ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว

Rating: 3.4/5 (5 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: แนะนำติดต่อ/นัดหมายล่วงหน้าก่อนเดินทาง (เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของมูลนิธิโครงการหลวง)
เวลาเปิดทำการ: แนะนำไปช่วงกลางวัน 08.30–16.30 น. (เวลาอาจเปลี่ยนตามภารกิจพื้นที่/ฤดูกาล ควรตรวจสอบก่อนเดินทาง)
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว เป็นศูนย์ขนาดเล็กที่เหมาะกับคนอยากพักจากความวุ่นวายแบบไม่ต้องวิ่งหา “แลนด์มาร์กดัง” เพราะเสน่ห์ของที่นี่คือบรรยากาศเรียบง่ายของพื้นที่เชิงเขา การเกษตรที่โยงกับชีวิตจริงของชุมชน และธรรมชาติที่ยังพอให้เราได้เดินช้า ๆ ฟังเสียงป่า ดูแปลงทดลอง และค่อย ๆ ทำความเข้าใจว่าโครงการหลวงทำงานกับ “คน–ดิน–น้ำ–ป่า” ในแบบที่ไม่ต้องแต่งฉากยังไง ถ้าคุณชอบเที่ยวเชิงเรียนรู้ ไม่รีบ ไม่เน้นคาเฟ่ต่อคิว แต่เน้นความสงบและรายละเอียด ห้วยเสี้ยวเข้าทางมาก
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 และมีขนาดพื้นที่รับผิดชอบประมาณ 48.54 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 14 หมู่บ้าน รวม 995 ครัวเรือน โดยมีทั้งคนพื้นเมืองและชาวเขาเผ่าม้งอาศัยอยู่ร่วมกัน ภาพรวมนี้ทำให้เราเห็นว่า “ศูนย์” ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่เป็นพื้นที่ทำงานที่ค่อย ๆ ช่วยให้ชุมชนมีทางเลือกอาชีพและการจัดการทรัพยากรที่เหมาะกับสภาพพื้นที่จริง แล้วการท่องเที่ยวจึงเป็นเหมือนการเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปมาเรียนรู้ในจังหวะที่ไม่รบกวนงานและวิถีชีวิตของชุมชนมากเกินไป
ภูมิประเทศของพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบเชิงเขา สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 450 เมตร มีลักษณะป่าโปร่งผลัดใบ ดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วนปนทรายและดินลูกรัง มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำตามธรรมชาติ ข้อมูลภูมิอากาศที่มีการอ้างถึงระบุว่าอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 11 องศาเซลเซียส และมีปริมาณน้ำฝนราว 1,277 มิลลิเมตรต่อปี เงื่อนไขแบบนี้สะท้อนว่าการทำเกษตรของชุมชนต้อง “เลือกให้เหมาะ” และต้องอาศัยความรู้เรื่องพันธุ์พืช การดูแลดิน และการจัดการน้ำอย่างมีระบบมากกว่าพื้นที่ที่ดินดีมาตั้งแต่ต้น
ถ้าคุณมองห้วยเสี้ยวในมุมท่องเที่ยวเชิงเกษตร สิ่งที่น่าสนใจคือแปลงสาธิตไม้ผลเขตร้อนหลายชนิด เช่น มะละกอ มะม่วง มะปราง พุทรา และขนุน โดยที่นี่ถูกเล่าว่าเป็นแหล่งปลูกมะม่วงหลายพันธุ์ และมีการกล่าวถึงพันธุ์ที่น่าสนใจอย่าง “ออร์วิน” และ “นวลคำ” ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องผลค่อนข้างใหญ่ (มีการอ้างถึงว่าบางผลเกือบ 1 กิโลกรัม) และกินได้ทั้งดิบและสุก นอกจากนั้นยังมีแปลงสาธิตพืชผักหลายชนิด เช่น มะระหยก มะระขาว และชาโยเต้ ที่ทำให้การมาเยือนเหมือนเราได้เดินดู “ห้องเรียนกลางแจ้ง” ของการเกษตรในพื้นที่เชิงเขา มากกว่าจะเป็นการมาเดินชมสวนเฉย ๆ
อีกจุดที่หลายคนชอบคือสวนลิ้นจี่ของชาวบ้านที่ปลูกอยู่รอบ ๆ ศูนย์ฯ เป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลระบุว่าลิ้นจี่จะเก็บผลผลิตช่วงเดือนพฤษภาคม ถ้าใครตั้งใจมาช่วงนี้ บรรยากาศจะได้ความคึกคักแบบพอดี ๆ คือไม่วุ่นเหมือนแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ แต่มีชีวิตของฤดูกาลให้เห็นจริง อย่างไรก็ตาม การเข้าชมพื้นที่เกษตรควรยึดมารยาทพื้นฐาน เช่น ไม่เด็ดผลผลิตเองโดยไม่ขออนุญาต ไม่เดินลุยแปลง และเคารพกติกาที่เจ้าของพื้นที่กำหนด เพราะนี่คือพื้นที่ทำกิน ไม่ใช่ฉากถ่ายรูป
ด้านวัฒนธรรม ห้วยเสี้ยวมีเสน่ห์ตรงการได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนม้ง และประเพณีที่ยังมีบทบาทอยู่ในชุมชน ข้อมูลที่ระบุไว้มี 3 ประเพณีเด่น ได้แก่ “ประเพณีปีใหม่ม้ง” “ประเพณีสืบชะตาหลวงประจำหมู่บ้าน” ซึ่งจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และ “ประเพณีตานข้าวใหม่” ที่จัดหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปี ถ้าคุณอยากมาให้ได้ทั้งบรรยากาศและความหมาย ช่วงเทศกาลเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่าโครงการพัฒนาไม่ได้ทำงานแค่เรื่องพืชผล แต่ต้องเดินคู่กับความเข้าใจรากวัฒนธรรมและจังหวะชีวิตของผู้คนด้วย
ฝั่งธรรมชาติของห้วยเสี้ยวมีจุดที่เหมาะกับสายเดินเบา ๆ และชอบความสดของป่า เช่น “น้ำตกตาดครก” ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีน้ำตลอดปี มีโขดหินตามธรรมชาติ และมีการกล่าวถึงการพบ “ปลามุง” ซึ่งถูกระบุว่าเป็นปลาหายากของประเทศไทย อีกแห่งคือ “น้ำตกตาดน้อย” น้ำตกขนาดเล็กเช่นกัน แต่มีเสน่ห์เรื่องกล้วยไม้ป่า แมลง ผีเสื้อ และเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่ทำให้เราได้ฝึกสังเกตรายละเอียดของป่าแบบไม่ต้องโหด ทั้งหมดนี้เหมาะกับคนที่อยากได้ทริปธรรมชาติแบบพอดี ๆ ไม่ต้องใช้ทักษะเดินป่าหนัก แต่ได้ความชุ่มและได้พักสายตาจริง
เรื่องของฝากของที่ระลึก หากเจองานของชุมชนจะน่าสนใจมาก เพราะมีงานหัตถกรรมชาวเขา เช่น ผ้าปักม้ง ย่าม กระเป๋า ผ้าทอ และพวงกุญแจ ซึ่งเป็นของที่ “มีเรื่องเล่า” มากกว่าของฝากแบบสำเร็จรูป และถ้าซื้อในบริบทที่ถูกต้อง มันคือการสนับสนุนรายได้เสริมของชุมชนโดยตรง จุดสำคัญคือเลือกซื้ออย่างเคารพงานฝีมือ ไม่ต่อราคาจนเสียคุณค่า และถ่ายภาพหรือสอบถามควรขออนุญาตก่อนเสมอ
สำหรับที่พักและร้านอาหาร ข้อมูลระบุว่าเนื่องจากเป็นศูนย์ขนาดเล็กจึงไม่มีบริการที่พักและร้านอาหาร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักแวะชมแล้วกลับ ไม่ค่อยนิยมค้างคืน แต่มีพื้นที่กางเต็นท์เหนืออ่างเก็บน้ำห้วยเสี้ยวไว้ให้บริการ อย่างไรก็ตาม ไม่มีบริการเช่าเต็นท์และถุงนอน นักท่องเที่ยวต้องนำมาเอง ดังนั้นถ้าจะไปจริงจัง แนะนำเตรียมน้ำดื่ม อาหารว่าง และอุปกรณ์จำเป็นให้พร้อม รวมถึงเช็กสภาพอากาศล่วงหน้า โดยเฉพาะหน้าฝนที่เส้นทางอาจลำบากและลื่นกว่าปกติ
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่–ฮอด) ประมาณกม. 10–11 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 1269 (หางดง–สะเมิง) ต่อไปประมาณ 12 กิโลเมตร สังเกตป้ายโครงการห้วยเสี้ยวด้านซ้าย แล้วเข้าถนนลูกรังต่ออีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร รวมระยะทางโดยประมาณราว 29 กิโลเมตร โดยข้อมูลระบุว่าช่วงฤดูฝนการคมนาคมลำบาก แนะนำใช้รถที่สภาพพร้อม ขับช้า ๆ เผื่อเวลา และตรวจสอบสภาพถนน/ฝนก่อนออกเดินทาง
ถ้าจะสรุปให้เห็นภาพ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว คือทริปสั้น ๆ ที่พาเราไปเจอทั้งแปลงเกษตรที่มีเหตุผลของมันเอง วิถีชุมชนที่ยังมีประเพณีคอยยึดโยง และธรรมชาติแบบน้ำตกเล็ก ๆ ที่สวยในรายละเอียดมากกว่าความอลังการ ใครอยากพักแบบเงียบ ๆ ได้เรียนรู้จริง และพร้อมเคารพพื้นที่ ห้วยเสี้ยวคือปลายทางที่ให้ความ “พอดี” ได้ดีมาก
| ชื่อสถานที่ | ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว |
| ที่ตั้ง | อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ (เส้นทาง 108 → 1269 หางดง–สะเมิง แล้วเข้าทางลูกรังตามป้ายศูนย์ฯ) |
| ลักษณะเด่น | ศูนย์ขนาดเล็ก เงียบสงบ เหมาะเที่ยวเชิงเรียนรู้ มีแปลงสาธิตไม้ผลเขตร้อนและพืชผัก มีสวนลิ้นจี่รอบศูนย์ฯ และมีแหล่งธรรมชาติเป็นน้ำตกขนาดเล็ก |
| ยุคสมัย | ก่อตั้งศูนย์ฯ ปี พ.ศ. 2524 |
| หลักฐาน/ข้อมูลสำคัญ | พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 48.54 ตร.กม. ครอบคลุม 14 หมู่บ้าน 995 ครัวเรือน; ภูมิประเทศเชิงเขาสูงราว 450 ม.; ป่าโปร่งผลัดใบ; ดินร่วนปนทราย/ลูกรัง ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ; อุณหภูมิสูงสุดราว 37°C ต่ำสุดราว 11°C; ฝนราว 1,277 มม./ปี |
| ที่มาของชื่อ | ใช้ชื่อ “ห้วยเสี้ยว” ตามชื่อพื้นที่/ลำห้วยในท้องถิ่น |
| การเดินทาง | จากเมืองเชียงใหม่ไปทางหลวง 108 ประมาณกม. 10–11 → เลี้ยวเข้า 1269 (หางดง–สะเมิง) ประมาณ 12 กม. → เข้าทางลูกรังอีกประมาณ 3.5 กม. รวมประมาณ 29 กม. (หน้าฝนถนนลำบาก ควรเผื่อเวลา) |
| สถานะปัจจุบัน | พื้นที่พัฒนาและแหล่งเรียนรู้/ท่องเที่ยวเชิงเกษตร–ชุมชน–ธรรมชาติ (แนะนำโทรสอบถามก่อนเดินทาง) |
| เบอร์โทรติดต่อ | 053-248-425, 089-850-6586 |
| ประเพณี/พิธีกรรมประจำพื้นที่ | ประเพณีปีใหม่ม้ง — (ช่วงเวลาขึ้นกับชุมชนแต่ละปี) ประเพณีสืบชะตาหลวงประจำหมู่บ้าน — โดยมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ประเพณีตานข้าวใหม่ — ปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม (หลังเก็บเกี่ยว) |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมระยะทาง | น้ำตกตาดครก — ประมาณ 1–8 กม. (ขึ้นกับจุดเริ่มต้นเส้นทาง) น้ำตกตาดน้อย — ประมาณ 2–10 กม. (ขึ้นกับจุดเริ่มต้นเส้นทาง) อ่างเก็บน้ำห้วยเสี้ยว (โซนกางเต็นท์) — ประมาณ 0–5 กม. เส้นทางหางดง–สะเมิง (จุดชมวิว/ทางโค้ง) — ประมาณ 5–25 กม. (ขึ้นกับจุดแวะ) กาดฝรั่งวิลเลจ (Kad Farang Village) — ประมาณ 20–40 กม. หมายเหตุ: ระยะทางเป็นค่าโดยประมาณเพื่อวางแผนทริป ควรตรวจสอบระยะจริงด้วยแผนที่ก่อนออกเดินทาง |
| ร้านอาหารใกล้เคียง | Fernpresso at Lake — ประมาณ 20–40 กม. — โทร 096-768-8689 Ginger Farm Kitchen (Hang Dong) — ประมาณ 25–45 กม. — โทร 052-080-928 Khaomao Khaofang (Hang Dong) — ประมาณ 25–45 กม. — โทร 063-665-5838 The River Cafe (Hang Dong) — ประมาณ 25–45 กม. — โทร 087-464-0707 Have-A-Hug Fusion Farm (Maejo area) — ประมาณ 35–60 กม. — โทร 086-118-4021 |
| ที่พักใกล้เคียง | Veranda High Resort Chiang Mai — ประมาณ 25–45 กม. — โทร 062-398-6899, 098-272-8869 North Hill City Resort — ประมาณ 30–50 กม. — โทร 053-333-111, 064-698-9999 Belle Villa Resort Chiang Mai — ประมาณ 25–45 กม. — โทร 053-365-318 D-Sabai Residence (Sansai) — ประมาณ 35–60 กม. — โทร 053-351-419 The Laguna Serviced Apartment (Sansai) — ประมาณ 35–60 กม. — โทร 053-854-996 |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | แปลงสาธิตเกษตร/จุดเรียนรู้ตามการจัดการของศูนย์ฯ, เส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้เคียง (น้ำตก), จุดกางเต็นท์บริเวณอ่างเก็บน้ำ (ต้องนำอุปกรณ์เอง), พื้นที่เหมาะกับไปเช้า–เย็นกลับ |
| ค่าใช้จ่าย | — (เงื่อนไขการเข้าพื้นที่/กิจกรรมอาจเปลี่ยนได้ แนะนำสอบถามและยืนยันก่อนเดินทาง) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยวเหมาะกับใคร?
ตอบ: เหมาะกับคนที่อยากเที่ยวแบบสงบ เน้นเดินดูแปลงเกษตรและเรียนรู้การพัฒนาชุมชน ไม่รีบ และอยากแวะธรรมชาติใกล้ ๆ อย่างน้ำตกขนาดเล็กในทริปเดียว
ถาม: เดือนไหนเหมาะกับการมาชมลิ้นจี่?
ตอบ: ข้อมูลระบุว่าลิ้นจี่จะเก็บผลผลิตช่วงเดือนพฤษภาคม ถ้าจะมาให้ตรงฤดูกาล แนะนำวางแผนช่วงนี้และสอบถามชุมชน/ศูนย์ฯ ล่วงหน้า
ถาม: มีประเพณีชุมชนอะไรที่น่าสนใจ?
ตอบ: มีประเพณีปีใหม่ม้ง ประเพณีสืบชะตาหลวงประจำหมู่บ้าน (โดยมากเดือนกุมภาพันธ์) และประเพณีตานข้าวใหม่หลังเก็บเกี่ยว (ปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม) โดยวันจริงอาจต่างกันตามหมู่บ้าน
ถาม: น้ำตกตาดครกกับน้ำตกตาดน้อยต่างกันยังไง?
ตอบ: ทั้งสองเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่ตาดครกถูกเล่าว่ามีน้ำตลอดปีและมีโขดหินสวยงาม ส่วนตาดน้อยเด่นเรื่องเส้นทางเดินชมธรรมชาติ กล้วยไม้ป่า แมลง และผีเสื้อ เหมาะกับสายสังเกตธรรมชาติแบบช้า ๆ
ถาม: มีที่พักหรือร้านอาหารในศูนย์ฯ ไหม?
ตอบ: ข้อมูลระบุว่าศูนย์ฯ ไม่มีบริการที่พักและร้านอาหาร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมแวะชมแล้วกลับ หากต้องการค้างสามารถวางแผนที่พักในโซนหางดง–สันทราย และถ้ากางเต็นท์บริเวณอ่างเก็บน้ำต้องนำเต็นท์และถุงนอนมาเอง
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: