วัดท่าตอน (เจดีย์แก้ว)

วัดท่าตอน (เจดีย์แก้ว)

วัดท่าตอน (เจดีย์แก้ว)
Rating: 3.1/5 (9 votes)
แผนที่ แผนที่ แผนที่ มีแผนที่ มีแผนที่ ไม่มีแผนที่ ไม่มีแผนที่

สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: แนะนำ 08.00–17.00 น.
 
วัดท่าตอน พระอารามหลวง คือวัดที่หลายคนจำได้จากภาพวัดบนเขาเรียงซ้อนเป็นชั้น ๆ มองเห็นได้แต่ไกลเมื่อรถแล่นเข้าสู่ชุมชนท่าตอนริมแม่น้ำกก แต่ถ้าหยุดมองให้นานกว่านั้นอีกนิด จะพบว่าวัดแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่ “จุดชมวิว” หรือ “แลนด์มาร์ก” ของอำเภอแม่อายเท่านั้น หากยังเป็นพื้นที่ที่แบกรับชั้นของประวัติศาสตร์ ความทรงจำของชุมชนชายแดน และบทเรียนเรื่องศรัทธาที่ค่อย ๆ สอนเราแบบไม่ต้องเอื้อนเอ่ย
 
เรื่องเล่าหนึ่งที่ทำให้วัดท่าตอนน่าคิด คือภาพอดีตของพื้นที่นี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น “วัดร้าง” มานานหลายร้อยปี เหลือเพียงพระเจดีย์เก่าชำรุด 1 องค์ รายล้อมด้วยป่าหนาทึบ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด ความเงียบของวัดร้างไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่มันคือพื้นที่ที่เก็บงำเรื่องราวของผู้คนที่เคยเกิด เคยเจริญ เคยเสื่อม และเคยฝากร่องรอยไว้กับลุ่มน้ำกกอย่างแนบแน่น
 
ในตำนานสุวรรณดำแดง มีการกล่าวถึงกลุ่มคนไทยที่อพยพเข้ามาอยู่ตอนกลางของเชียงใหม่ราวหลังปี พ.ศ. 1700 ซึ่งเป็นผู้ยึดมั่นพุทธศาสนา นักประวัติศาสตร์หลายท่านก็ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า บริเวณลุ่มน้ำต่าง ๆ อย่างแม่น้ำกกน่าจะเคยเป็นที่ตั้งชุมชนที่มีวัฒนธรรมมาก่อนยุคการสร้างเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839 ด้วยซ้ำ นั่นทำให้การยืนอยู่ในวัดท่าตอนไม่ต่างจากการยืนอยู่บนชั้นดินที่ซ้อนทับเวลาไว้หลายชั้น และทุกชั้นยังส่งเสียงผ่านสิ่งที่หลงเหลืออยู่
 
ห่างจากวัดท่าตอนไปทางทิศตะวันออกราว 6 กิโลเมตร ยังมี “เวียงแข่” เมืองเก่าที่มีคูเมืองปรากฏอยู่ แม้จะไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าเจริญรุ่งเรืองในสมัยใด แต่เพียงการที่คูเมืองยัง “อยู่ให้เห็น” ก็เพียงพอจะสะกิดใจว่าแถบนี้มิได้ว่างเปล่าในอดีต การมีเมืองเก่าใกล้วัดเก่า ทำให้เรายิ่งอ่านภูมิทัศน์ของแม่อายด้วยสายตาที่ต่างไป คือไม่ใช่มองเป็นพื้นที่ผ่านทางขึ้นเหนือ แต่เป็นพื้นที่ที่เคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมมาก่อนแล้ว
 
เมื่อขยับจากตำนานมาสู่หลักฐาน เชิงอ้างอิงที่คุณให้มาได้พาเราไปถึงคำจารึกที่ฐานพระพุทธรูปเก่าที่สุดที่พบในเขตอำเภอแม่อาย ณ วัดศรีบุญเรือง จุลศักราช 221 (พ.ศ. 1403) และยังมีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์โบราณที่พบตามวัดร้างในท้องนาและริมแม่น้ำฝาง ซึ่งบางส่วนถูกเก็บรักษาไว้ตามวัดต่าง ๆ ในท้องที่ บางส่วนขนย้ายไปจังหวัดเชียงราย และส่วนกลางในบางช่วงเวลา สิ่งเหล่านี้ช่วยฉายภาพว่า “ถิ่นนี้เคยรุ่งเรืองมาหลายศตวรรษ” แม้ต่อมาจะผ่านความผันผวนจนหลายอย่างกระจัดกระจายไป
 
อีกหมุดที่สำคัญคือจุลศักราช 636 (พ.ศ. 1818) เมื่อพระยามังรายเสด็จมาเสวยราชสมบัติในเมืองฝาง แต่กลับมิได้ปรากฏว่าทรงสร้างเมืองขึ้นใหม่ นัยนี้ทำให้เรื่องราวของฝางและเมืองใกล้เคียงอย่างเวียงไชย เวียงแข่ เมืองงาม ถูกอ่านว่า “มีความเจริญมาก่อนแล้ว” ตำนานเมืองเหนือยังกล่าวในทำนองว่า เมืองฝางสร้างมาแต่โบราณกาล และในสมัยพระเจ้ามังราย บ้านเมืองเดิมชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่เพราะความอุดมสมบูรณ์จึงมีการบูรณะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
 
และเมื่อย้อนกลับมาที่วัดท่าตอนเอง คุณให้ข้อมูลสำคัญมากเกี่ยวกับโบราณวัตถุในพื้นที่ โดยมีการสำรวจพบพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์โบราณซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดท่าตอน (ศาลาพุทธบุตรประชาสรรค์) ปางมารวิชัยประทับนั่ง 5 องค์ ปางประทับยืน 3 องค์ เป็นศิลปะล้านนา มีอายุราว 500–700 ปี และที่ฐานพระพุทธรูป 2 องค์มีคำจารึก โดยองค์เล็กสุดปางมารวิชัยประทับนั่งที่เรียกกันว่า “พระฝนแสนห่า” มีข้อมูลว่าถูกสร้างเมื่อจุลศักราช 910 (พ.ศ. 2092) ส่วนปางประทับยืนอุ้มบาตรบอกชื่อผู้นำสร้างและผู้ร่วมทำบุญ แต่ไม่บอกศักราช จึงสันนิษฐานได้ว่าวัดท่าตอนถูกสร้างมาแล้วเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี
 
ความพิเศษของวัดท่าตอนในวันนี้ คือมันไม่หยุดอยู่ที่การ “เป็นวัดเก่า” แต่กลับเติบโตเป็นวัดประจำอำเภอ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าตอน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงามบนไหล่เขา เรียงรายด้วยศาสนวัตถุและสิ่งก่อสร้าง มีพื้นที่ทอดยาวตามเชิงเขาเป็นชั้น ๆ รวมถึง 9 ชั้น ความเป็น “9 ชั้น” ของวัดนี้ไม่ได้เป็นแค่การแบ่งโซน แต่เป็นเหมือนการให้ผู้มาเยือนค่อย ๆ ไต่ระดับจากโลกที่เร่งรีบด้านล่าง ไปสู่ความสงบและความโปร่งเบาของใจด้านบน
 
วัดท่าตอน เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ได้รับการยกฐานะจากวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2534 และมีเนื้อที่รวมประมาณ 425 ไร่เศษ โดยแยกเป็นพื้นที่ตั้งวัดชั้นล่าง และเขตอุทยานพุทธศาสนาและสำนักปฏิบัติธรรมซึ่งกินพื้นที่ส่วนใหญ่ พื้นที่จำนวนมากเป็นภูเขาลาดชัน ขณะที่ด้านหน้ามีที่ราบริมแม่น้ำกก เมื่อเรารู้ขนาดพื้นที่จริง เราจะเข้าใจทันทีว่าทำไมวัดนี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็น “เมืองบนเขา” มากกว่าเป็นวัดที่แค่มีอาคารไม่กี่หลัง
 
ถ้าคุณขับรถเข้าท่าตอนครั้งแรก ภาพที่มักทำให้รู้สึกว่า “มาถึงแล้ว” ไม่ใช่แค่ป้ายทางเข้า แต่คือสายน้ำกกและสะพานที่พาข้ามแม่น้ำกก และเมื่อมองไปรอบ ๆ จากสะพานจะเห็นรีสอร์ท โรงแรม ร้านอาหารที่มีอยู่ไม่มากนัก และสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือภาพวัดท่าตอนบนเขา โดยเฉพาะ “มหาโพธิสัตว์กวนอิม” บนผาสูงริมแม่น้ำ ซึ่งเหมือนยืนมองผู้คนที่เข้าออกชุมชนอย่างสงบและมั่นคง
 
ตามข้อมูลที่คุณให้ไว้ พระโพธิสัตว์กวนอิมถือเป็นสถานที่สำคัญที่อยู่ชั้นที่ 1 ของการขึ้นวัดท่าตอน และบริเวณชั้นแรกยังประกอบด้วยพระธาตุจอมคีรีศรีปิงขอก ศาลาสุนทร และโรงเรียนพระปริยัติธรรม ภาพรวมของชั้นแรกจึงเป็นเหมือน “ชั้นต้อนรับ” ที่ผสานทั้งความศักดิ์สิทธิ์ การศึกษา และความเป็นชุมชนเข้าด้วยกันในจุดเดียว
 
เมื่อค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปตามชั้นต่าง ๆ ของวัด สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับการมองเห็นวิวที่กว้างขึ้น คือความรู้สึกภายในที่ “โปร่งขึ้น” อย่างแปลก ๆ เพราะการเดินขึ้นเขาบังคับให้เราหายใจลึกขึ้น และเมื่อหายใจลึกขึ้น ใจก็มักจะค่อย ๆ คลายจากเรื่องจุกจิกที่แบกมาจากข้างนอก นี่คือเหตุผลที่คนจำนวนมากมาวัดท่าตอนไม่ใช่แค่เพื่อขอพร แต่เพื่อให้ตัวเองได้กลับมาอยู่กับลมหายใจแบบจริงจังอีกครั้ง
 
ในรายการสถานที่สำคัญของวัด คุณยังระบุถึง “พระเจดีย์องค์เดิม” ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าที่สะท้อนร่องรอยของยุควัดร้าง ความชำรุดของเจดีย์เก่าไม่ได้ลดคุณค่า กลับทำให้มันเป็นหลักฐานของการผ่านเวลา คล้ายบอกเราว่าศรัทธาเองก็มีช่วงที่ถูกป่ากลืน ถูกความเปลี่ยนแปลงกลบ แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่ง มนุษย์ก็กลับมา “บูรณะใจ” ผ่านการบูรณะวัดอีกครั้ง
 
อีกองค์ที่เป็นจุดเด่นมากคือ “พระองค์ขาว” หรือพระพุทธนิรันดรชัย พระพุทธรูปองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 9 เมตร สีขาวนวล ศิลปะแบบพระสิงค์ ปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐปูน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2526 ภาพของพระองค์ขาวในแสงเช้าหรือยามหมอกบาง ๆ มักทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนโลกเงียบลงหนึ่งจังหวะ และความขาวนวลก็เหมือนเตือนให้เราใจเย็นกับตัวเองมากขึ้น
 
ถัดมาเป็น “พระสังกัจจายน์” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2530 เป็นรูปปูนปั้นศิลปะแบบจีน ยืนอยู่บนถ้ำ มีน้ำพุอยู่ข้าง ๆ ตั้งอยู่ตรงทางโค้งราวกับคอยต้อนรับผู้มาเยือนวัด รายละเอียดนี้น่าสนใจเพราะมันบอกถึงการผสมผสานรสนิยมและรากวัฒนธรรมของพื้นที่ชายแดนที่มีผู้คนหลากกลุ่ม ไม่ได้มีเพียงวัฒนธรรมเดียวที่นิ่งสนิท แต่เป็นวัฒนธรรมที่ “อยู่ร่วม” และแสดงออกผ่านศิลปกรรมของวัดด้วย
 
และยังมี “พระนาคปรก” ซึ่งเป็นพระก่อด้วยอิฐปูน หน้าตักกว้างกว่า 7 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2530 ใต้ฐานเป็นห้องโถงที่ใช้เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐานภาวนา จุดนี้สำคัญมากในเชิงประสบการณ์ เพราะมันทำให้วัดท่าตอนมีพื้นที่ที่ “ตั้งใจทำเพื่อการภาวนา” ไม่ใช่แค่พื้นที่เดินชม การที่มีห้องภาวนาอยู่ใต้ฐานพระนาคปรกยังให้ความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ใต้ร่มเงาของสัญลักษณ์การคุ้มครอง และเหมือนถูกเชื้อเชิญให้กลับมาดูใจตัวเองอย่างจริงจัง
 
หัวใจของวัดท่าตอนที่คนจำนวนมากอยากขึ้นไปให้ถึง คือ “พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “พระเจดีย์แก้ว” เจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม เรือนยอดทรงกลม ประดับด้วยแก้ว 3 ประการตามคติที่คุณให้มา และนี่คือส่วนที่มีมิติทางจิตวิญญาณชัดมาก เพราะการอธิบายแก้ว 3 แบบไม่ได้เล่าแค่เรื่องวัสดุตกแต่ง แต่เล่าเรื่อง “สภาวะของคน” อย่างตรงไปตรงมา
 
แก้วแบบแรกคือ “แก้วสี” ที่มองดูเหมือนเครื่องเบญจรงค์ เปรียบเหมือนปุถุชนที่ยังมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง และส่วนที่มีสีเยอะก็มีมาก เพราะสร้างจากศรัทธาของปุถุชนร่วมสร้างจำนวนมาก นี่เป็นการยอมรับความจริงอย่างอ่อนโยนว่า คนส่วนใหญ่เริ่มต้นจากศรัทธาที่ยังปนเปื้อนด้วยความอยาก ความหวัง และความยึด แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะศรัทธานั่นเองคือแรงที่พาเรามาถึงจุดเริ่มต้น
 
แก้วแบบที่สองคือ “แก้วสะท้อนเงา” ซึ่งในองค์เจดีย์ใช้วัสดุแบบสแตนเลสมิร์เรอร์ เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นส่วนสะท้อนเงาของเจดีย์ เปรียบเหมือนนักปฏิบัติธรรมที่คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกว่าปุถุชน แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่ “ติดอยู่กับความดี” จนไม่อาจหลุดพ้น ความหมายนี้แทงใจคนทำงานหนักได้ดี เพราะบางครั้งเราก็เอาความดีเป็นเกราะ แล้วเหนื่อยกับการต้อง “ดี” ตลอดเวลา
 
แก้วแบบที่สามคือ “แก้วใส” ที่ใช้เป็นช่องมองทะลุได้ในองค์เจดีย์ เปรียบเหมือนผู้หลุดพ้นที่ไม่ยึดติดสิ่งใดแล้ว ช่องใสนี้ทำให้ผู้มาเยือนจำนวนมากยืนมองนานกว่าที่คิด เพราะมันไม่ใช่แค่ความสวย แต่เหมือนเป็นคำถามเงียบ ๆ ว่า “เรายังยึดอะไรอยู่บ้าง” และ “เรากล้าปล่อยได้แค่ไหน”
 
ปลายทางอีกจุดที่มีทั้งความยิ่งใหญ่และความหมายร่วมสมัยคือ “พระอิ่มตลอดกาล” พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันพุธ ซึ่งเป็นวันเกิดของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วัดปากน้ำ) ผู้สร้าง เป็นพระหล่อสัมฤทธิ์ สูง 9 เมตร ประทับยืนเด่นบนยอดเขาลูกสุดท้ายของวัดท่าตอน ภาพพระอุ้มบาตรบนยอดเขาให้ความรู้สึกเหมือนการ “ยืนรับโลก” อย่างสงบ และทำให้คนที่ขึ้นมาถึงรู้สึกว่าแรงที่ใช้เดินขึ้นมาไม่สูญเปล่า
 
สิ่งที่ทำให้วัดท่าตอนมีเสน่ห์ในแบบที่ “อยู่ได้นาน” คือมันไม่บังคับให้เราตื่นเต้น แต่มันชวนให้เราค่อย ๆ อยู่กับภาพเบื้องหน้าอย่างมีสติ ตั้งแต่ชั้นล่างที่ใกล้แม่น้ำกก อากาศจะชื้นสดและมีกลิ่นน้ำ กลิ่นต้นไม้ พอขึ้นสูงขึ้น กลิ่นดินและลมจะชัดขึ้น และในเช้าหน้าหนาวที่ความชื้นเหมาะสม วัดท่าตอนยังเป็นจุดที่หลายคนมาดูทะเลหมอก สูดอากาศบริสุทธิ์ และปล่อยให้ความฟุ้งในใจค่อย ๆ ยุบลงไปกับความเงียบของภูเขา
 
ความเป็นชายแดนก็เป็นอีกชั้นที่วัดท่าตอน “ซ่อนอยู่ในรายละเอียด” เพราะท่าตอนเป็นพื้นที่ที่ติดต่อกับรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ชาวบ้านท่าตอนในอดีตและแม้กระทั่งปัจจุบันมีชาวไทยใหญ่ปะปนกับชาวพื้นเมืองมาแต่เดิม คุณยังยกบันทึกในปี พ.ศ. 2424 เมื่อคาร์ล บ็อค เดินทางมาสำรวจเมืองฝางและกล่าวถึง “ท่าตอง (ท่าตอน)” ว่าเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ราว 12 หลังคาเรือน กระจัดกระจายตามริมฝั่งแม่น้ำกก และเป็นหมู่บ้านเงี้ยว (ไทยใหญ่) แท้ ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2472 มีวัดไทยสร้างอยู่บนลานว่างของหมู่บ้านบริเวณที่เป็นสถานีอนามัยในปัจจุบัน รายละเอียดนี้ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนผ่านของชุมชนชายแดนที่ค่อย ๆ สร้างตัวตนขึ้นมาทีละชั้นเหมือนวัดท่าตอนเอง
 
ถ้ามองแบบปัจจุบัน วัดท่าตอนยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการศึกษา และเป็นพื้นที่รองรับการปฏิบัติธรรม โดยมีอีเมลสำหรับงานปฏิบัติธรรมและช่องทางติดต่อที่ชัดเจน (โทร 053 45 9309, meditation@wat-thaton.org) ซึ่งสะท้อนว่า “วัดนี้ไม่ได้ทำแค่ให้ชม” แต่ยังเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามาใช้ชีวิตภายในวัดเพื่อฝึกใจจริง ๆ
 
และสำหรับการปฏิบัติธรรมตามข้อมูลที่คุณให้มา วัดท่าตอนยังเป็นศูนย์วิปัสสนาที่มีการสอนรูปแบบ “Dynamic Vipassana Meditation Retreat” ผู้สนใจต้องติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน รองรับได้ 15 คนต่อครั้ง และใช้เวลาอย่างน้อย 7 วันต่อการอบรมหนึ่งรอบ เบอร์ติดต่อที่คุณให้ไว้คือ 0 5345 9468 และ 0 7817 7522 ซึ่งผมใส่ไว้ในตารางสรุปและ FAQ ตามมาตรฐาน
 
ในมุมประสบการณ์ ถ้าคุณไปวัดท่าตอนแบบตั้งใจให้ได้อะไรกลับมามากกว่า “รูปถ่าย” ผมแนะนำให้ลองเดินวัดแบบไม่รีบ เลือกหนึ่งจุดแล้วอยู่กับมันสัก 10 นาที เช่นยืนเงียบ ๆ ที่ลานมองวิว ให้สายตาไหลไปตามแม่น้ำกกแล้วสังเกตว่าใจเราพยายามจะคว้าอะไรอยู่หรือเปล่า หรือเลือกนั่งใต้ร่มไม้แล้วฟังเสียงลมแทนเสียงในหัวเราเอง แปลกมากที่หลายคนมาที่นี่แล้วเจอคำตอบของเรื่องที่คิดไม่ตก เพราะพื้นที่แบบนี้บังคับให้เราหยุด “สู้กับความคิด” และกลับมาอยู่กับสิ่งที่เห็นจริง ๆ ตรงหน้า
 
วัดท่าตอนยังเหมาะกับคนที่กำลังเหนื่อยกับการเป็นคนเก่ง เพราะความหมายของ “แก้วสะท้อนเงา” ในเจดีย์แก้วชวนให้เราถามตรง ๆ ว่าเรากำลังติดอยู่กับความดีชนิดไหน เราทำดีเพื่ออิสระ หรือทำดีเพื่อความกลัวว่าจะไม่ดีพอ และความหมายของ “แก้วใส” ก็ชวนให้เราทดสอบตัวเองว่าเรากล้าปล่อยสิ่งที่ยึดไว้ได้แค่ไหน แม้จะปล่อยได้แค่ 1 อย่างในวันนั้น ก็ถือว่าคุ้มแล้วสำหรับการเดินทางครั้งหนึ่ง
 
การเดินทาง วัดท่าตอนตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางยอดนิยมคือขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นเหนือไปตามเส้นทางสายหลัก (แนวแม่ริม–ฝาง) มุ่งหน้าเข้าเขตแม่อายและชุมชนท่าตอน เมื่อใกล้ถึงท่าตอนจะมีป้ายบอกทางขึ้นวัดชัดเจน เส้นทางขึ้นวัดเป็นถนนขึ้นเขาเป็นช่วง ๆ ควรใช้เกียร์ต่ำในบางจุดและขับด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะหน้าฝนที่ผิวถนนอาจลื่น สำหรับคนมาจากเชียงรายสามารถเดินทางมายังท่าตอนผ่านเส้นทางฝั่งแม่จันได้เช่นกัน เพราะท่าตอนเป็นเมืองชายแดนที่เชื่อมการเดินทางของพื้นที่เชียงใหม่–เชียงรายได้สะดวก
 
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเยือนคือเช้าตรู่หน้าหนาวเพื่อชมหมอกและแสงเช้า หรือปลายฝนต้นหนาวเพื่อเห็นภูเขาเขียวชุ่มและแม่น้ำกกมีชีวิตชีวา หากคุณตั้งใจจะเก็บบรรยากาศแบบสงบจริง ๆ ให้มาถึงก่อนคนเยอะ แล้วใช้เวลาเดินทีละชั้นให้ครบ 9 ชั้นแบบไม่เร่ง จะได้เห็นว่าวัดนี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เรา “รีบ” แต่มันสร้างมาเพื่อให้เรา “ค่อย ๆ กลับมาอยู่กับตัวเอง”
 
ชื่อสถานที่ วัดท่าตอน พระอารามหลวง
ประเภท พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ (ยกฐานะ 11 ตุลาคม 2534)
ที่ตั้ง บ้านท่าตอน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
พื้นที่ ประมาณ 425 ไร่ 2 งาน 95 ตารางวา (ชั้นล่างราว 45 ไร่เศษ และเขตอุทยานพุทธศาสนา/สำนักปฏิบัติธรรมราว 380 ไร่เศษ)
ลักษณะเด่น วัดบนเขาเรียงเป็นชั้น ๆ รวม 9 ชั้น วิวแม่น้ำกก ชุมชน ทุ่งนา และเทือกเขาโดยรอบ
ยุค/หลักฐานความเก่าแก่ เคยเป็นวัดร้างหลายร้อยปี พบโบราณวัตถุและพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ศิลปะล้านนาอายุราว 500–700 ปี และมีคำจารึก (พ.ศ. 2092 ในข้อมูลที่ให้มา)
สถานที่สำคัญภายในวัด มหาโพธิสัตว์กวนอิม, พระเจดีย์องค์เดิม, พระองค์ขาว (พระพุทธนิรันดรชัย), พระสังกัจจายน์, พระนาคปรก, พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ (พระเจดีย์แก้ว), พระอิ่มตลอดกาล, พระอุโบสถ
การปฏิบัติธรรม มีศูนย์วิปัสสนา (Dynamic Vipassana Meditation Retreat) ติดต่อก่อนอย่างน้อย 7 วัน รับรอบละประมาณ 15 คน ใช้เวลาอย่างน้อย 7 วัน
วันและเวลาแนะนำ เช้าตรู่หน้าหนาวสำหรับทะเลหมอก และช่วงปลายฝนต้นหนาวสำหรับวิวเขียวชุ่ม
สิ่งอำนวยความสะดวก ลานจอดรถ, จุดชมวิวหลายชั้น, พื้นที่เดินชม/ไหว้พระตามลำดับชั้น, โซนสำนักปฏิบัติธรรม (รายละเอียดเชิงลึกให้ยืนยันกับวัดก่อนเดินทาง)
การเดินทาง ขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นเหนือแนวแม่ริม–ฝาง มุ่งหน้าแม่อาย–ท่าตอน แล้วขึ้นทางเข้าวัดตามป้าย (ถนนขึ้นเขาเป็นช่วง ๆ ควรขับระมัดระวัง)
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมระยะทาง สวนส้มธนาธร (ประมาณ 6 กม.) โทร 089-998-9889
อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก (ประมาณ 45–60 กม.) โทร 0 2562 0760–3 หรือ 0 2561 0777 ต่อ 1743, 1744 (งานจอง/ข้อมูลท่องเที่ยว)
น้ำพุร้อนฝาง (ประมาณ 45–60 กม.) โทร 0 2561 0777 ต่อ 1742 (ข้อมูลท่องเที่ยวในอุทยานฯ)
เวียงแข่ (เมืองเก่า มีคูเมือง) (ประมาณ 6 กม.)
จุดชุมชนท่าตอน–สะพานแม่น้ำกก/ริมน้ำกก (ประมาณ 2–4 กม.)
popular restaurants nearby Thaton Riverview Restaurant (ประมาณ 2–4 กม.) โทร 053-373-1735
ห้องอาหาร/คาเฟ่ Thaton Hill Resort (ประมาณ 1–2 กม.) โทร 053-053-669, 061-351-9729
ห้องอาหาร Saranya River House (ประมาณ 2–5 กม.) โทร 053-053-672, 089-851-7072
ร้านอาหาร/ครัว คุณใหม่บ้านสวนรีสอร์ท (ประมาณ 3–6 กม.) โทร 053-053-551, 088-952-6196
ห้องอาหาร Garden Home Nature Resort (ประมาณ 3–7 กม.) โทร 053-373-015
popular accommodations nearby Thaton Hill Resort (ประมาณ 1–2 กม.) โทร 053-053-669, 061-351-9729
Ariya Phu Ri Resort (ประมาณ 1–3 กม.) โทร 053-053-658
Saranya River House (ประมาณ 2–5 กม.) โทร 053-053-672, 089-851-7072
คุณใหม่บ้านสวนรีสอร์ท (ประมาณ 3–6 กม.) โทร 053-053-551, 088-952-6196
Garden Home Nature Resort (ประมาณ 3–7 กม.) โทร 053-373-015
ค่าธรรมเนียม  ฟรี
เบอร์ติดต่อ วัด (สำนักงาน/ข้อมูลทั่วไป): 053-459-309
อีเมลปฏิบัติธรรม: meditation@wat-thaton.org
ปฏิบัติธรรม (ตามข้อมูลที่ให้มา): 0 5345 9468, 0 7817 7522
 
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: วัดท่าตอน พระอารามหลวง อยู่ที่ไหน?
ตอบ: อยู่ที่บ้านท่าตอน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดบนเขาริมแม่น้ำกกที่มีจุดชมวิวมองเห็นชุมชนและแนวเทือกเขาโดยรอบ
 
ถาม: วัดท่าตอนมีทั้งหมดกี่ชั้น?
ตอบ: วัดท่าตอนมีพื้นที่เรียงเป็นชั้น ๆ รวม 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีศาสนสถานและจุดชมวิวให้แวะสักการะและพักใจตามจังหวะของการเดินทาง
 
ถาม: จุดเด่นที่คนขึ้นไปถึงแล้วไม่ควรพลาดคืออะไร?
ตอบ: จุดเด่นสำคัญคือพระเจดีย์แก้ว (พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์) และจุดชมวิวบนชั้นสูง ๆ ที่มองเห็นแม่น้ำกกคดเคี้ยว ทุ่งนา และชุมชนท่าตอนจากมุมสูง
 
ถาม: ความหมายของแก้ว 3 แบบในพระเจดีย์แก้วคืออะไร?
ตอบ: ตามคติที่เล่ากันในวัด แก้วสีเปรียบเหมือนปุถุชนที่ยังมีรักโลภโกรธหลง แก้วสะท้อนเงาเปรียบเหมือนนักปฏิบัติที่ดีขึ้นแต่ยังติดในความดี และแก้วใสเปรียบเหมือนผู้หลุดพ้นที่ไม่ยึดติดสิ่งใดแล้ว
 
ถาม: วัดท่าตอนมีโบราณวัตถุ/หลักฐานความเก่าแก่แบบไหน?
ตอบ: มีข้อมูลการพบพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์โบราณศิลปะล้านนา อายุราว 500–700 ปี และมีคำจารึกที่ฐานพระพุทธรูปบางองค์ ซึ่งทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดถูกสร้างมาแล้วช้านานหลายร้อยปี
 
ถาม: ถ้าต้องการไปปฏิบัติธรรมต้องทำอย่างไร?
ตอบ: หากสนใจเข้าร่วมการปฏิบัติธรรมแบบ Dynamic Vipassana Meditation Retreat ควรติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน โดยตามข้อมูลที่ให้มา รองรับรอบละประมาณ 15 คน และใช้เวลาอย่างน้อย 7 วันต่อรอบ โทร 0 5345 9468, 0 7817 7522 หรือช่องทางติดต่อวัด 053-459-309
 
ถาม: ช่วงเวลาไหนเหมาะกับการไปชมทะเลหมอกที่วัดท่าตอน?
ตอบ: โดยมากจะเหมาะในช่วงหน้าหนาวหรือเช้าตรู่ปลายฝนต้นหนาว ควรไปถึงเช้าหน่อยเพื่อได้เห็นหมอกบาง ๆ และแสงเช้าที่ทำให้วิวแม่น้ำกกและภูเขาดูละมุนที่สุด
 
ถาม: มีที่พักและร้านอาหารใกล้วัดไหม?
ตอบ: มีทั้งที่พักและร้านอาหารในย่านท่าตอนและบริเวณใกล้เคียง เช่น Thaton Hill Resort, Ariya Phu Ri Resort, Saranya River House และร้านอาหารอย่าง Thaton Riverview Restaurant โดยดูจากตารางสรุปจะมีระยะทางโดยประมาณและเบอร์โทรที่ยืนยันได้ให้แล้ว
แผนที่ วัดท่าตอน (เจดีย์แก้ว) แผนที่วัดท่าตอน (เจดีย์แก้ว)
คำค้นคำค้น: วัดท่าตอน (เจดีย์แก้ว)วัดท่าตอน วัดท่าตอน พระอารามหลวง วัดในเชียงใหม่ เที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวภาคเหนือ อำเภอแม่อาย ท่าตอน แม่น้ำกก พระเจดีย์แก้ว ปฏิบัติธรรมวัดท่าตอน
ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด: 6 ชั่วโมงที่แล้ว


แสดงความเห็น

แสดงความเห็น




คำค้น (ขั้นสูง)
   
Email :
  รหัสผ่าน :
  สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 

Facebook Fanpage Facebook Fanpage

 

ภูมิภาค ภูมิภาคhttps://www.lovethailand.org/

ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์(8)

แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(5)

พระราชวัง พระราชวัง(2)

ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(43)

พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์(24)

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ

พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา(2)

ไร่ สวนเพื่อการศึกษา ไร่ สวนเพื่อการศึกษา(5)

ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์ฝึกอบรม(1)

มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

วัด วัด(79/1269)

มัสยิด มัสยิด(2)

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(17)

โครงการในพระราชดำริ โครงการในพระราชดำริ

โครงการหลวง โครงการหลวง(44)

วิถีชีวิต วิถีชีวิต

หมู่บ้าน ชุมชน หมู่บ้าน ชุมชน(41)

ตลาดท้องถิ่น ตลาดท้องถิ่น(14)

ธรรมชาติ และสัตว์ป่า ธรรมชาติ และสัตว์ป่า

อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(16)

ดอย และภูเขา ดอย และภูเขา(21)

เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(26)

น้ำตก น้ำตก(43)

น้ำพุร้อน น้ำพุร้อน(13)

ถ้ำ ถ้ำ(11)

แม่น้ำลำคลอง แม่น้ำลำคลอง(6)

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(14)

บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(2)

แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์ แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์(3)

สนามกีฬา สนามกีฬา(1)

ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(19)

สวนน้ำ สวนน้ำ(2)

โรงละคร โรงละคร(1)

กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย(10)

ช้อปปิ้ง ช้อปปิ้ง

ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน(6)

ร้านอาหาร ร้านอาหาร

มิชลินสตาร์ มิชลินสตาร์(1)

มิชลิน ไกด์ มิชลิน ไกด์(23)

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว(1)

บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร

รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร(15)

เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(30)

ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(17)