Rating: 3.6/5 (5 votes)
วัดราชผาติการามวรวิหาร
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
วัดราชผาติการาม เป็นวัดโบราณ เดิมชื่อว่า วัดส้มเกลี้ยง เดิมตั้งอยู่บ้านญวน หลังโรงเรียนเซ็นท์คาเบรียล ต่อมาได้ร้างลง พวกญวนอพยพที่อยู่บริเวณแถบนั้น ได้รื้อเอาอิฐไปก่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ จนแทบไม่เหลือให้เห็นสภาพวัดเลย พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้า ฯ จึงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ
เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ สร้างวัดใหม่ เป็นการผาติกรรมแทนวัดส้มเกลี้ยง และได้พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดราชผาติการาม" อันหมายถึงวัดที่พระราชาทรง ผาติกรรม แลกเปลี่ยนทดแทน หรือทำให้เจริญขึ้น เมื่อปีพุทธศักราช 2379 และภายหลังทางราชการ ก็ได้ยกวัดราชผาติการาม ขึ้นทะเบียนเป็น "พระอารามหลวง"
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับพระอุโบสถ เป็นรูปทรงศิลปะแบบจีนผสมญวณ ไม่มีช่อฟ้าใบระกาประดับ เช่นเดียวกับพระอุโบสถวิหารหรือ ศาลาการเปรียญเหมือนวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นหรือปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ในสมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เช่นวัด บวรนิเวศวิหาร วัดราชโอรสาราม วัดเทพธิดาราม เป็นต้น
ซึ่งเป็นสมัยที่ประเทศไทยมีการติดต่อแลกเปลี่ยนศิลปะวัฒนธรรม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ประเทศจีน ซึ่งนำศิลปะแบบจีนมามีบทบาทปรากฏอยู่ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ ทรง ให้ชาวญวณ กลุ่มนั้น เป็นช่างจัดสร้างพระอุโบสถ ดังนั้นพระอุโบสถวัดราชผาติการาม จึงมีรูปทรง ศิลปะปฏิมากรรมพร้อมด้วยภาพ เขียนเพดานพระอุโบสถปรากฏอยู่จนบัดนี้
การสร้างวัดในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังไม่แล้วเสร็จก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ครั้นถึงรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้า ฯ ให้กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ขณะดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นชาญไชยบวรยศ ทรง ปฏิสังขรต่อมาจนถึงต้นรัชกาลที่ 5 โปรดให้พระยาราชสงคราม (กร) เป็นแม่งานจัดการย้ายหมู่กุฎีที่ถูกถนนราชวิถี(ซังฮี้) ตัดผ่านไปสร้างไว้ทางด้านเหนือ สร้างกำแพงล้อมรอบให้เป็นเขตวัด
การปรับปรุงก่อสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดราชผาติการาม ได้ดำเนินติดต่อกันมาทุกสมัยของเจ้าอาวาส โดยเฉพาะในสมัยของเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺสารเถร ป.ธ.9) เป็นเจ้าอาวาส ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นมากมาย จนกล่าวได้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ นำความเจริญก้าวหน้าและชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่วัดราชผาติการาม จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ส่วนพระพุทธรูป ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ ทรงให้นำมาประดิษฐานไว้ตั้งแต่เริ่มย้าย วัดมาสร้างวัดใหม่นั้น เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบเชียงแสนเวียงจันทร์ ประเทศลาว มีขนาดหน้าตักกว้าง 69 ซม. ส่วนสูง 165 ซม. เป็นเนื้อทองสำริด 3 กษัตริย์ มีเส้นลายเงินฝังอยู่ตามชายสังฆาฏิและจีวร มีพระโอษฐ์สุกเป็นสีนาก
จึงได้กล่าวพระนามต่อ ๆ กันมาว่า "หลวงพ่อสุก" ตามคุณลักษณะ ส่วนพระเกศและพระพักตร์ รูปทรงตลอดถึงฐานของพระพุทธรูปมีลักษณะเป็นแบบเดียวกับหลวง พ่อใส จังหวัดหนองคาย และหลวงพ่อเสริม วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร พระประธานในพระอุโบสถวัดราชผาติการาม (หลวงพ่อสุก) จึงเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม เป็นปูชียวัตถุ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาด้วยองค์หนึ่ง
พระอุโบสถวัดราชผาติการาม ได้รับการซ่อมแซมมาตามกาลสมัยและได้ทำการซ่อมครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 และแล้วเสร็จในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2517 โดยได้รักษารูปแบบเดิมไว้ทุกประการ พร้อมกันนี้ได้อัญเชิญพระบรมอัฐิในรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 มาบรรจุไว้ ณ หลังพระอุโบสถด้วย ในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2537 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานผ้าพระกฐิน ยกฉัตรขาว 7 ชั้น
ถวายพระประธานในพรอุโบสถ พร้อมด้วยทรงบรรจุพระเครื่อง พิมพ์สมเด็จเทียนคู่เนื้อผงและพิมพ์ต่าง ๆ รวม 42,000 องค์ ที่ใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถ และที่พระเจดีย์หลังพระอุโบสถ ที่ทางวัดได้จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก จำนวน 84,000 องค์ และได้นำไปบรรจุไว้ตามจังหวัดต่าง ๆ รวม 9 แห่ง ๆ ละ 5,000 องค์ เสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2518 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและกตัญญูกตเวทิตาธรรมแด่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร ป.ธ.9) และเพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
หมวดหมู่: สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
กลุ่ม: วัด
ปรับปรุงล่าสุด : 1 ปีที่แล้ว