พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา

พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา

พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา
Rating: 4.3/5 (11 votes)
แผนที่ แผนที่ แผนที่ มีแผนที่ มีแผนที่ ไม่มีแผนที่ ไม่มีแผนที่

สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

วันเปิดทำการ: วันอังคาร–วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เวลาเปิดทำการ: 08.30–16.30 น.
 
พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ทำให้ผู้มาเยือนได้ลองชะลอจังหวะชีวิต แล้วปล่อยให้สายลม กลิ่นไม้เก่า และเงาเรือนที่ทอดตัวอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ค่อย ๆ เปิดบทสนทนาระหว่างอดีตกับปัจจุบันอย่างเงียบ ๆ พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนห้วยแก้ว ใกล้สี่แยกตลาดต้นพยอม และอยู่ติดถนนเลียบคลองชลประทาน ซึ่งเป็นแนวเส้นทางที่ทอดยาวไปกอดสนามกีฬามหาวิทยาลัยเชียงใหม่และพื้นที่สีเขียวที่ผู้คนในเมืองมักแวะมาพักหายใจจากความวุ่นวาย ตัวพิพิธภัณฑ์อยู่ในสังกัดสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาผืนวัฒนธรรมล้านนาให้ยังคงมีตัวตนชัดเจนท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ที่กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ใช่เพียงสถานที่จัดแสดงเรือนไม้เก่า แต่เป็นเหมือนพื้นที่รวม “ลมหายใจของเรือนล้านนา” ที่ถูกถนอมและยกมาต่อชีวิตใหม่ในบริบทปัจจุบัน เพื่อให้เรามองเห็นความหมายของการอยู่อาศัยและภูมิปัญญาของผู้คนในอดีตได้อย่างใกล้ชิด
 
เมื่อเดินเข้าสู่พื้นที่พิพิธภัณฑ์ ความประทับใจแรกไม่ใช่เรือนหลังใดหลังหนึ่ง แต่เป็นภาพรวมของความสงบนิ่งที่รายล้อม ซึ่งเกิดจากการจัดวางเรือนแต่ละหลังตามความสัมพันธ์ของรูปแบบดั้งเดิม ราวกับตั้งใจให้ผู้มาเยือนไม่ได้เพียง “ชม” แต่ได้ “เดินผ่าน” บทสนทนาระหว่างเรือนแต่ละหลังที่มีพื้นเพมาจากต่างถิ่น ต่างยุค ต่างเรื่องราว แต่กลับลงตัวเมื่อมาอยู่ร่วมกันในที่เดียว พื้นที่นี้ก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดการรวบรวมเรือนโบราณที่กำลังจะสูญหายจากกระแสการเปลี่ยนแปลงของชุมชนล้านนา ไม่ว่าจะเป็นการย้ายถิ่นฐาน การออกขายที่ดิน หรือการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทำให้เรือนไม้ทรงดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์เจ้าของบ้านรุ่นใหม่อีกต่อไป สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงเข้ามามีบทบาทในการรับบริจาคหรือซื้อเรือนเหล่านี้ แล้วทำการถอดชิ้นส่วนอย่างละเอียดเพื่อนำมาประกอบใหม่ในพิพิธภัณฑ์ การย้ายเรือนจึงไม่ใช่เพียงกระบวนการทางกายภาพ แต่เป็นความพยายามรักษาความทรงจำร่วมของล้านนา เพื่อให้อนุรักษ์ได้ทั้งสถาปัตยกรรม ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตที่เรือนแต่ละหลังเคยโอบอุ้มเอาไว้
 
กลุ่มเรือนโบราณที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์นี้ประกอบด้วยเรือนจำนวนหลายหลังซึ่งล้วนมี “เสียง” ของตัวเองที่เล่าเรื่องอดีตในแบบแตกต่างกัน เริ่มจากเรือนไทยลื้อของหม่อนตุด ซึ่งสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2460 เดิมตั้งอยู่ที่บ้านเมืองลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด เรือนลื้อสะท้อนเอกลักษณ์ของกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะตัว ตัวเรือนทำจากไม้ทั้งหลัง ยกพื้นขึ้นสูงพอรับลมได้ดี โครงสร้างเรียบง่ายแต่มั่นคง การจัดพื้นที่ใช้สอยบ่งบอกวิถีชีวิตที่ผูกพันกับชุมชนและงานหัตถกรรมดั้งเดิม เมื่อมายืนบนชานเรือนต่อหน้าไม้ที่มีร่องรอยกาลเวลา ตัวเรือนเหมือนกำลังเล่าเรื่องครอบครัวชาวลื้อที่เคยอาศัยอยู่ เคยทอผ้า เคยประกอบพิธีกรรมภายในพื้นที่เดียวกันมาอย่างยาวนาน
 
อีกหนึ่งหลังที่แตกต่างจากเรือนไม้แบบดั้งเดิมอย่างชัดเจนคือเรือนลุงคิว ซึ่งถือเป็นอาคารแบบโคโลเนียลที่สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2465 และปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำนักงานของสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม รูปทรงอาคารสะท้อนอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาผสมผสานกับการก่อสร้างท้องถิ่นเชียงใหม่ในยุคนั้น ตัวอาคารมีขนาดใหญ่ โปร่ง ใช้ช่องแสงและระเบียงช่วยระบายอากาศ โครงสร้างโดยรวมต่างจากเรือนล้านนาทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด สถาปนิกผู้สร้างคือหม่องตัน และเจ้าของเดิมคือนายอาเธอร์ ไลออนแนล เคอริเปล์ ทำให้เรือนหลังนี้กลายเป็นหลักฐานของช่วงเวลาที่เชียงใหม่เริ่มเปิดรับวัฒนธรรมภายนอกมากขึ้น ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้คน
 
หนึ่งในเรือนที่เรียกรอยยิ้มเบา ๆ จากผู้มาเยือนได้เสมอคือเรือนกาแลของอุ๊ยผัด เรือนกาแลเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ชัดเจนของล้านนาที่สะท้อนผ่านไม้กาแลซึ่งประดับบนยอดจั่ว แต่เรือนของอุ๊ยผัดถือว่าเป็นเรือนกาแลขนาดเล็ก มีความยาวเพียงสามช่วงเสา และแต่ละช่วงเสาก็สั้นกว่าเรือนกาแลทั่วไป จุดที่น่าสนใจมากคือ “หำยนต์” ซึ่งติดอยู่ด้านบนของประตูห้องนอน ทำหน้าที่เป็นยันต์คุ้มครองตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนา เชื่อว่าช่วยป้องกันอันตรายและพลังไม่ดีจากภายนอกไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามายังพื้นที่ส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย เรือนกาแลของอุ๊ยผัดสร้างราวปี พ.ศ. 2460 เดิมตั้งอยู่ที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ การได้เห็นหำยนต์และโครงสร้างเรือนที่ยังคงสภาพดั้งเดิมอยู่ ทำให้เรือนหลังนี้มีชีวิตชีวาเกินกว่าจะเป็นเพียงวัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
 
เรือนพื้นบ้านล้านนาอุ๊ยแก้วเป็นอีกหลังที่ช่วยอธิบายพัฒนาการของเรือนล้านนาในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างดี เดิมตั้งอยู่ที่บ้านสันต๊กโต หรือย่านสันติธรรมในปัจจุบัน ซึ่งกลายเป็นเขตเมืองที่ค่อนข้างคึกคัก ตัวเรือนเดิมเป็นของอุ๊ยอิ่นและอุ๊ยแก้ว ธาระปัญญา ลักษณะเรือนยังคงรูปแบบบ้านชนบทแบบดั้งเดิม ทั้งใต้ถุนใช้งาน พื้นที่พักผ่อน และพื้นที่ทำครัว แต่เริ่มนำฝาและประตูหน้าต่างแบบใหม่เข้ามาใช้มากขึ้น สะท้อนให้เห็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่วิถีชีวิตชนบทเริ่มผสานกับความเป็นเมืองและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยยังไม่ตัดขาดจากรากเหง้าดั้งเดิมของตนเอง
 
เรือนกาแลของพญาวงศ์เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูงขนาดกลางที่ดูสง่างามและทรงพลัง เดิมตั้งอยู่ที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2440 และถูกสืบทอดต่อกันมาราวสามชั่วรุ่น ก่อนจะถูกย้ายไปปลูกในวัดสุวรรณเจดีย์ จังหวัดลำพูน แล้วจึงถูกย้ายอีกครั้งมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ลักษณะหลังคาทรงหน้าจั่ว ใต้ถุนสูง และการใช้ไม้เนื้อแข็งทำให้เรือนดูมั่นคงแข็งแรง เป็นภาพสะท้อนของฐานะและบทบาททางสังคมของเจ้าของบ้านในอดีต เรือนหลังนี้จึงไม่ได้เล่าเพียงเรื่องของครอบครัวเดียว แต่เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด และชุมชนในยุคล้านนาตอนปลายด้วย
 
เรือนชาวเวียงเชียงใหม่ของพญาปงลังกาเป็นเรือนไม้ขนาดกลางที่เดิมตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2439 ลักษณะเรือนประกอบด้วยสองหลังที่เชื่อมพื้นร่วมกัน หลังคาทรงจั่วสองชุดเหลื่อมกัน โดยมีรางน้ำไม้ที่เรียกว่า “ฮ่องลิน” เชื่อมระหว่างชายคาทั้งสองด้าน ด้านตะวันตกใช้เป็นเรือนนอนโล่งกว้าง ส่วนด้านตะวันออกเป็นเรือนครัว การจัดวางลักษณะนี้ช่วยให้การใช้งานภายในบ้านเป็นสัดส่วนแยกพื้นที่อยู่อาศัยกับพื้นที่ประกอบอาหาร แต่ยังอยู่ในผืนหลังคาเดียวกัน ใต้ถุนสูงใช้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ ทั้งนั่งทำงาน เก็บของ และพักผ่อนในช่วงกลางวัน ทำให้เรือนหลังนี้สะท้อนวิถีชีวิตของชาวเวียงเชียงใหม่ที่ผสานความเป็นเมืองกับความเรียบง่ายของชนบทได้อย่างลงตัว
 
เรือนทรงปั้นหยาอนุสารสุนทรเป็นหนึ่งในเรือนที่ดูสง่างามและพิถีพิถันที่สุดในพิพิธภัณฑ์ ด้วยโครงสร้างไม้สองชั้นและหลังคาทรงปั้นหยาที่เหลื่อมซ้อนกันอย่างประณีต ผสมผสานกับหลังคาทรงจั่วซึ่งเป็นมุขยื่นด้านหน้าตัวเรือน หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาหรือที่เรียกกันว่า “ดินขอ” ชั้นบนของเรือนมีระเบียงทางเดินยาวจากด้านหน้าห้องโถงไปจนถึงด้านหลัง ทำให้เกิดพื้นที่กึ่งในกึ่งนอกที่รับลมได้ดี ภายในห้องโถงมีบันไดไม้ทอดลงสู่ชั้นล่างอย่างนุ่มนวล บ้านหลังนี้สร้างโดยหลวงอนุสารสุนทรและนางคำเที่ยง ชุติมา มอบให้บุตรชายคือนายแพทย์ยงค์ ชุติมา เมื่อราว พ.ศ. 2467 เดิมตั้งอยู่บริเวณตลาดอนุสารสุนทรในตัวเมืองเชียงใหม่ การได้เห็นเรือนหลังนี้ในบริบทพิพิธภัณฑ์จึงเหมือนการมองย้อนกลับไปยังยุคที่เชียงใหม่เริ่มเติบโตเป็นเมืองการค้าและเมืองท่องเที่ยวในปัจจุบัน
 
องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจขาดไปจากเรือนล้านนาคือยุ้งข้าวหรือหลองข้าว ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวใจของครอบครัวเกษตรกร ยุ้งข้าวที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เป็นยุ้งข้าวของเรือนพญาวงศ์ ลักษณะเป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง มีระเบียงโดยรอบ หลังคาลาดต่ำคลุมตัวเรือนทั้งหมดเพื่อป้องกันฝนและความชื้น ภายในใช้เก็บข้าวเปลือกไว้เป็นเสบียงกินได้ตลอดปี การได้เห็นยุ้งข้าวของจริงพร้อมโครงสร้างเสา คาน และระบบระบายอากาศของอาคาร ทำให้ผู้มาเยือนเข้าใจได้ทันทีว่าข้าวไม่ได้เป็นเพียงพืชผลทางเศรษฐกิจ แต่เป็นแกนกลางของวิถีชีวิตคนล้านนาทั้งครอบครัวและชุมชน
 
เมื่อมองเรือนทั้งหมดรวมกัน เราจะเห็นวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรมล้านนาผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ ทั้งเรือนของชาวไทลื้อที่สะท้อนอัตลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์ เรือนกาแลที่บ่งบอกศิลปกรรมประจำถิ่น เรือนชาวเวียงที่สะท้อนวิถีชีวิตคนเมือง และเรือนปั้นหยาที่บอกความก้าวหน้าทางสังคมกับการรับอิทธิพลภายนอก ความงามของเรือนเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความสมบูรณ์ไร้ตำหนิ แต่เกิดจากร่องรอยแตกร้าวของไม้ รอยถาก รอยตอกตะปู และคราบเวลา ทุกอย่างล้วนเป็น “หลักฐานชีวิต” ที่ติดตัวเรือนมาก่อนจะถูกนำมาประกอบใหม่ในพิพิธภัณฑ์ ผู้มาเยือนจึงไม่รู้สึกเหมือนกำลังชมแบบจำลอง แต่รู้สึกเหมือนได้เข้าไปยืนอยู่ในบ้านที่เคยมีคนอยู่อาศัยจริง
 
ประสบการณ์การเดินชมพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนานั้นชวนให้เราช้าลงอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเดินผ่านใต้ถุนเรือน เราอาจนึกถึงภาพเจ้าของบ้านที่นั่งจักสาน ทำครัว หรือจัดข้าวของในวันฝนพรำ เมื่อเดินผ่านเรือนนอน เราอาจนึกภาพแสงตะเกียงส่องผ่านฝาไม้ที่มีช่องว่างเล็ก ๆ พาให้อากาศเย็นไหลผ่านอย่างนุ่มนวล กลิ่นไม้เก่าที่ตากแดดและลมมานานหลายสิบปีให้ความรู้สึกเหมือนเวลาถูกพับเก็บไว้ในแต่ละชั้นของเนื้อไม้ ทุกครั้งที่ลูบพื้นหรือเสาเรือน เราเหมือนกำลังแตะความทรงจำของผู้คนที่เคยเดินผ่านพื้นที่เดียวกันนี้มาก่อนนับไม่ถ้วน
 
นอกจากการจัดแสดงเรือนแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญของทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักวิจัยด้านวัฒนธรรม ผู้เรียนด้านสถาปัตยกรรม ไปจนถึงผู้สนใจงานอนุรักษ์เรือนไม้ ผู้คนหลากหลายมาศึกษาวิธีประกอบเรือน เทคนิคงานไม้ดั้งเดิม การวางผังบ้าน และความเชื่อเกี่ยวกับการอยู่อาศัย เช่น การเลือกทิศของเรือนเพื่อรับลมเย็น การวางพื้นที่ครัวให้สัมพันธ์กับแหล่งน้ำหรือพื้นที่ซักล้าง รวมถึงพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปลูกเรือนใหม่ หลายครั้งพิพิธภัณฑ์ยังจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ เช่น การสาธิตงานหัตถกรรม การบรรยายเรื่องภูมิปัญญาล้านนา และการเดินนำชมเชิงลึก ทำให้ผู้มาเยือนได้รับทั้งประสบการณ์ทางสายตาและองค์ความรู้ควบคู่กัน
 
การเดินทาง ไปยังพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา ทำได้ไม่ยากเพราะตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ริมถนนห้วยแก้ว หากใช้รถส่วนตัวสามารถขับตามถนนห้วยแก้วจากตัวเมืองมุ่งหน้ามาทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านสี่แยกภูคำแล้วตรงต่อมาทางตลาดต้นพยอม จากนั้นสังเกตป้ายสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและเลี้ยวเข้ามาตามทางเข้าสู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ได้เลย ภายในมีพื้นที่จอดรถให้ใช้บริการ ส่วนผู้ที่เดินทางโดยรถสองแถวสีแดงสามารถบอกคนขับว่าลงหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือหน้าตลาดต้นพยอม แล้วเดินต่อเข้ามายังสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมได้สะดวก ระยะทางจากย่านคูเมืองเก่าและถนนนิมมานเหมินทร์มายังพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างใกล้ ทำให้สามารถจัดทริปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ควบคู่กับการแวะวัดหรือคาเฟ่ในย่านเดียวกันได้อย่างลงตัว
 
ในด้านเวลาเปิดทำการ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาเปิดให้เข้าชมวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปคนละ 100 บาท ส่วนกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป บุคลากรทางการศึกษา พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักบวชในศาสนาต่าง ๆ ผู้พิการ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ผู้เข้าชมควรเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรนักศึกษาเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีที่ต้องการใช้สิทธิ์ยกเว้นค่าเข้าชม หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือประสานงานเรื่องเข้าชมเป็นหมู่คณะ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 5394 3626 ซึ่งเป็นหมายเลขของพิพิธภัณฑ์ที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปัจจุบัน
 
ท่ามกลางความคึกคักของเชียงใหม่ยุคปัจจุบัน พื้นที่ของพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาจึงทำหน้าที่เป็น “เขตสงบ” ที่อนุญาตให้ผู้มาเยือนค่อย ๆ รับรู้รากเหง้าของผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้ ผ่านสถาปัตยกรรมที่ยังคงยืนหยัดแม้จะผ่านมาเกินร้อยปี การได้มาเดินชมเรือนไม้เก่าไม่ใช่เพียงการชมของสวยงาม แต่เป็นการเรียนรู้ว่าชีวิตของผู้คนในอดีตเต็มไปด้วยระบบคิด ความสัมพันธ์กับธรรมชาติ และศิลปะที่ถ่ายทอดผ่านการสร้างบ้านทุกหลัง บ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นภาพสะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้าน และเป็นบทหนึ่งของประวัติศาสตร์ล้านนาที่ควรให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสจริง เมื่อเดินออกจากพิพิธภัณฑ์และมองย้อนกลับไปยังเรือนที่ตั้งตัวนิ่งอยู่อย่างสง่างาม เราอาจรู้สึกได้ว่าความทรงจำของผู้คนในอดีตยังคงปะทะสายลมอยู่ตรงนั้น ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ถูกส่งต่อให้ผู้มาเยือนรับช่วงต่อผ่านการมองเห็น การเดินผ่าน และการรับรู้คุณค่าของ “บ้าน” ในความหมายที่ลึกกว่าคำว่าอาคาร
 
ชื่อสถานที่ พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา (Lanna Traditional House Museum, CMU)
ที่ตั้ง ภายในสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลขที่ 239 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200 ใกล้สี่แยกตลาดต้นพยอม และถนนเลียบคลองชลประทาน
ลักษณะสำคัญ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งจัดแสดงเรือนโบราณล้านนาและยุ้งข้าวหลายหลังที่ถูกรื้อย้ายมาจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ แสดงให้เห็นรูปแบบเรือนลื้อ เรือนกาแล เรือนชาวเวียงเชียงใหม่ เรือนพื้นบ้านล้านนา และเรือนทรงปั้นหยาของคหบดี ภายในสภาพแวดล้อมร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ เหมาะแก่การศึกษาเรื่องสถาปัตยกรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชนล้านนา
สมัย / ยุค เรือนที่จัดแสดงสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอายุราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ประมาณ พ.ศ. 2439–หลัง พ.ศ. 2488) สะท้อนพัฒนาการของเรือนล้านนาจากสังคมเกษตรดั้งเดิมสู่ยุคที่เริ่มรับอิทธิพลสถาปัตยกรรมตะวันตก
หลักฐานสำคัญ เรือนไทยลื้อ (หม่อนตุด) จากบ้านเมืองลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด, เรือนกาแล (อุ๊ยผัด) จากอำเภอจอมทอง, เรือนพื้นบ้านล้านนาอุ๊ยแก้วจากบ้านสันต๊กโต, เรือนกาแล (พญาวงศ์) จากอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน, เรือนชาวเวียงเชียงใหม่ (พญาปงลังกา) จากในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่, เรือนทรงปั้นหยา (อนุสารสุนทร) จากย่านตลาดอนุสารสุนทร และยุ้งข้าวหรือหลองข้าวที่รื้อย้ายมาจากชุมชนดั้งเดิมในภาคเหนือ
ที่มาของชื่อ ใช้ชื่อ “พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา” เพื่อสะท้อนภารกิจหลักในการรวบรวม อนุรักษ์ และจัดแสดงเรือนโบราณล้านนาจากพื้นที่ต่าง ๆ ให้ประชาชนทั่วไปและนักวิชาการได้ศึกษาเรียนรู้เรื่องรูปแบบเรือน วัสดุ งานช่าง และวิถีชีวิตของผู้คนในวัฒนธรรมล้านนา
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่หรือย่านคูเมืองเก่า ใช้ถนนห้วยแก้วมุ่งหน้ามาทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านสี่แยกภูคำและตรงต่อมาทางตลาดต้นพยอม สังเกตป้ายสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มช. แล้วเลี้ยวเข้ามายังบริเวณพิพิธภัณฑ์ได้โดยตรง มีพื้นที่จอดรถสำหรับผู้มาเยือน หรือสามารถโดยสารรถสองแถวสีแดงจากในเมืองแล้วลงบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่/ตลาดต้นพยอม ก่อนเดินต่อเข้ามายังพื้นที่พิพิธภัณฑ์ ระยะทางจากถนนนิมมานเหมินทร์และคูเมืองเก่าอยู่ในรัศมีไม่เกินประมาณ 3–4 กิโลเมตร
สถานะปัจจุบัน เปิดให้เข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งของสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิถีชีวิตล้านนา สถาปัตยกรรมเรือนไม้ และภูมิปัญญาท้องถิ่น จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการศึกษาตลอดทั้งปี
วัน–เวลาเปิดทำการ เปิดวันอังคาร–วันอาทิตย์ เวลา 08.30–16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ควรตรวจสอบประกาศปิดบริการชั่วคราวในบางวันตามเทศกาลหรือกิจกรรมพิเศษล่วงหน้า)
ค่าเข้าชม บุคคลทั่วไปคนละ 100 บาท (ตามประกาศปรับอัตราค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566) นักเรียน นักศึกษา ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป บุคลากรทางการศึกษา พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักบวชในศาสนาต่าง ๆ ผู้พิการ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่
สิ่งอำนวยความสะดวก มีพื้นที่จอดรถ ห้องน้ำสำหรับผู้มาเยือน ทางเดินร่มรื่นใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายข้อมูลประกอบการชมเรือนแต่ละหลัง และสำนักงานสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมและการเข้าชมแบบหมู่คณะ
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง สวนสัตว์เชียงใหม่ และเชียงใหม่ซู อควาเรียม (ประมาณ 3–4 กม.), น้ำตกห้วยแก้ว (ประมาณ 4 กม.), วัดสวนดอก (ประมาณ 2–3 กม.), วัดเจ็ดยอด และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ (ประมาณ 3–4 กม.), ย่านถนนนิมมานเหมินทร์และโครงการบ้านข้างวัด (ประมาณ 1–3 กม.)
ร้านอาหารยอดนิยมใกล้เคียง โซนตลาดต้นพยอมและย่านนิมมานเหมินทร์มีร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย เช่น ร้านข้าวซอย ร้านอาหารเหนือ และร้านกาแฟบรรยากาศดี หลายร้านอยู่ในระยะทางประมาณ 1–3 กม. จากพิพิธภัณฑ์ เหมาะสำหรับแวะรับประทานอาหารก่อนหรือหลังการชมเรือนโบราณ (ควรตรวจสอบข้อมูลร้านและเวลาเปิด–ปิดเพิ่มเติมเป็นรายแห่ง)
ที่พักยอดนิยมใกล้เคียง พื้นที่โดยรอบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และถนนนิมมานเหมินทร์มีที่พักหลากหลายตั้งแต่เกสต์เฮาส์ไปจนถึงโรงแรมบูติก ระยะทางโดยเฉลี่ยจากพิพิธภัณฑ์ประมาณ 1–3 กม. ผู้เดินทางสามารถเลือกพักย่านนิมมานเหมินทร์เพื่อเดินทางต่อมาพิพิธภัณฑ์ได้สะดวกทั้งด้วยรถสองแถวสีแดงและรถส่วนตัว
เบอร์ติดต่อ โทร. 0 5394 3626 (พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
 
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาเปิดให้เข้าชมวันไหนบ้าง?
ตอบ: ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมวันอังคาร–วันอาทิตย์ เวลา 08.30–16.30 น. และปิดทุกวันจันทร์รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก่อนเดินทางควรตรวจสอบประกาศปิดบริการชั่วคราวจากช่องทางทางการอีกครั้งโดยเฉพาะช่วงเทศกาลหรือวันที่มีจัดกิจกรรมพิเศษ
 
ถาม: ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาเท่าไหร่?
ตอบ: บุคคลทั่วไปมีค่าเข้าชมคนละ 100 บาท ตามประกาศอัตราค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 ส่วนกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป บุคลากรทางการศึกษา พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักบวชในศาสนาต่าง ๆ ผู้พิการ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่
 
ถาม: ภายในพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนามีเรือนจัดแสดงกี่หลัง?
ตอบ: ภายในพิพิธภัณฑ์มีเรือนโบราณล้านนาหลายหลังและยุ้งข้าวอีกหลายหลังที่รื้อย้ายมาจากพื้นที่ต่าง ๆ ในภาคเหนือ เช่น เรือนไทยลื้อ เรือนกาแล เรือนชาวเวียงเชียงใหม่ เรือนพื้นบ้านล้านนา และเรือนทรงปั้นหยาของคหบดี ทำให้ผู้มาเยือนได้เห็นความหลากหลายของรูปแบบเรือนและวิถีชีวิตล้านนาในยุคต่าง ๆ อย่างชัดเจน
 
ถาม: สามารถถ่ายภาพภายในพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาได้หรือไม่?
ตอบ: โดยทั่วไปสามารถถ่ายภาพบรรยากาศและเรือนโบราณภายนอกได้ แต่ควรปฏิบัติตามป้ายแนะนำและคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ในกรณีที่มีพื้นที่หรือส่วนจัดแสดงบางจุดที่อาจจำกัดการถ่ายภาพ เพื่อรักษาสภาพเรือนและสิ่งจัดแสดงให้คงสภาพดีที่สุดสำหรับผู้ชมทุกคน
 
ถาม: ใช้เวลาชมพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนานานเท่าไรจึงจะทั่ว?
ตอบ: หากต้องการเดินชมอย่างสบาย ๆ อ่านป้ายข้อมูลแต่ละเรือนและถ่ายภาพบรรยากาศ ควรเผื่อเวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง แต่หากเป็นผู้ที่สนใจด้านสถาปัตยกรรมล้านนาหรือศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด อาจใช้เวลานานกว่านั้นตามความสนใจ
 
ถาม: สามารถเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์โดยไม่ใช้รถส่วนตัวได้หรือไม่?
ตอบ: สามารถเดินทางได้สะดวกโดยใช้รถสองแถวสีแดงจากย่านคูเมืองเก่าหรือจุดสำคัญในตัวเมืองเชียงใหม่ เพียงแจ้งให้คนขับมาส่งบริเวณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือตลาดต้นพยอม จากนั้นเดินต่ออีกระยะสั้น ๆ เข้าสู่สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมก็จะถึงบริเวณพิพิธภัณฑ์
 
ถาม: พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาเหมาะกับการพาเด็กไปเที่ยวหรือไม่?
ตอบ: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องการให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องบ้านไม้แบบโบราณและวิถีชีวิตคนล้านนา พื้นที่พิพิธภัณฑ์เป็นลานหญ้าและสวนร่มรื่น เด็ก ๆ สามารถเดินชมเรือนและซึมซับบรรยากาศได้อย่างปลอดภัย แต่ควรดูแลไม่ให้ปีนป่ายหรือวิ่งเล่นในจุดที่อาจเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนตัวเรือนและโครงสร้างไม้ที่มีอายุเก่าแก่
เว็ปไซต์เว็ปไซต์: www.art-culture.cmu.ac.th
โทรโทร: 053943625
แฟกซ์แฟกซ์: 053222680
แผนที่ พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา แผนที่พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา
พิพิธภัณฑ์ กลุ่ม: พิพิธภัณฑ์
คำค้นคำค้น: พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา พิพิธภัณฑ์เชียงใหม่ เรือนไม้โบราณล้านนา เที่ยวเชียงใหม่ วัฒนธรรมล้านนา ที่เที่ยวใกล้มช เที่ยวถนนห้วยแก้ว พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเชียงใหม่ งานสถาปัตยกรรมล้านนา ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเชียงใหม่ ที่เที่ยวภาคเหนือเชียงใหม่
ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด: 1 สัปดาห์ที่แล้ว


แสดงความเห็น

แสดงความเห็น




https://www.lovethailand.org/

อัลบั้มรูป(12) https://www.lovethailand.org/

สถานที่ ขอบคุณภาพสวย ๆ 12 รูป จากคุณ: Arts and Culture
● ช่างภาพ: Arts and Culture
● ลิงค์: artsandculture.mju.ac.th/wtms_new
● ที่มา: artsandculture.mju.ac.th
ลิขสิทธิ์ภาพเป็นของช่างภาพ (800*500)
ดูภาพขนาดเต็มได้จากแฟนเพจของช่างภาพ

คำค้น (ขั้นสูง)
   
Email :
  รหัสผ่าน :
  สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 

Facebook Fanpage Facebook Fanpage

 

ภูมิภาค ภูมิภาคhttps://www.lovethailand.org/

ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์(8)

แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(5)

พระราชวัง พระราชวัง(2)

ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(43)

พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์(24)

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ

พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา(2)

ไร่ สวนเพื่อการศึกษา ไร่ สวนเพื่อการศึกษา(5)

ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์ฝึกอบรม(1)

มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

วัด วัด(79/1269)

มัสยิด มัสยิด(2)

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(17)

โครงการในพระราชดำริ โครงการในพระราชดำริ

โครงการหลวง โครงการหลวง(44)

วิถีชีวิต วิถีชีวิต

หมู่บ้าน ชุมชน หมู่บ้าน ชุมชน(41)

ตลาดท้องถิ่น ตลาดท้องถิ่น(14)

ธรรมชาติ และสัตว์ป่า ธรรมชาติ และสัตว์ป่า

อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(16)

ดอย และภูเขา ดอย และภูเขา(21)

เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(26)

น้ำตก น้ำตก(43)

น้ำพุร้อน น้ำพุร้อน(13)

ถ้ำ ถ้ำ(11)

แม่น้ำลำคลอง แม่น้ำลำคลอง(6)

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(14)

บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(2)

แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์ แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์(3)

สนามกีฬา สนามกีฬา(1)

ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(19)

สวนน้ำ สวนน้ำ(2)

โรงละคร โรงละคร(1)

กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย(10)

ช้อปปิ้ง ช้อปปิ้ง

ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน(6)

ร้านอาหาร ร้านอาหาร

มิชลินสตาร์ มิชลินสตาร์(1)

มิชลิน ไกด์ มิชลิน ไกด์(23)

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว(1)

บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร

รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร(15)

เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(30)

ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(17)