วัดพระธาตุดอยคำ

Rating: 4.3/5 (6 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 06.00–18.00 น.
วัดพระธาตุดอยคำ วัดสำคัญในเชียงใหม่ที่คนท้องถิ่นนับถือมายาวนาน และเป็นอีกหนึ่งจุดหมาย “สายบุญ–สายมู” ที่นักท่องเที่ยวมักแวะขึ้นไปกราบสักการะขอพร โดยวัดตั้งอยู่ในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อยู่บนเนินเขาทางฝั่งตะวันตกของเมือง เดินทางไปได้ตามเส้นทางเลียบคลองชลประทาน ก่อนจะเห็นป้ายบอกให้ข้ามคลองไปทางตำบลแม่เหียะ แล้วจึงพบทางขึ้นเขาไปยังพระธาตุดอยคำ
การเดินทาง ถ้าเริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่หรือคูเมือง ให้ขับมุ่งหน้าทางโซนแม่เหียะ–หางดง แล้วเลือกเส้นเลียบคลองชลประทานตามที่นิยมกัน เพราะขับสบายและมีป้ายบอกทางต่อเนื่อง ช่วงท้ายจะเป็นทางไต่เนินขึ้นเขา ค่อนข้างคดโค้งเล็กน้อย ควรใช้ความเร็วพอดี โดยทั่วไปสามารถขับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปถึงลานจอดรถด้านบนได้ (วันที่คนเยอะอย่างวันหยุดหรือช่วงเทศกาล แนะนำไปเช้าเพื่อเลี่ยงรถติดบนทางขึ้น) หากไม่สะดวกขับเอง สามารถใช้บริการรถรับจ้าง/แท็กซี่/แอปรถ หรือเช่ารถพร้อมคนขับก็สะดวก เพราะจุดหมายอยู่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก
เสน่ห์ของการขึ้นดอยคำไม่ใช่แค่ “ไปไหว้พระ” แต่คือบรรยากาศของวัดบนเนินเขาที่มองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้ไกลในบางช่วงอากาศ ยิ่งเช้าตรู่หรือเย็นใกล้พระอาทิตย์ตก ความรู้สึกจะต่างไปเลย ลมบนดอยพาให้ใจนิ่งขึ้นแบบไม่ต้องพยายามมาก วัดจึงกลายเป็นพื้นที่พักใจของหลายคน ทั้งคนในพื้นที่และคนที่ตั้งใจเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่
ในแง่ “สถาปัตยกรรม” ภาพรวมของวัดสะท้อนกลิ่นอายล้านนาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ผังพื้นที่ที่ไล่ระดับตามไหล่เขา ไปจนถึงองค์ประกอบสำคัญอย่างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ/พระเกศาธาตุ และวิหารที่เป็นศูนย์รวมศรัทธา พื้นที่หลายจุดถูกจัดเป็นลานชมวิวและลานกิจกรรม ทำให้วัดไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัด แม้จะมีผู้คนขึ้นมามากในบางวัน การเดินภายในวัดจึงเหมือนได้ “ค่อย ๆ ไต่ระดับความสงบ” ไปพร้อมกับระดับความสูงของภูเขา
ตามประวัติ เมื่อ พ.ศ. 2509 วัดดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมากรุแตกชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ พระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการะบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตา ก่อนที่จะลงจอดที่สนามบิน
ส่วน “ตำนาน” ของพระธาตุดอยคำ เริ่มขึ้นเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ 50 ปีเศษ พระองค์ได้นำพระภิกษุอรหันต์พร้อมด้วยพระอินทร์มุ่งหน้าขึ้นสู่ทิศเหนือผ่านเมืองบุรพนคร และได้พักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันนี้เป็นสถานที่ตั้งของวัดเจดีย์เหลี่ยม จากนั้นเสด็จต่อไปถึงดอยคำซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ณ ที่นั้น ทรงพบว่ามียักษ์ 3 ตน พ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่และยังชีพด้วยเนื้อมนุษย์หรือเนื้อสัตว์ตลอดมา
ทันทีที่พวกยักษ์เห็นพระพุทธองค์พร้อมด้วยเหล่าสาวก ก็หมายจะจับกินเป็นอาหารดังเช่นเคย แต่พระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาห้ามจิตกิเลสของพวกเขาให้อ่อนลง จนต้องเข้ามากราบพระองค์ด้วยความยำเกรง เนื่องจากยักษ์ผู้เป็นผัวนามว่า จิคำ และผู้เป็นเมียชื่อว่า ตาเขียว ไม่สามารถจะรักษาศีล 5 ได้ตลอด
จึงได้ขออนุญาตพระพุทธเจ้ากินเนื้อมนุษย์ปีละ 2 หน โดยเมื่อพระองค์ไม่อนุญาตจึงขอเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์ ซึ่งพระองค์ก็เลี่ยงให้ไปขอเจ้าผู้ครองนครเอง ซึ่งท่านเจ้าเมืองก็ยินยอม ดังนั้น พิธีฆ่าควายเผือกเขาเพียงหูให้ปู่แสะขึ้นที่บริเวณวัดฝายหิน เชิงดอยสุเทพ และได้มีการจัดพิธีฆ่าควายดำเขาเพียงหูให้ย่าแสะที่เชิงดอยคำ จนถึงปัจจุบันนี้ โดยภายหลังเมื่อลูกยักษ์ขอบวช พระพุทธเจ้าจึงแสดงธรรมให้ฟังพร้อมกับประทานพระเกศธาตุ ซึ่งยักษ์ทั้งสองจึงนำพระธาตุบรรจุไว้อย่างดีในผอบแก้วมรกต
จากนั้นได้เกิดศุภนิมิตขึ้น คือมีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน แล้วเม็ดฝนได้กลายเป็นทองคำไหลเข้าสู่ถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาเรียกชื่อกันว่า ถ้ำคำ โดยพระพุทธองค์จึงได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ แท่นศิลาซึ่งอยู่ระหว่างหมู่ไม้พยอมทางทิศตะวันออกของดอยคำ โดยต่อมาแท่งศิลานั้นได้จมหายลงไปในแผ่นดิน
ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าในถ้ำดอยคำมีเพชรนิลจินดาอยู่มากมาย และแต่เดิมชาวเมืองสามารถยืมไปใช้ในการกุศลได้ แต่ภายหลังเมื่อมีผู้ทุศีลยืมไปแล้วไม่คืน เทพยดาจึงบันดาลให้มีหินก้อนใหญ่ปิดปากถ้ำไว้เสีย (ปัจจุบันปากถ้ำถูกปิดตาย เพราะมีหินถล่มลงมาปิดทางเข้าออกจนมิด)
ตามตำนานนั้นยังได้กล่าวถึงการริเริ่มก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุดังต่อไปนี้ว่า “ภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ลูกยักษ์บวชเป็นพระฤาษีนามว่า วาสุเทพฤาษีแล้ว ซึ่งฤาษีตนนี้ได้ไปตั้งอาศรมอยู่หลังดอยสุเทพ โดยตัวปู่แสะอาศัยอยู่บริเวณวัดฝายหิน และตัวย่าแสะได้อยู่รักษาถ้ำดอยคำไว้ แต่หลังจากที่ปู่แสะและย่าแสะได้ตายไป วาสุเทพฤาษีจึงเป็นผู้ดูแลถ้ำดอยคำพร้อมกับพระบรมธาตุสืบต่อมา
จนกระทั่งปี พ.ศ. 1176 เกิดเหตุการณ์วาสุเทพฤาษีองค์ที่ 8 ได้ทารกเพศหญิงซึ่งมีลักษณะของผู้มีบุญญาธิการมาเลี้ยงไว้ 1 คน จึงได้ตั้งชื่อว่า วี เมื่อ นางเติบโตขึ้นเป็นพระแม่เจ้าผู้มีสิริโฉมงดงามกว่าหญิงใด โดยนางยังได้ครองนครหริภุญชัย (เมืองลำพูน) อีกด้วย เมื่อวาสุเทพฤาษีสิ้นชีพไปแล้ว นางจึงรับภาระการรักษาดูแลพระบรมธาตุและถ้ำดอยคำสืบต่อมา
จากนั้นราวปี พ.ศ. 1230 (จ.ศ. 49) พระนางจามเทวี นั้นได้รับสั่งให้พระโอรสทั้งสองของพระองค์ ทรงพระนามว่าเจ้ามหันตยศและเจ้าอนันตยศ ได้สร้างเจดีย์องค์เล็กขึ้นที่ดอยคำ แล้วอัญเชิญผอบแก้วซึ่งบรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธองค์ประดิษฐานไว้ในสถูปเจดีย์องค์นั้น โดยหลังจากนั้นพระนางทรงอธิษฐานว่าหากยังไม่ถึงเวลาที่พระธาตุองค์นี้จะรุ่งเรือง โดยผู้มีบุญญาธิการดังที่พระพุทธองค์ทรงทำนายไว้ (คือ 2500 ปี หลังจากที่พระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว) ขออย่าได้มีผู้ใดมาสร้างวัดวาอาราม หรือเข้ามาอยู่อาศัยในสถานที่แห่งนี้ได้
เพราะทรัพย์สินสิ่งของโบราณต่าง ๆ จะสูญสลายไปก่อนเวลาอันสมควร อาจเป็นเพราะแรงอธิษฐานนั้นก็เป็นได้ที่ทำให้ไม่ว่าเมื่อใดมีผู้สร้างอารามขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ ภายหลังจะต้องกลายเป็นอารามร้างและถูกรื้อถอนอยู่เช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งในปี 2509 องค์เจดีย์ได้ล้มลง จึงได้ขุดรื้อองค์พระธาตุ พบว่ามีพระเครื่องและของโบราณจำนวนมาก นอกจากนั้นที่ใต้เจดีย์พบว่ามีปล่องลึกลงไปที่มองไม่เห็นก้นหลุม แต่ปรากฎว่ามีอาการเคลื่อนไหวอยู่ที่ก้นหลุมและมีมูลดินถูกดันขึ้นมาเหมือนกับว่ามีสัตว์ขนาดใหญ่ดันอยู่ข้างใต้ ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากการลงอาถรรพ์บริเวณที่มีสมบัติเพื่อป้องกันการรบกวน
จึงทำการปิดปากหลุมหนาประมาณ 1 ศอก พร้อมกับสร้างเจดีย์ใหม่ครอบไว้ พระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (องค์ปัจจุบัน) เจริญพรว่า ด้วยวัดพระธาตุดอยคำเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของล้านนาไทย จึงมีพระเจดีย์เป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า มีอายุกว่าพันปี โดยมีพุทธบริษัทนักศีลนักบุญเดินทางขึ้นไปนมัสการมิได้ขาด
ทางวัดพระธาตุดอยคำและคณะศรัทธากรรมการจึงได้จัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุขึ้นทุกปีมิได้ขาด โดยถือเอาวันแรม 8 ค่ำ หลังวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันอัฏฐมีบูชาเป็นวันสรงน้ำพระธาตุ และในงานนี้ทางวัดได้จัดพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระนางเจ้าจามเทวีซึ่งได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 และพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารร่วมด้วย
ถ้ามองแบบนักท่องเที่ยว วัดนี้เหมาะทั้ง “มาไหว้” และ “มาชม” เพราะมีทั้งตำนานเก่าแก่ที่ผูกโยงกับภูมิทัศน์ของเชียงใหม่ และมีมุมมองเมืองในแบบที่ไม่ต้องปีนดอยไกลเหมือนบางที่ บรรยากาศวัดในวันที่อากาศดีจะโปร่ง โล่ง และทำให้การเดินช้า ๆ มีความหมายขึ้นมาเองแบบไม่ต้องพยายามทำให้เป็นโมเมนต์
| ชื่อสถานที่ | วัดพระธาตุดอยคำ (วัดสุวรรณบรรพต) |
| ที่ตั้ง | ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ |
| ลักษณะเด่น | วัดบนเนินเขา กลิ่นอายล้านนา มีเจดีย์บรรจุพระธาตุ พื้นที่ลานชมวิว และเป็นจุดศรัทธาสำคัญของคนเชียงใหม่ |
| ยุค/สมัย | ล้านนา (ตำนานเกี่ยวโยงกับหริภุญชัย–พระนางจามเทวี) และมีการบูรณะ/สร้างครอบใหม่ภายหลัง |
| หลักฐาน/สิ่งสำคัญ | พบโบราณวัตถุและพระเครื่องหลายชิ้นในปี พ.ศ. 2509 เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) และเจดีย์บรรจุพระเกศธาตุ (ตามตำนานที่เล่าในพื้นที่) |
| ที่มาของชื่อ | เชื่อมโยงกับ “ดอยคำ” และ “ถ้ำคำ” ในตำนาน (ฝนกลายเป็นทองคำไหลเข้าสู่ถ้ำ) |
| การเดินทาง | นิยมขับรถตามเส้นเลียบคลองชลประทานมาทางแม่เหียะ แล้วเลี้ยวเข้าทางขึ้นเขาตามป้าย “วัดพระธาตุดอยคำ” ช่วงท้ายเป็นทางโค้งขึ้นเนิน ควรขับด้วยความระมัดระวัง มีลานจอดรถด้านบน |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน (เวลาโดยทั่วไป 06.00–18.00 น.) และมีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุประจำปี |
| เบอร์ติดต่อ | 053-263-001 |
| ประเพณี/พิธีกรรมประจำ | ประเพณีสรงน้ำพระธาตุ (วันแรม 8 ค่ำ หลังวันวิสาขบูชา หรือวันอัฏฐมีบูชา) พร้อมพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี และตักบาตรข้าวสาร |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | ลานจอดรถ, จุดพัก/ลานชมวิว, พื้นที่สำหรับทำบุญและสักการะ (รายละเอียดอื่นขึ้นกับช่วงเวลาและการจัดระเบียบของวัด) |
| ค่าใช้จ่าย | ไม่มีข้อมูลยืนยันเรื่องค่าธรรมเนียมเข้าชม (โดยทั่วไปวัดเข้าชมได้ แต่การทำบุญเป็นตามศรัทธา) |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง (พร้อมระยะทาง) | อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (ประมาณ 2–4 กม.) เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (ประมาณ 4–7 กม.) วัดอุโมงค์ (ประมาณ 6–9 กม.) ถนนนิมมานเหมินท์ (ประมาณ 10–14 กม.) วัดพระธาตุดอยสุเทพ (ประมาณ 12–18 กม.) |
| ร้านอาหารยอดนิยมใกล้เคียง (พร้อมระยะทาง/เบอร์โทร) | CHAMCHA AT DOI KHAM (เลยปากทางวัดประมาณ 1.5 กม.) โทร 083-473-9494 บ้านสวนกาแฟ (จากทางเข้าวัดขับประมาณ 5 นาที) โทร 084-821-7357 Praw & Plean Green House (โซนหลังวัดดอยคำ) โทร 081-992-7439 Ozark By Food4 Thought (หลังวัดดอยคำ) โทร 089-757-3952 บ้านสวนดอยคำ (ใช้เส้นทางหลังวัดพระธาตุดอยคำประมาณ 2–3 กม.) โทร 053-106-057 |
| ที่พักยอดนิยมใกล้เคียง (พร้อมระยะทาง/เบอร์โทร) | Ratchapruek Lanna Boutique (ขับประมาณ 5 นาที) โทร 053-114-006, 094-706-3335 North Hill City Resort (โซนหางดง) โทร 053-333-111, 093-131-0277 Veranda High Resort Chiang Mai – MGallery (โซนหางดง) โทร 053-365-007, 062-398-6899 Baan U Sabai Boutique House (โซนสนามบินเชียงใหม่) โทร 095-463-2366 Noble Place Chiang Mai (โซนสนามบินเชียงใหม่) โทร 053-284-999, 087-187-0099 |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: วัดพระธาตุดอยคำ เปิดกี่โมง?
ตอบ: โดยทั่วไปเปิดให้ขึ้นไปสักการะได้ทุกวัน ช่วงเวลาที่นิยมอ้างอิงคือ 06.00–18.00 น. (หากไปช่วงเทศกาลคนอาจเยอะ แนะนำไปเช้า)
ถาม: วัดพระธาตุดอยคำ เดินทางไปอย่างไร?
ตอบ: ขับรถตามเส้นเลียบคลองชลประทานมาทางแม่เหียะ แล้วตามป้ายขึ้นดอยคำ ช่วงท้ายเป็นทางโค้งขึ้นเนิน ควรขับระวัง และสามารถจอดรถด้านบนก่อนเดินเข้าส่วนสำคัญของวัด
ถาม: วัดพระธาตุดอยคำ มีสถาปัตยกรรมเด่นอะไรบ้าง?
ตอบ: จุดเด่นคือผังวัดที่ไล่ระดับตามไหล่เขา เจดีย์บรรจุพระธาตุ/พระเกศธาตุ และวิหารที่ให้บรรยากาศล้านนา พร้อมลานชมวิวที่ทำให้วัด “เปิด” และเดินสบาย
ถาม: ประเพณีสรงน้ำพระธาตุของวัดพระธาตุดอยคำ จัดวันไหน?
ตอบ: ทางวัดจัดงานสรงน้ำพระธาตุเป็นประจำทุกปี โดยยึดวันแรม 8 ค่ำ หลังวันวิสาขบูชา (วันอัฏฐมีบูชา) และมักมีพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี รวมถึงทำบุญตักบาตรข้าวสารร่วมด้วย
ถาม: ถ้าจะไปเที่ยว ควรเผื่อเวลาแค่ไหน?
ตอบ: ถ้าเน้นไหว้พระ–เดินชมบรรยากาศ–ถ่ายรูปแบบไม่รีบ ประมาณ 1–2 ชั่วโมงกำลังพอดี แต่ถ้าไปช่วงคนเยอะควรเผื่อเวลาเพิ่มสำหรับการขึ้นดอยและหาที่จอดรถ
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: