Rating: 3.8/5 (5 votes)
วัดพระธาตุจอมแตง
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
วัดพระธาตุจอมแตง ตั้งอยู่ เลขที่ 50 หมู่ที่ 11 ตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ วัดแห่งนี้มีเนื้อที่จำนวน 23 ไร่ 3 งาน 25 ตารางวา ตามโฉนดเลขที่ 9362 และมีที่ธรณีสงฆ์มีเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา ตามโฉนดเลขที่ 29585
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 งวดที่ 6 ประจำปี 2527 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 106 ตอนที่ 9 วันที่ 24 มกราคม 2528 กองพุทธศาสนสถาน กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2528
และทางกรมศิลปกรได้ มาสำรวจขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เป็นเจดีย์พระธาตุจอมแตงเป็นปูชนียสถาน ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 71 ตอนที่ 3 วันที่ 5 มกราคม 2497
ทางเข้า วัดพระธาตุจอมแตง สภาพถนนหนทางในอดีตนั้นเป็นเพียงถนนคนเดินและเป็นดินลูกรัง ช่วงฤดูฝนไม่สามารถนำยานพาหนะขึ้นมาได้ เนื่องจากรถยนต์ไม่สามารถขึ้นมาได้และสภาพถนนเป็นดินเหนียวและเป็นลูกรัง
ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาโดยการ สร้างถน คอนกรีตเสริมเหล็กจากถนนสายใหญ่ (โชตนาเชียงใหม่ - ฝาง กิโลเมตรที่ 25) ถึงบริเวณเขตพุทธาวาส ประมาณ 500 เมตร
วัดพระธาตุจอมแตง เป็นลักษณะเขาเนินสูงประมาณ 300 เมตร พื้นที่ของวัดมีความลาดชันโดยรอบ ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบจะมีต้นไม้ หลากหลายขึ้นเต็มไปหมด มีความอุดมสมบูรณ์ในสภาพแวดล้อมของต้นไม้นานาชนิดประมาณ 70 เซนติเมตร ของพื้นที่ทั้งหมด
วัดพระธาตุจอมแตง ประวัติพระธาตุจอมแตง วัดพระธาตุจอมแตง ตามหนังสือแม่ริมระบือ บันลือแม่สา และหนังสือที่มีหลวงปู่พระครูสุภัทรคุณ (หลวงปู่ คำปัน สุภัทโท) อดีตเจ้าคณะตำบลบ้านโป่ง ได้แต่งไว้เมื่อปี พ.ศ. 2490 ได้กล่าวไว้ว่า จากการได้สืบประวัติและการเล่าสืบๆ ต่อกันมาว่า วัดแห่งนี้ได้มีประวัติเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล กล่าวคือ
ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงอธิษฐานประทับรอยพระบาทซ้อนลงไปเป็นรอยที่ 4 ณ พระพุทธบาทสี่รอย ต่อจากนั้นพระองค์ก็ได้เสด็จมา ตามไหล่เขาจนบรรลุถึงเขาลูกหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของฝูงแรด (ดอยขี้แรดหรือเขาขี้แรด) ห่างจากดอยขี้แรดไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 กิโลเมตร
มีพวกล๊วะปลูกบ้านอาศัยอยู่และทำไร่ทำสวนใกล้ๆ กับเชิงเขานั้น เมื่อพระองค์เสด็จมาถึงบนเขาขี้แรดพร้อมเหล่าสาวกเป็นเวลา ใกล้เที่ยง ขณะนั้นมีล๊วะสองตายายกำลังทำสวนอยู่ที่เชิงเขา ได้เห็นพระองค์เสด็จมากับพระสาวก ก็เกิดปลื้มปิติมาก
จึงได้หอบหิ้ว เอาแตงกวาขึ้นไปถวาย เมื่อพระองค์รับแตงกวาเหล่านั้นมาแล้ว ก็ทรงถวายแก่พระสาวกกันจนครบ ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์บารมีของ พระองค์ได้ทรงอธิษฐานลูกแตงกวาไว้ 1 ลูก
หลังจากนั้นพระองค์ไดทรงโปรดสัมโมทิยคาถาด้วยพระโอษฐ์อันมีเสียงพระสุระเสียงอันไพเราะแก่ล๊วะสองตายาย เมื่อล๊วะสองตา ยายลากลับแล้ว พญาแรดพร้อมหมู่บริวารที่พากันอาศัยอยู่ตามเชิงเขาก็ถือโอกาสพากันมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์ทรงโปรดอนุเคราะห์ด้วยพระเมตาธรรม เมื่อพญาแรดและบริวารกลับไปแล้ว พระพุทธองค์ทรงตั้งจิตอธิษฐานถอนพระเกศาใส่ ลงไปในลูกแตงกวาที่เหลือ และทรงกระทำอาการแย้มพระโอษฐ์ เหล่าพระสาวกได้เห็นเช่นนั้นก็พากันทูลถามว่าเหตุใด พระองค์ทรงกระทำอาการเยี่ยงนั้น พระองค์ก็ตรัสว่าต่อไปภายภาคหน้า สถานที่นี่จะชื่อว่า “พระธาตุจอมแตง”
กล่าวถึงล๊วะสองตายายได้เล่าเรื่องที่ตนพบเห็นพระพุทธเจ้าให้ลูกหลานฟัง ลูกหลานได้ฟังก็ดีใจพากันส่งเสียงร้องเพื่อให้รู้กันทั่วเลย เกิดมีเสียงโกลาหลเป็นการใหญ่ ต่อมาหมู่บ้าน นี้จึงได้ชื่อว่า “บ้านสันลัวะออ” ได้ชักชวนกันจะไปเฝ้าพระพุทธองค์ เมื่อไปถึงปรากฏว่า พระพุทธองค์
ได้เสด็จไปแล้วคงพบแต่แตงกวาที่ใส่พระเกศาไว้เท่านั้นพวกล๊วะเหล่านั้นต่างก็ยกแตงกวามาตั้งไว้ในที่อันควรเพื่อกราบบูชาโดยขุดหลุมลึก 1 คาวุธ แล้วสร้างมณฑปครอบไว้ ทุกๆ วันพระจะพากันมาไหว้สวดมนต์ภาวนา
หมวดหมู่: สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
กลุ่ม: วัด
ปรับปรุงล่าสุด : 9 ปีที่แล้ว