บ้านศิลาดล

Rating: 3.3/5 (10 votes)

วันเปิดทำการ: เปิดทุกวัน (จันทร์–อาทิตย์)

เวลาเปิดทำการ: 08.00–17.00 น.

 

บ้านศิลาดล เชียงใหม่ศิลาดล ดอยสะเก็ด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถ้าใครหลงใหลงานหัตถกรรม เครื่องปั้นดินเผา และศิลปวัฒนธรรมแบบล้านนา ก็มักจะมีชื่อที่นี่อยู่ในลิสต์เสมอ บรรยากาศของที่นี่ไม่ใช่โรงงานใหญ่แข็งทื่อ แต่เป็นเหมือนหมู่บ้านหัตถกรรมขนาดกะทัดรัด แทรกตัวอยู่ท่ามกลางชุมชนและธรรมชาติของอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเนื้อดิน สีเคลือบเขียวหยกร้าวแตกลายงา และลวดลายที่หยิบเอาเรื่องราวของประเพณีไทยและวิถีล้านนามาเล่าใหม่บนชิ้นงาน แต่ละใบ แต่ละชิ้น จึงไม่ใช่แค่ของใช้หรือของฝาก แต่เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของมรดกล้านนาที่ถือกลับบ้านได้

 

จุดเริ่มต้นของบ้านศิลาดลและธุรกิจเซลาดอนเฮ้าส์ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2532 เมื่อ นางสาวกานดา กาญจนากร และนางสาวทัศนีย์ ยะจา ตัดสินใจเริ่มกิจการหัตถกรรมเล็ก ๆ จากในครัวเรือน ณ หมู่ที่ 6 ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ที่ยังคงบรรยากาศชนบทและวิถีชีวิตเรียบง่าย การเริ่มต้นในวันนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ ไม่มีเครื่องจักรสมัยใหม่ ไม่มีสายพานการผลิต แต่มีเพียงความรักในงานดิน ความเชื่อในคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่น และความอดทนที่จะค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ

 

ในระยะแรกเซลาดอนเฮ้าส์เป็นเพียงกิจการแบบหัตถกรรมในครัวเรือนเล็ก ๆ ชิ้นงานถูกสร้างจากมือทีละชิ้น มีทีมงานฝ่ายผลิตนำโดยนายประจวบ สุริยะป้อที่ลงมือควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิด ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมดิน ขึ้นรูป ตาก ลูบแต่งผิว ไปจนถึงการตกแต่งลวดลายและเคลือบสี ล้วนทำด้วยความพิถีพิถัน เจ้าของกิจการและทีมงานใช้เวลาศึกษาหาความรู้จากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญหลายรุ่น รวมทั้งอาจารย์ด้านเซรามิกและช่างดั้งเดิมในพื้นที่ เรียนรู้ทั้งเทคนิคโบราณและเทคนิคสมัยใหม่ นำมาผสมกันจนค่อย ๆ ตกผลึกเป็น “ภาษาศิลาดล” ในแบบของตัวเอง

 

ความพิเศษของศิลาดลเชียงใหม่อยู่ที่เนื้อดินและเคลือบสีเขียวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดินที่ใช้มักเป็นดินดำหรือดินผสมดินดำจากพื้นที่เชียงใหม่ ผสมผสานกับเคลือบขี้เถ้าธรรมชาติ เมื่อผ่านการเผาในอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้วจะได้สีเขียวหยกนุ่มนวล มีลายร้าวแตกลายงาที่งดงาม เป็นเสน่ห์ที่ทำให้แต่ละชิ้นมีบุคลิกของตัวเอง ไม่ซ้ำกันเลยสักชิ้นหนึ่ง สิ่งที่บ้านศิลาดลเพิ่มเข้าไปมากกว่ามาตรฐานทั่วไป คือการใช้ลายเส้นและลวดลายวาดมือที่หยิบเอา “ประเพณี วิถี และวัฒนธรรมไทย” มาตีความใหม่ให้ร่วมสมัยแต่ยังคงรากเหง้าชัดเจน

 

ลวดลายจำนวนมากบนเครื่องเคลือบศิลาดลของที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจจากงานศิลปกรรมไทยและล้านนา ไม่ว่าจะเป็นลายเครือเถา ลายดอกไม้ ลายกนก ลายรูปสัตว์ในตำนาน หรือลายที่ถอดแบบจากลายไม้แกะตามวิหารล้านนาเก่าแก่ งานทุกชิ้นไม่ได้พิมพ์จากลายสกรีน แต่ใช้การวาด เขียน ขูด และฝังลายด้วยมือ ทำให้ทุกใบมีลายมือของช่างซ่อนอยู่ เหมือนงานศิลปะที่ถือไปใช้ได้จริงบนโต๊ะอาหารหรือในมุมตกแต่งบ้าน

 

อีกมิติหนึ่งที่ทำให้บ้านศิลาดลมีความหมายมากกว่าคำว่าธุรกิจ คือการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา แต่มีใจรักศิลปะและงานฝีมือเข้ามาฝึกอาชีพ เจ้าของกิจการค่อย ๆ รับเด็กเหล่านี้เข้ามาในทีม สอนตั้งแต่พื้นฐานง่าย ๆ อย่างการนวดดิน การขึ้นรูปง่าย ๆ การขัดแต่ง ไปจนถึงการทำงานที่ซับซ้อน เช่น การแกะสลักลายและการลงเคลือบ เด็กหลายคนที่เริ่มจากไม่มีทักษะเลย ค่อย ๆ เติบโตเป็นช่างฝีมือ มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และสามารถต่อยอดชีวิตของตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ

 

การดึงคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตเช่นนี้ ทำให้บ้านศิลาดลเป็นเหมือนศูนย์กลางเล็ก ๆ ที่ช่วยกระจายรายได้สู่คนในพื้นที่ ดอยสะเก็ดซึ่งเดิมทีเป็นพื้นที่เกษตรและชุมชนชนบท ก็ได้มีอีกหนึ่งช่องทางสร้างอาชีพจากงานหัตถกรรมแบบดั้งเดิม ภูมิปัญญาที่อาจเคยถูกมองว่าเป็น “ของเก่า” กลับกลายเป็นสินค้าร่วมสมัยที่จับต้องได้ และสามารถแข่งขันในตลาดงานคราฟต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

เมื่อเวลาผ่านไปจากกิจการเล็ก ๆ ภายในครัวเรือน บ้านศิลาดลและเซลาดอนเฮ้าส์ค่อย ๆ เติบโตเป็นศูนย์หัตถกรรมเครื่องเคลือบศิลาดลเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตและจำหน่าย รวมทั้งเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศบ้านไม้แบบล้านนา โรงงานผลิตที่ยังคงเสน่ห์แบบดั้งเดิม และโชว์รูมจัดแสดงเครื่องเคลือบที่วางเรียงอย่างประณีต บนพื้นที่ที่ออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชนโดยรอบ

 

สิ่งที่ทำให้ผู้มาเยือนประทับใจไม่ใช่เพียงความงามของชิ้นงาน แต่รวมถึง “บรรยากาศ” และ “จังหวะชีวิต” ของสถานที่ เสียงแปรงที่ลากไปตามเนื้อเคลือบ เสียงดินกระทบแป้นหมุน เสียงพูดคุยกันเบา ๆ ของช่างฝีมือในโรงงาน ล้วนประกอบกันเป็นฉากหลังที่ทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกว่าได้ย้อนกลับไปสู่ยุคที่งานฝีมือยังถูกให้คุณค่าในฐานะสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่สินค้าในสายพานการผลิตจำนวนมาก

 

ภายในพื้นที่ของบ้านศิลาดล นอกจากโรงงานผลิตและเตาเผาแล้ว ยังมีส่วนจัดแสดงคล้ายพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่รวบรวมผลงานชิ้นพิเศษและผลงานต้นแบบบางส่วนเอาไว้ ทั้งชิ้นงานที่แสดงพัฒนาการของลวดลาย เทคนิคการเคลือบ และชิ้นงานทดลองที่อาจไม่สมบูรณ์แบบในเชิงการขาย แต่มีคุณค่าอย่างมากในเชิงการเรียนรู้ นักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องประวัติของศิลาดลเชียงใหม่สามารถใช้เวลากับโซนนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน

 

สำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์มากกว่าการเดินชมและเลือกซื้อของ ที่นี่มักจัดเวิร์กช็อปหรือกิจกรรมให้ทดลองทำงานดินและงานศิลาดลด้วยตัวเอง ทั้งการขึ้นรูปแบบง่าย การเพ้นท์ลายลงบนชิ้นงาน หรือการสาธิตขั้นตอนการเผาและลงเคลือบในระดับที่เหมาะกับนักท่องเที่ยว กิจกรรมเหล่านี้ทำให้หลายคนได้เห็นว่ากว่าชิ้นหนึ่งจะออกมาสวยงาม ต้องผ่านเวลาและความอดทนมากแค่ไหน และช่วยเพิ่มคุณค่าในใจของคนที่ซื้อชิ้นงานกลับบ้านไป

 

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ บ้านศิลาดลมีสินค้าให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เช่น จาน ชาม ถ้วยกาแฟ ถ้วยชา ชุดน้ำชา ชุดแก้วน้ำ ไปจนถึงของตกแต่งบ้านอย่างโคมไฟ แจกัน เชิงเทียน ของตั้งโชว์ และงานประติมากรรมขนาดเล็ก บางชิ้นเน้นความเรียบง่ายของรูปทรงและสีเคลือบ บางชิ้นเน้นลวดลายพืชพรรณ ลายไทย หรือบรรยากาศประเพณีภาคเหนือ เช่น ขบวนแห่ ยี่เป็ง หรือลวดลายช้าง ม้า และนกในแบบล้านนา

 

ราคาของชิ้นงานมีตั้งแต่ระดับที่จับต้องได้สำหรับของฝาก ไปจนถึงชิ้นงานสะสมที่ใช้เทคนิคซับซ้อนและใช้เวลาทำนานเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณของตนเอง หลายคนที่เคยมาแล้วมักกลับมาซ้ำเพื่อเก็บชิ้นงานลายใหม่ ๆ หรือซื้อเป็นของขวัญให้คนสำคัญในโอกาสต่าง ๆ เพราะรู้สึกว่าการมอบงานศิลาดลให้ใครสักคน เป็นเหมือนการให้ทั้งของใช้ ของแต่งบ้าน และชิ้นส่วนหนึ่งของเรื่องราวล้านนาไปพร้อมกัน

 

จุดเด่นอีกอย่างของบ้านศิลาดล คือการผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมกับการออกแบบสมัยใหม่ บางคอลเล็กชันหยิบเอารูปทรงมินิมัลมาจับคู่กับเคลือบศิลาดลแบบดั้งเดิม ทำให้กลายเป็นงานตกแต่งบ้านที่เข้ากับสไตล์โมเดิร์น แต่ยังมีกลิ่นอายไทย ๆ แฝงอยู่ บางชุดใช้ลายเส้นที่เรียบง่ายแต่มีความหมาย เช่น ลายคลื่นน้ำ ลายเมฆ หรือลายดอกไม้ท้องถิ่น ทำให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากสะสมงานคราฟต์ไทยแต่ไม่ต้องการความหวือหวาเกินไป

 

ในมุมของคนท้องถิ่น บ้านศิลาดลไม่ใช่แค่ “โรงงานเครื่องปั้น” แต่เป็นพื้นที่ของชุมชนที่ใช้จัดกิจกรรมร่วมกันในหลายโอกาส ตั้งแต่งานต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม งานทัศนศึกษาเชิงเรียนรู้ของโรงเรียนในพื้นที่ ไปจนถึงกิจกรรมเวิร์กช็อปศิลปะสำหรับเด็ก ๆ ในวันหยุด การที่สถานที่แห่งหนึ่งสามารถเชื่อมบทบาททั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการศึกษาเข้าด้วยกัน ทำให้ที่นี่กลายเป็นส่วนสำคัญของภูมิทัศน์วัฒนธรรมในดอยสะเก็ด

 

ในแง่ของนักเดินทางที่มาเที่ยวเชียงใหม่ บ้านศิลาดลถือเป็นจุดแวะสำคัญบนเส้นทางสายเชียงใหม่–ดอยสะเก็ด เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในอำเภอดอยสะเก็ด เช่น วัดพระธาตุดอยสะเก็ด สวนพฤกษศาสตร์ทวีชล (Tweechol Botanical Garden) หรืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวง นักท่องเที่ยวสามารถจัดทริปแบบครึ่งวันหรือหนึ่งวัน โดยเริ่มจากการไหว้พระ ชมวิว แล้วแวะมาชมงานศิลาดล ชิมอาหารและขนมพื้นบ้าน ก่อนกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ได้อย่างลงตัว

 

สำหรับสายของกิน ที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะในบริเวณบ้านศิลาดลเองมีทั้งมุมกาแฟ มุมของหวาน และเมนูแบบบ้าน ๆ ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น หนึ่งในของขึ้นชื่อที่หลายคนพูดถึงคือ “ข้าวต้มมัดไฮโซล้านนา” และเมนูชุดอาหารกลางวันหรือ Weekend Set ที่จัดให้แขกได้อิ่มท้องพร้อมบรรยากาศร่มรื่นกลางสวน เครื่องปั้นศิลาดลไม่ได้เป็นแค่ของที่วางอยู่บนชั้น แต่ถูกนำมาใช้จริงบนโต๊ะอาหาร ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างงานคราฟต์กับชีวิตประจำวันได้ชัดเจน

 

คนที่ชอบถ่ายรูปก็จะหลงรักบรรยากาศของบ้านศิลาดลไม่แพ้กัน ตั้งแต่บ้านไม้สไตล์ล้านนา เตาเผาแบบดั้งเดิม มุมโชว์รูมที่จัดแสงเงาอย่างอบอุ่น ไปจนถึงสวนและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบบริเวณ ไม่ว่าจะยืนถ่ายกับชั้นวางศิลาดลเรียงราย ภาพสะท้อนของชิ้นงานในกระจก หรือแสงแดดที่ตกกระทบลายแตกของเคลือบสีเขียว ก็ล้วนเป็นมุมที่ดึงดูดให้กดชัตเตอร์แทบไม่หยุด

 

การเดินทาง การเดินทางมายังบ้านศิลาดลค่อนข้างสะดวกจากตัวเมืองเชียงใหม่ โดยส่วนใหญ่จะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 118 มุ่งหน้าอำเภอดอยสะเก็ด ระยะทางจากตัวเมืองประมาณ 18–20 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถราว 30 นาที เมื่อออกจากตัวเมืองมาได้สักพักให้สังเกตป้ายมุ่งหน้า “ดอยสะเก็ด” จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายดอยสะเก็ด–บ่อสร้างบริเวณกิโลเมตรที่ 3 จะพบป้ายทางเข้าศูนย์หัตถกรรมและโชว์รูมอย่างชัดเจน หากไม่มีรถส่วนตัวสามารถเหมารถสองแถวสีเหลืองหรือแท็กซี่จากในเมืองเชียงใหม่ให้ไปส่งถึงหน้าศูนย์ได้เช่นกัน และสำหรับนักเดินทางที่พักในย่านถนนวงแหวนรอบนอก การขับรถออกมาทางดอยสะเก็ดจะยิ่งใช้เวลาไม่นาน

 

เมื่อมาถึงบ้านศิลาดลแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาอย่างน้อย 1–2 ชั่วโมงในการเดินชมโรงงาน พิพิธภัณฑ์ และโชว์รูม ถ้าเข้าร่วมเวิร์กช็อปลองเพ้นท์หรือปั้นดินด้วยตัวเอง เวลาที่ใช้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกตามกิจกรรมที่เลือก หลายคนเลือกใช้ช่วงสายถึงบ่ายต้น ๆ แวะมาที่นี่แล้วจบด้วยการนั่งจิบกาแฟ ชิมขนม หรือเลือกซื้อของฝากสักชิ้นสองชิ้นกลับบ้าน ถือเป็นช่วงเวลาที่เชื่องช้าแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าจดจำ

 

ในภาพใหญ่แล้ว บ้านศิลาดลและเชียงใหม่ศิลาดลดอยสะเก็ดคือภาพสะท้อนว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยสามารถก้าวเดินไปพร้อมโลกสมัยใหม่ได้อย่างสง่างาม เมื่อมีคนรุ่นใหม่ที่กล้าหยิบเอาวิชาเก่าของบรรพบุรุษมาปัดฝุ่น ปรับดีไซน์ให้ร่วมสมัย และทำให้คนไทยและชาวต่างชาติรู้สึกว่าอยากใช้ อยากสะสม และอยากพาเพื่อนมาดูด้วยตา การมาเยือนที่นี่จึงไม่ใช่แค่การแวะซื้อของฝาก แต่เป็นการสนับสนุนให้ภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมยังคงมีลมหายใจต่อไป

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยวในเชียงใหม่ที่มีทั้งศิลปะ วัฒนธรรม การเรียนรู้ ของกิน และของฝาก อยู่ในที่เดียวกัน สดชื่นกว่าการเดินห้างสรรพสินค้า และให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเข้าไปเยี่ยมบ้านของใครสักคน บ้านศิลาดล เชียงใหม่ศิลาดล ดอยสะเก็ด คือจุดหมายที่ควรลองใส่ไว้ในแผนการเดินทางอย่างยิ่ง

 

 

ตอบ: โดยทั่วไปการเข้าชมบรรยากาศโรงงาน พื้นที่สาธิต และโชว์รูมของบ้านศิลาดลไม่มีค่าใช้จ่าย นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม เลือกซื้อของฝาก หรือใช้บริการมุมคาเฟ่ได้ฟรี แต่กิจกรรมพิเศษ เช่น เวิร์กช็อปปั้นหรือเพ้นท์ศิลาดล รวมถึงเซตอาหารบางประเภท จะมีค่าใช้จ่ายตามแพ็กเกจที่กำหนด แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับทางศูนย์ก่อนเดินทาง

 

ตอบ: หากตั้งใจมาเดินชมโรงงาน โชว์รูม และพิพิธภัณฑ์ย่อม ๆ ภายในพื้นที่ โดยไม่เข้าร่วมเวิร์กช็อป เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมงถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าวางแผนจะร่วมกิจกรรมปั้นหรือเพ้นท์ศิลาดล นั่งทานอาหารหรือขนม และถ่ายรูปเล่นทั่วบริเวณ เวลาอาจขยายเป็น 3–4 ชั่วโมงหรือครึ่งวันได้อย่างสบาย ๆ

 

ตอบ: ผลิตภัณฑ์ศิลาดลส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้จริง เช่น จาน ชาม ชุดน้ำชา แก้วน้ำ และของใช้บนโต๊ะอาหารอื่น ๆ เนื้อดินและเคลือบผ่านการเผาอุณหภูมิสูงจึงมีความทนทาน และใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการกระแทกอย่างรุนแรงหรือเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิรวดเร็วเกินไป เพื่อยืดอายุการใช้งาน และดูแลลายแตกลายงาให้ดูสวยงามไปนาน ๆ

 

ตอบ: เหมาะอย่างยิ่ง เพราะเด็กจะได้เห็นกระบวนการผลิตเครื่องปั้นดินเผาจริง ๆ ตั้งแต่ดินก้อนหนึ่งไปจนเป็นถ้วย ชาม หรือชิ้นงานสวยงาม มีทั้งส่วนสาธิตให้ชม และบางช่วงอาจมีกิจกรรมให้เด็กทดลองเพ้นท์หรือลองจับงานดินอย่างง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองควรดูแลใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณเตาเผา ชั้นวางของเปราะบาง หรือบริเวณที่มีชิ้นงานราคาแพงจัดแสดงอยู่

 

ตอบ: หากไม่มีรถส่วนตัว สามารถเหมารถสองแถวสีเหลือง แท็กซี่ หรือบริการรถเช่าเหมาแบบรายวันจากตัวเมืองเชียงใหม่ให้มาส่งที่บ้านศิลาดลได้ โดยมักคิดราคาเป็นเที่ยวหรือเป็นวัน ขึ้นอยู่กับการต่อรอง หากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแนะนำให้จัดรถเหมาเพื่อแวะเที่ยวหลายจุดในอำเภอดอยสะเก็ดในทริปเดียวกัน จะคุ้มค่ากว่าการเดินทางทีละต่อ

 

ตอบ: ของฝากที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ชุดถ้วยชา–กาแฟศิลาดลจานรอง ชุดชามข้าวใบเล็ก–ใบใหญ่ ชุดช้อนตะเกียบพร้อมที่วางเซรามิก แจกันขนาดกลางลายดอกไม้หรือสัตว์แบบล้านนา และของตกแต่งบ้านชิ้นเล็ก เช่น เชิงเทียน โคมไฟ และงานประติมากรรมช้าง นอกจากนี้ของกินพื้นบ้านอย่างข้าวต้มมัดและเมนูในคาเฟ่ของบ้านศิลาดล ก็เป็นอีกสิ่งที่หลายคนตั้งใจแวะมาชิมโดยเฉพาะ

 

ตอบ: ความต่างแรกที่เห็นชัดคือสีเคลือบเขียวหยกและลายแตกลายงาที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลาดล ซึ่งเกิดจากเคลือบขี้เถ้าและการเผาในสภาพแวดล้อมเฉพาะ อีกส่วนคือการใช้ลวดลายที่อิงจากประเพณีไทยและวัฒนธรรมล้านนา วาดด้วยมือทีละชิ้น ทำให้แต่ละใบมีความเป็น “ชิ้นเดียวในโลก” มากกว่าการผลิตเซรามิกทั่วไปในโรงงานที่มักใช้ลายพิมพ์ซ้ำจำนวนมาก

 

ตอบ: เหมาะสำหรับทั้งคนที่รักงานหัตถกรรม นักสะสมเซรามิก คนที่สนใจวัฒนธรรมล้านนา ครอบครัวที่อยากพาเด็กมาเรียนรู้นอกห้องเรียน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาจุดแวะพักสงบ ๆ นอกตัวเมืองเชียงใหม่ ที่มีทั้งบรรยากาศร่มรื่น ของกินอร่อย และของฝากคุณภาพดีในที่เดียวกัน