนั้นต่อทางหลวงสายฝาง–ท่าตอน (1089) เข้าสู่อำเภอแม่อาย ระยะทางรวมประมาณ 170 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากที่ว่าการอำเภอแม่อาย ขับตามป้ายท้องถิ่นหรือสอบถามชาวบ้านไปยังศาลหลักเมืองและอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาได้สะดวก เหมาะกับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวหรือรถเช่า หากใช้รถโดยสารให้ลงที่ตัวอำเภอแล้วเหมารถสองแถวหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อเข้าไป |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมระยะทาง (โดยประมาณ) | - เมืองโบราณเวียงมะลิกา หมู่ 8 ตำบลแม่อาย (คูเมือง–กำแพงดิน) ระยะทางประมาณ 2–3 กม. - วัดท่าตอน และจุดชมวิวแม่น้ำกก ตำบลท่าตอน ระยะทางประมาณ 15–20 กม. - ล่องแพตามลำน้ำกก จากท่าตอนสู่ปลายน้ำ ระยะทางประมาณ 15–20 กม. จากตัวอำเภอแม่อาย - น้ำพุร้อนเมืองงาม (อำเภอฝาง) ระยะทางประมาณ 25–30 กม. จากแม่อาย - จุดชมวิวไร่ชา–ภูเขาในเส้นทางแม่อาย–ท่าตอน และแม่อาย–แม่สาว ในรัศมีประมาณ 10–25 กม. |
| ร้านอาหารแนะนำใกล้เคียง (ระยะทาง & เบอร์โทร) | - ต้นไม้รักคาเฟ่ (De'lovetreecafe) คาเฟ่และอาหารจานเดียว ริมถนนท่าตอน–ฝาง ตำบลมะลิกา ระยะทางประมาณ 8–10 กม. โทร. 061-419-5835 - Boss Sa Cafe คาเฟ่และอาหารตามสั่ง ใกล้ปั๊ม ปตท.แม่อาย ระยะทางประมาณ 2–3 กม. โทร. 095-675-4545 - Fulfill Coffee Roasters คาเฟ่สไตล์มินิมอลในตัวอำเภอแม่อาย ระยะทางประมาณ 1–2 กม. โทร. 091-688-8462 - ร้านอาหารท้องถิ่นและก๋วยเตี๋ยว–อาหารตามสั่งรอบตลาดอำเภอแม่อาย (สามารถเลือกจากร้านที่เปิดให้บริการตามช่วงเวลาเดินทาง) |
| ที่พักแนะนำใกล้เคียง (ระยะทาง & เบอร์โทร) | - สรัญญา ริเวอร์เฮ้าส์ (Saranya River House) ที่พักริมแม่น้ำกก ตำบลท่าตอน ระยะทางประมาณ 15–20 กม. โทร. 089-851-7072, 053-053-672 - ไม้หอม รีสอร์ท อำเภอแม่อาย ระยะทางประมาณ 5–8 กม. จากตัวอำเภอ โทร. 088-260-5811 - อารียา พูรี รีสอร์ท (Areeya Phuree Resort) โซนท่าตอน ระยะทางประมาณ 15–20 กม. (แนะนำตรวจสอบข้อมูลล่าสุดและเบอร์โทรจากแพลตฟอร์มจองที่พักก่อนเดินทาง) - รีสอร์ทและโฮมสเตย์ขนาดเล็กอื่น ๆ รอบอำเภอแม่อายและท่าตอน สามารถเลือกตามงบประมาณและรีวิวล่าสุด |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | ลานโล่งสำหรับจอดรถบริเวณใกล้อนุสาวรีย์ ทางเดินรอบลานอนุสาวรีย์ พื้นที่สำหรับจัดพิธีบวงสรวงและกิจกรรมชุมชน สามารถใช้ห้องน้ำและร้านค้าในย่านตลาดหรือสถานศึกษา–หน่วยงานราชการใกล้เคียงได้ตามความเหมาะสม |
| ค่าธรรมเนียมเข้า | ไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชม เป็นลานสาธารณะกลางแจ้ง แนะนำร่วมทำบุญหรือร่วมกิจกรรมชุมชนตามโอกาสและความศรัทธา |
| ติดต่อ | ที่ว่าการอำเภอแม่อาย ถนนฝาง–ท่าตอน ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-870-994, 053-459-612 (สอบถามข้อมูลพื้นที่และงานประเพณีประจำปี) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาตั้งอยู่ตรงไหนของอำเภอแม่อาย?
ตอบ: อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาตั้งอยู่บริเวณศาลหลักเมืองและเขตตัวอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้ถนนสายฝาง–ท่าตอน สามารถเดินทางต่อจากตัวตลาดอำเภอแม่อายได้สะดวก และอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่เมืองโบราณเวียงมะลิกาในหมู่ 8 ตำบลแม่อาย
ถาม: ตำนานพระนางมะลิกาเกี่ยวข้องกับชื่ออำเภอ “แม่อาย” อย่างไร?
ตอบ: ตำนานเล่าว่า พระนางมะลิกาทรงหลบไปสรงน้ำในลำห้วยเพราะความอาย ไม่ทรงกล้าเผชิญหน้าราชบุตรจากเวียงภูก่ำ ชาวบ้านจึงเรียกลำห้วยนั้นว่า “แม่น้ำอาย” หรือ “แม่อาย” ต่อมาถูกใช้เป็นชื่อเมืองและชื่ออำเภอในปัจจุบัน และเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของพระนางในฐานะทั้งหญิงผู้ละอายและวีรสตรีที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง
ถาม: สามารถไปสักการะอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาได้ช่วงเวลาใดของปี?
ตอบ: สามารถเดินทางไปสักการะได้ตลอดทั้งปี แต่หากต้องการสัมผัสบรรยากาศงานประเพณี แนะนำช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีพิธีบวงสรวงและสรงน้ำเจ้าแม่มะลิกาอย่างเป็นทางการ รวมถึงมีขบวนแห่และกิจกรรมชุมชนหลากหลายรูปแบบ
ถาม: บริเวณอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกามีที่จอดรถและห้องน้ำหรือไม่?
ตอบ: โดยรอบอนุสาวรีย์จะมีลานโล่งที่สามารถจอดรถได้ในระดับหนึ่ง ส่วนห้องน้ำสามารถใช้บริการจากหน่วยงานราชการ ร้านค้า หรือวัดและโรงเรียนในย่านตัวอำเภอแม่อายที่อยู่ไม่ไกลกัน แนะนำสอบถามชาวบ้านหรือป้ายบอกทางในพื้นที่เพื่อความสะดวก
ถาม: หากไม่มีรถส่วนตัวจะเดินทางไปอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาได้อย่างไร?
ตอบ: สามารถนั่งรถโดยสารสายเชียงใหม่–ฝาง หรือเชียงใหม่–ท่าตอน แล้วลงที่อำเภอแม่อาย จากนั้นเหมารถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือแท็กซี่ท้องถิ่นต่อไปยังศาลหลักเมืองและอนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกา โดยควรตกลงค่าโดยสารและเวลาให้ชัดเจนก่อนออกเดินทาง
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: