ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ

Rating: 4/5 (6 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: จันทร์–ศุกร์
เวลาเปิดทำการ: 08.00–16.30 น.
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ เป็นปลายทางพักผ่อนในเชียงใหม่ที่ให้ความรู้สึกว่าเราได้ “เที่ยว” ไปพร้อมกับ “เห็นภาพงานพัฒนา” จริง ๆ ในพื้นที่เดียวกัน เพราะแก่นของที่นี่ไม่ใช่แค่จุดชมวิวบนดอย แต่คือพื้นที่ปฏิบัติการของโครงการหลวงและโครงการพระราชดำริที่วางระบบการทำกินใหม่ให้สอดคล้องกับภูเขา ป่าต้นน้ำ และความต้องการของชุมชนบนพื้นที่สูง จึงเหมาะมากกับคนที่อยากมาพักใจท่ามกลางภูมิทัศน์เขียวลึก ๆ แล้วก็อยากเข้าใจว่าการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและการพัฒนาชุมชน “ทำงานจริง” หน้าตาเป็นอย่างไร
ศูนย์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2528 โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง จากการรับสั่งให้เจ้าหน้าที่เดินทางสำรวจสภาพพื้นที่ ซึ่งในเวลานั้นมีชาวเขาเผ่าม้งอาศัยอยู่ด้วยการถางพื้นที่ป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่นและพืชอื่น ๆ แผนพัฒนาจึงถูกกำหนดขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของชาวเขา ด้วยการส่งเสริมให้ปลูกพืชทดแทนฝิ่น และทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นได้จริงทั้งในด้านอาชีพ รายได้ และการดูแลพื้นที่ต้นน้ำ
ในเชิงพื้นที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ จัดตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่แตง มีพื้นที่รับผิดชอบ 17 หมู่บ้าน 451 ครัวเรือน บนพื้นที่ 84.27 ตารางกิโลเมตร หรือ 52,670 ไร่ โดยประชากรส่วนใหญ่นั้นประกอบด้วยคนพื้นเมืองและเผ่าม้ง ลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาและภูเขาสลับซับซ้อน ที่ราบมีน้อยมาก ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 700–1,250 เมตร และมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 24 องศาเซลเซียส ภาพรวมแบบนี้เองที่ทำให้พื้นที่เหมาะกับพืชหลายชนิดและเหมาะกับการเรียนรู้เรื่องเกษตรบนพื้นที่สูงแบบ “ต้องอยู่กับภูเขาให้เป็น”
ถ้าคุณตั้งใจมาเพื่อท่องเที่ยวเชิงเกษตร จุดเด่นของที่นี่คือการได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยงามของแปลงปลูกชาลุงเดช แล้วต่อด้วยการเรียนรู้วิธีการชงชาและชิมชา ไปจนถึงขั้นตอนกรรมวิธีการแปรรูปชาและการบรรจุหีบห่อที่โรงงานชาบ้านปงตอง ซึ่งช่วยให้ภาพของ “ใบชา” ไม่จบแค่ในแก้ว แต่เห็นตั้งแต่แปลงปลูก การจัดการวัตถุดิบ ไปถึงการทำให้เป็นสินค้าที่ชุมชนต่อยอดรายได้ได้จริง
อีกกิจกรรมที่คนชอบสายฟาร์มและสายเรียนรู้มักประทับใจ คือการชมโรงเรือนเพาะเห็ดระบบปิด เช่น เห็ดนางรมฮังการี เห็ดนางรมภูฏาน และเห็ดปุยฝ้าย รวมถึงการชมแปลงส่งเสริมผลผลิตตามฤดูกาล เช่น อะโวกาโด กาแฟอาราบิก้า และฟักทองญี่ปุ่น ซึ่งทำให้การมาแต่ละครั้ง “ไม่เหมือนเดิมทั้งหมด” เพราะสิ่งที่เด่นจะเปลี่ยนไปตามฤดูและรอบการผลิตของพื้นที่บนดอย
นอกจากนั้นยังมีแปลงกล้วยไม้ซิมบิเดี้ยมขนาดใหญ่หลากหลายสีสัน สวนส้มของเกษตรกรในพื้นที่โครงการหลวง และอีกมุมที่น่าสนใจมากในเชิงวัฒนธรรมอาหารคือการชมการเก็บและแปรรูปเมี่ยง ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของชุมชน การได้เห็นเมี่ยงตั้งแต่ใบ การเก็บ การหมัก และการนำไปทำอาหาร เป็นประสบการณ์ที่เชื่อม “เกษตร” กับ “วิถีชีวิต” ได้ชัดมาก
ฝั่งการท่องเที่ยวธรรมชาติ จุดที่หลายคนยกให้เป็นไฮไลต์คือจุดชมวิวดอยม่อนเงาะ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,425 เมตร ให้ภาพชั้นเขาที่ซ้อนกันสวยมาก และสามารถชมทะเลหมอกได้ รวมถึงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกแบบมุมกว้าง 360 องศาได้อย่างสุดลูกหูลูกตา ถ้ามาเช้า ๆ คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไมคนถึงยอมขึ้นทางเขาเพื่อแลกกับวิวแบบนี้
ในเส้นทางธรรมชาติยังมีจุดชวนจำอย่าง “เงือกผา” ซึ่งเป็นหินงอกที่มีลักษณะคล้ายนางเงือกหันหน้าเกาะผาอยู่ “บ่อน้ำทิพย์” ที่เป็นแอ่งน้ำซึมอยู่ภายในถ้ำและมีน้ำตลอดทั้งปี และ “เลือดผา” ที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่าสามารถใช้รักษาโรค พบได้บริเวณซอกผา รวมถึง “ถ้ำลม” ที่จะมีลมพัดออกมาจากถ้ำตลอดเวลา ซึ่งยืนตรงปากถ้ำแล้วจะรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีลมหายใจของภูเขาอยู่จริง ๆ
ถ้าคุณชอบกิจกรรมขยับตัวมากขึ้น อีกตัวเลือกคือการล่องแพเชิงผจญภัยที่บ้านสบก๋าย ชมธรรมชาติที่สวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ชมโขดหินที่มีลักษณะแตกแต่งกัน และยังมีเรื่องเล่าถึงต้นไม้ใหญ่อายุกว่าพันปีที่โค่นล้มโดยธรรมชาติ โดยกิจกรรมมีทั้งล่องแพไม้ไผ่และแพยาง ซึ่งแพไม้ไผ่มักงดล่องในช่วงฤดูฝน ขณะที่แพยางสามารถล่องได้ตลอดทั้งปีตามสภาพน้ำและการดูแลความปลอดภัยของผู้ให้บริการ
ในมุมวัฒนธรรม ที่นี่เชื่อมโยงกับประเพณีม้ง “กินวอ” ซึ่งคืองานประเพณีขึ้นปีใหม่ของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง จัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 1–3 ค่ำเดือน 1 ซึ่งตรงกับเดือนมกราคมของทุกปี ช่วงนี้บรรยากาศในชุมชนจะมีชีวิตชีวาและสะท้อนรากของตัวตนผู้คนได้ชัด ทั้งการแต่งกาย การละเล่น และความหมายเชิงพิธีกรรมที่คนรุ่นใหม่ยังพยายามสืบต่อ
ถ้าได้แวะบ้านม่อนเงาะ คุณอาจได้เห็นการละเล่นโยนลูกช่วง ลูกข่าง งานปักผ้าชาวเขา การตำข้าวด้วยครกกระเดื่อง รวมถึงการเยี่ยมบ้านอดีตชาวม้งที่ผมยาวที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่หลายคนตั้งใจมาดูด้วยตาตัวเอง ขณะเดียวกันฝั่งคนพื้นเมืองก็มีเสน่ห์อีกแบบ ผ่านภูมิปัญญาการทำเมี่ยงแบบดั้งเดิม การเก็บใบเมี่ยง ใบชา และอาหารท้องถิ่นอย่างยำใบเมี่ยงที่เป็นของขึ้นชื่อของชุมชน
ของฝากของที่ระลึกของที่นี่มักวนอยู่กับ “ของกินที่มีเรื่องเล่า” เช่น ผลิตผลจากใบชาและกาแฟ รวมถึงสินค้าจากกลุ่มแม่บ้านอย่างหมอนใบชาเพื่อสุขภาพ น้ำพริกลาบรสจัด และงานช่างตีเหล็กอย่างมีดและจอบที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานจากฝีมือการตีอย่างประณีต นอกจากนี้ยังมีงานหัตถกรรมพื้นบ้านอย่างผ้าทอ ผ้าปักของชาวม้ง และผลไม้ตามฤดูกาล เช่น อะโวกาโด ส้ม ลิ้นจี่ มะม่วง รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปผลไม้ต่าง ๆ ให้เลือกซื้อกลับ
เรื่องที่พัก ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ มีบ้านพักให้บริการ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 15 คน และมีเต็นท์บริการให้เช่า รวมถึงสามารถนำเต็นท์ไปกางเองได้ จุดนี้เหมาะกับคนที่อยากนอนรับลมเย็นบนพื้นที่สูง แต่ควรวางแผนเรื่องอุปกรณ์กันหนาวและไฟฉายให้พร้อม โดยเฉพาะช่วงปลายปีถึงต้นปีที่อุณหภูมิลดลงชัดเจน
ส่วนอาหาร ภายในศูนย์ฯ ไม่มีร้านอาหารให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดแม่มาลัย หรือสั่งรายการล่วงหน้ากับกลุ่มแม่บ้านเพื่อความสะดวกในการเตรียมวัตถุดิบ เมนูที่มักถูกแนะนำ เช่น ยำใบเมี่ยง ไส้อั่วดอกแค และฟักทองน้ำเชื่อมวนิลา หากคุณตั้งใจค้างคืน แนะนำคิดเผื่อเรื่องน้ำดื่มและของว่างไปด้วย เพราะเส้นทางขึ้นดอยไม่ได้มีร้านให้แวะถี่เหมือนโซนเมือง
การเดินทาง: จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่–ฝาง) ขับประมาณ 37 กิโลเมตร แล้วสังเกตก่อนถึงตลาดแม่มาลัย–ทางไปอำเภอปายราว 2–3 กิโลเมตร จะเจอเส้นทางเลี่ยงเมืองตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร จากนั้นจะมีทางแยกขวามืออยู่ตรงข้ามกับวัดสบเปิง เข้าไปม่อนเงาะอีกประมาณ 17 กิโลเมตร (เส้นทางเดียวกับไปวัดผางาม)
ข้อควรรู้จริงก่อนขับขึ้นไปคือบางช่วงทางแคบและชัน ควรขับด้วยความเร็วพอดี ใช้เกียร์ต่ำเวลาลงเขา และหลีกเลี่ยงการขับกลางคืนถ้าไม่ชำนาญ เพราะแสงน้อยและทางโค้งต่อเนื่อง โดยเฉพาะหน้าฝนอาจมีถนนลื่นหรือดินสไลด์บางจุด การโทรสอบถามข้อมูลล่าสุดก่อนเดินทางจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ทริปนิ่งขึ้นเยอะ
ท้ายที่สุด เสน่ห์ของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ คือการได้อยู่ในพื้นที่ที่คนทำงานกับภูเขาอย่างเคารพภูเขา เราได้เห็นความพยายามของชุมชนที่เปลี่ยนจากวิถีทำกินแบบทำร้ายป่ามาสู่การปลูกพืชที่อยู่ร่วมกับระบบนิเวศได้ และเราได้ท่องเที่ยวแบบที่ “เบา” ต่อพื้นที่ หากคุณไปด้วยใจที่ให้เกียรติชุมชน ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ทิ้งขยะ และซื้อของอย่างพอดี คุณจะได้ทริปที่ดีและพื้นที่ก็ยังอยู่ดีต่อไป
| ชื่อสถานที่ | ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ |
| ที่ตั้ง | ตำบลเมืองก๋าย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 50150 |
| ลักษณะเด่น | ท่องเที่ยวเชิงเกษตร+ธรรมชาติ+วัฒนธรรม เรียนรู้งานโครงการหลวง ชมแปลงชา เห็ดระบบปิด กล้วยไม้ซิมบิเดี้ยม เมี่ยง จุดชมวิวทะเลหมอก |
| ยุค/การก่อตั้ง | ก่อตั้ง พ.ศ. 2528 |
| ระดับความสูง | พื้นที่ราว 700–1,250 ม. จากระดับน้ำทะเล (จุดชมวิวดอยม่อนเงาะราว 1,425 ม.) |
| วันและเวลาเปิดทำการ | จันทร์–ศุกร์ 08.00–16.30 น. |
| เบอร์ติดต่อ | 095-675-3848 |
| การเดินทาง (สรุป) | ทางหลวง 107 → เลี่ยงเมือง 1095 → แยกขวามือฝั่งตรงข้ามวัดสบเปิง → เข้าพื้นที่ม่อนเงาะราว 17 กม. |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดให้เยี่ยมชม (แนะนำโทรสอบถามก่อนเดินทาง) |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมระยะทาง | วัดท่าข้าม (สบเปิง) — ประมาณ 11.5 กม. บ้านสบก๋าย — ประมาณ 10.5 กม. เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล — ประมาณ 23.5 กม. |
| popular restaurants nearby | บ้านสวนชมจันทร์ (แม่แตง) — ประมาณ 14.2 กม. — 053-047-111, 089-433-5819 |
| popular accommodations nearby | โรงแรมแม่มาลัย — ประมาณ 16.4 กม. — 053-842620, 095-6106489 ม่อนเงาะล้านวิว homestay — 093-145-5734 |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | พื้นที่เรียนรู้/จุดชมวิว/พื้นที่กางเต็นท์ (บริการบ้านพักและเต็นท์ตามที่ศูนย์จัดให้) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ เปิดวันไหนและกี่โมง?
ตอบ: โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่าเปิดจันทร์–ศุกร์ เวลา 08.00–16.30 น. แนะนำโทรสอบถามก่อนเดินทางที่ 095-675-3848
ถาม: ไปม่อนเงาะต้องใช้รถแบบไหนถึงจะปลอดภัย?
ตอบ: รถทั่วไปไปได้ แต่ควรเป็นรถสภาพดี เบรกดี ยางดี และคนขับควรชำนาญทางขึ้น–ลงเขา หากเป็นหน้าฝนให้เพิ่มความระวังเรื่องถนนลื่นและทางแคบ
ถาม: ในศูนย์มีร้านอาหารไหม?
ตอบ: โดยทั่วไปไม่มีร้านอาหารในศูนย์ แนะนำเตรียมเสบียง หรือแวะซื้อที่ตลาดแม่มาลัย หรือสั่งอาหารล่วงหน้ากับกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่
ถาม: ม่อนเงาะมีกิจกรรมเด่นอะไรสำหรับสายเรียนรู้?
ตอบ: เด่นเรื่องการเรียนรู้แปลงชา การชง–ชิมชา การแปรรูปที่โรงงานชา รวมถึงโรงเรือนเพาะเห็ดระบบปิด และแปลงพืชตามฤดูกาลอย่างอะโวกาโด กาแฟอาราบิก้า และฟักทองญี่ปุ่น
ถาม: จุดชมวิวดอยม่อนเงาะดูทะเลหมอกได้ช่วงไหน?
ตอบ: โดยมากช่วงเช้ามืดถึงเช้าในฤดูหนาวและปลายฝนต้นหนาวมีโอกาสเจอทะเลหมอกสูง ควรเช็กสภาพอากาศและนัดหมายการเดินทางให้ถึงก่อนฟ้าสาง
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: