
กำแพงเมืองคูเมือง

Rating: 4.5/5 (4 votes)




สถานที่ท่องเที่ยวพิษณุโลก
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: วันอาทิตย์ - วันเสาร์
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
กำแพงเมืองคูเมือง จังหวัดพิษณุโลก ถือเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ทางการเมืองของไทยในอดีต เมืองพิษณุโลกตั้งอยู่ในทำเลที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เป็นศูนย์กลางของการคมนาคมระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง อีกทั้งยังเป็นเมืองหน้าด่านที่มีบทบาทในการป้องกันการรุกรานจากศัตรู โดยเฉพาะจากอาณาจักรล้านนาและพม่า ทำให้กำแพงเมืองและคูเมืองพิษณุโลกถูกสร้างขึ้นและปรับปรุงหลายครั้งในแต่ละยุคสมัย เพื่อรองรับสถานการณ์บ้านเมืองและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป
ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กำแพงเมืองพิษณุโลกถูกสร้างขึ้นเพื่อรับศึกจากพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา ซึ่งในช่วงเวลานั้นล้านนาเป็นมหาอำนาจทางเหนือและมีการทำศึกกับอยุธยาบ่อยครั้ง เมืองพิษณุโลกจึงถูกใช้เป็นเมืองหลวงชั่วคราวของกรุงศรีอยุธยาและกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ การสร้างกำแพงดินและคูเมืองจึงเป็นแนวป้องกันเพื่อสกัดกั้นกองทัพศัตรู อีกทั้งยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับประชาชนในเมืองว่ามีที่พึ่งพิงยามเกิดสงคราม
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมกำแพงเมืองพิษณุโลกเพื่อเตรียมรับศึกจากกองทัพพม่า ซึ่งในเวลานั้นเป็นคู่สงครามที่สำคัญที่สุดของไทย การซ่อมแซมกำแพงเมืองสะท้อนให้เห็นถึงความต่อเนื่องของการใช้พิษณุโลกเป็นฐานทัพและเมืองหน้าด่านในการป้องกันประเทศ การที่พม่าพยายามจะเข้ายึดเมืองพิษณุโลกหลายครั้งในประวัติศาสตร์ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองนี้ว่าหากควบคุมพิษณุโลกได้ก็จะสามารถบุกเข้าสู่ภาคกลางและกรุงศรีอยุธยาได้สะดวก
ในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กำแพงเมืองพิษณุโลกได้รับการพัฒนาอย่างก้าวหน้า เนื่องจากพระองค์ได้โปรดให้ช่างชาวฝรั่งเศสเข้ามาก่อสร้างกำแพงใหม่ด้วยอิฐแข็งแรงและมั่นคงกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นการนำความรู้ทางวิศวกรรมและการก่อสร้างแบบตะวันตกเข้ามาประยุกต์ใช้กับสถาปัตยกรรมของไทยในสมัยนั้น นับเป็นการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่ช่วยยกระดับความแข็งแรงของกำแพงเมือง กำแพงที่สร้างด้วยอิฐนี้ทำให้เมืองพิษณุโลกมีป้อมปราการที่ทันสมัยและสามารถต้านทานการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้มีการรื้อกำแพงเมืองและป้อมต่างๆ ออก เนื่องจากพระองค์ทรงเกรงว่า หากพม่าบุกเข้ามา กำแพงและป้อมเหล่านี้อาจกลายเป็นที่มั่นให้ศัตรูใช้ประโยชน์ได้ การรื้อทำลายจึงเป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์เพื่อไม่ให้โครงสร้างเหล่านี้กลายเป็นอุปสรรคต่อฝ่ายไทยเองในการทำศึก แม้จะเป็นการสูญเสียสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดด้านการทหารที่คำนึงถึงความปลอดภัยและผลประโยชน์ในภาพรวม
ปัจจุบันร่องรอยกำแพงเมืองพิษณุโลกที่ยังคงปรากฏอยู่สามารถพบได้ในหลายพื้นที่ เช่น บริเวณวัดโพธิญาณ วัดน้อย และใกล้สถานีตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ส่วนคูเมืองยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนตามแนวถนนพระร่วง บริเวณด้านหลังสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม สถานที่เหล่านี้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทำให้ผู้คนในปัจจุบันสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์การต่อสู้และความสำคัญของเมืองพิษณุโลกได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว กำแพงเมืองและคูเมืองพิษณุโลกยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านยุทธศาสตร์การทหารในอดีต การสร้างกำแพงดิน คูน้ำ และต่อมาเป็นกำแพงอิฐล้วนสะท้อนถึงการพัฒนาแนวคิดการป้องกันเมืองที่สอดคล้องกับสถานการณ์สงครามในแต่ละช่วงเวลา เมืองพิษณุโลกจึงไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางทางการปกครอง หากยังเป็นสนามรบที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มาโดยตลอด การรักษาร่องรอยกำแพงเมืองและคูเมืองจึงเปรียบเสมือนการเก็บรักษาบทเรียนจากอดีตให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังพิษณุโลก การเยี่ยมชมกำแพงเมืองและคูเมืองเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เข้าใจรากเหง้าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงได้ชมโบราณสถาน แต่ยังเป็นการเรียนรู้เรื่องราวการสู้รบ ความรุ่งเรือง และการปรับตัวของบ้านเมืองในแต่ละยุคสมัย พิษณุโลกจึงเป็นมากกว่าจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง หากแต่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า กำแพงเมืองและคูเมืองที่ยังคงเหลืออยู่จึงเป็นเสมือนอนุสรณ์สถานที่เตือนให้ระลึกถึงความเสียสละ ความกล้าหาญ และความพยายามของบรรพชนไทยในการรักษาแผ่นดินให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน





แสดงความเห็น
คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage