วัดนครไทยวราราม (วัดหัวร้อง)

วัดนครไทยวราราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันในชื่อเดิมว่า วัดหัวร้อง หรือบางครั้งรู้จักในชื่อวัดใต้ ตั้งอยู่เลขที่ 200 หมู่ที่ 6 บ้านหัวร้อง ตำบลนครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับผู้สร้างหรือปีที่ก่อสร้าง แต่เรื่องราวในอดีตสืบต่อกันมาว่า วัดหัวร้องเกิดขึ้นในสมัยพ่อขุนบางกลางท่าว ซึ่งเมื่อครั้งนั้นได้ยกทัพไปตีกรุงสุโขทัยประมาณปี พ.ศ. 1800 หลังจากรวบรวมไพร่พลมาอยู่ที่เมืองบางยางเป็นระยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่ยังปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ วิหารทรงโรงและพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แกะสลักจากไม้สักทั้งองค์ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 2.45 เมตร สูง 3.45 เมตร ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อใหญ่”

 

เดิมวัดหัวร้องมีชื่อว่า “วัดศรีชมชื่น” ตั้งอยู่ที่สำนักสงฆ์คลองจิก ซึ่งในสมัยนั้นเป็นวัดร้างและไม่มีผู้ดูแล เนื่องจากชาวบ้านตั้งบ้านเรือนอยู่เหนือร่องน้ำคลองจิก จึงเรียกวัดนี้ว่า “วัดหัวร่อง” ต่อมาเพี้ยนเป็น “วัดหัวร้อง” วัดหัวร้องในอดีตเกิดความเสียหายจากไฟไหม้ป่าที่ลามไปทั่วบริเวณ ทำให้วัดเก่าเหลือเพียงเจดีย์ดิน หลังจากชาวบ้านตั้งถิ่นฐานและรวมตัวกันเป็นหมู่บ้าน จึงได้สร้างวัดใหม่ห่างจากเดิมประมาณ 200 เมตร

 

ช่วงแรกวัดหัวร้องยังไม่ค่อยมีผู้ดูแล มีเพียงเจ้าอาวาสและพระลูกวัดบางส่วนคอยดูแลเพียงเล็กน้อย จนกระทั่งสมัยหลวงปู่หุยเป็นเจ้าอาวาส จึงเริ่มก่อสร้างศาลาและกุฏิเพิ่มเติมจากวิหารเดิมและพระพุทธรูปไม้สักองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นศิลปกรรมพื้นบ้านงดงาม ในปี พ.ศ. 2482 วัดหัวร้องได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และต่อมาได้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้นในปี พ.ศ. 2491 ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2496

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2516 เนื่องจากศาลาและกุฏิเดิมเก่าแก่และชำรุด จึงได้ทำการรื้อถอนและสร้างอาคารใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อวัดให้สอดคล้องกับการพัฒนาเป็น “วัดนครไทยวราราม” บนเนื้อที่ทั้งหมด 6 ไร่ วัดนครไทยวรารามมีวิหารเก่าแก่ขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว 18 เมตร ภายในประดับด้วยศิลปกรรมพื้นบ้านอ่อนช้อยและมีอาสน์สงฆ์ก่ออิฐถือปูนยกสูงด้านขวาของพระประธาน

 

พระพุทธรูปไม้สักปางมารวิชัย ภายในวิหารถือเป็นจุดเด่นที่สุด มีปูนหุ้มทั้งองค์และปัจจุบันได้ลงรักปิดทองเพื่อความงดงาม พระพุทธรูปนี้มีลักษณะพระรัศมียาวใหญ่ พระพักตร์กลมคล้ายยุคสุโขทัย มีพระอุณาโลมระหว่างพระขน และพระบาทใหญ่ ฝ่าพระบาทแบนราบ ส้นพระบาทยาว ความโดดเด่นและขนาดที่ใหญ่ของพระพุทธรูปทำให้ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปไม้สักที่องค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย

 

หลวงพ่อใหญ่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านและผู้ที่แวะเวียนมาสักการะบูชา เพื่อขอพรและสะเดาะเคราะห์ ชาวบ้านเชื่อว่าผู้ที่มากราบไหว้จะได้รับความคุ้มครอง มีชีวิตสงบสุข และหายจากโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้วัดหัวร้องเคยจัดงานประจำปีเพื่อเฉลิมฉลองและให้ชาวบ้านได้ร่วมทำบุญ แต่ปัจจุบันจัดเฉพาะเทศกาลสำคัญ เช่น วันตรุษ วันสงกรานต์ วันออกพรรษา และเทศมหาชาติ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยและการป้องกันการสูญหายของวัตถุสิ่งของภายในวิหาร

 

วัดนครไทยวรารามจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถสักการะกราบไหว้หลวงพ่อใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลและความสงบใจในการดำเนินชีวิต