โครงการหลวงแม่แฮเหนือ

Rating: 3.6/5 (7 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน (แนะนำติดต่อ/นัดหมายล่วงหน้า โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน)
เวลาเปิดทำการ: โดยทั่วไป 08.00–17.00 น. (อาจเปลี่ยนตามภารกิจพื้นที่)
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ (โครงการหลวงแม่แฮเหนือ) เป็นจุดหมายสายเรียนรู้ที่เหมาะกับคนอยากเที่ยวเชียงใหม่แบบได้ทั้งธรรมชาติ ชุมชน และภาพรวมของ “งานพัฒนาในพื้นที่สูง” ที่ทำจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สถานที่ถ่ายรูปแล้วจบ เพราะพื้นฐานของพื้นที่แม่แฮและหมู่บ้านใกล้เคียงเคยเผชิญความยากจน ขาดเส้นทางคมนาคม และรูปแบบการทำกินที่กระทบป่าต้นน้ำ เช่น ไร่เลื่อนลอยและการปลูกฝิ่น เมื่อเกิดแนวทางพัฒนาตามพระราชดำริ จึงค่อย ๆ เปลี่ยน “เงื่อนไขการอยู่รอด” ให้กลายเป็นระบบอาชีพที่มั่นคงขึ้น พร้อมเดินคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากร
พื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ฯ ครอบคลุมหมู่บ้านแม่แฮและหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงในเขตตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง และตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยประชากรในพื้นที่มีความหลากหลายชาติพันธุ์ เช่น กะเหรี่ยง ม้ง และจีนยูนนาน ทำให้ “การพัฒนา” ต้องเข้าใจทั้งภูมิประเทศและบริบทชุมชนไปพร้อมกัน ไม่ใช่แค่เลือกพืชเศรษฐกิจแล้วหวังให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง
ตามข้อมูลที่ให้มา ปี 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาอาชีพของประชากรชาวเขาหมู่บ้านแม่แฮและหมู่บ้านใกล้เคียง โดยมีการดำเนินงานในนาม “โครงการหลวงพัฒนาเกษตรที่สูงแม่แฮ” และต่อมาปรับเป็น “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ” ซึ่งสะท้อนการขยับจากงานช่วยเหลือเฉพาะหน้า ไปสู่การวางระบบสนับสนุนแบบต่อเนื่อง ทั้งการปลูกพืชที่เหมาะสม การจัดการดิน-น้ำ และการเชื่อมการตลาด
สภาพภูมิประเทศโดยรวมเป็นเนินเขาและภูเขาสลับซับซ้อน มีที่ราบแคบตามแนวเหนือ–ใต้ของห้วยแม่แฮและห้วยแม่เตียน ศูนย์ฯ อยู่บนพื้นที่สูงราว 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีพื้นที่รับผิดชอบรวมประมาณ 33 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 3 อำเภอ ได้แก่ แม่วาง แม่แจ่ม และสะเมิง รวม 24 หมู่บ้าน 1,750 ครัวเรือน อุณหภูมิเฉลี่ยราว 24 องศาเซลเซียส (ตัวเลขและรายละเอียดภาคสนามจริงอาจเปลี่ยนตามปีและการสำรวจล่าสุด)
ถ้ามาในโหมด “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” จุดที่คนส่วนใหญ่ชอบคือการเห็นแปลงสาธิตผักและไม้ดอกที่มีผลผลิตตลอดทั้งปี และแปลงผลผลิตของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เช่น พลับ สาลี่ องุ่นไร้เมล็ด และสตรอเบอรี่ ซึ่งการเดินดูแปลงแบบนี้ให้ประโยชน์มากกว่าความสวยงาม เพราะมันทำให้เห็นว่าเกษตรพื้นที่สูงต้องจัดการ “ฤดูกาล–น้ำ–ดิน” อย่างไรถึงยืนระยะได้
อีกไฮไลต์ที่มักถูกพูดถึงคือ “ไร่สตรอเบอรี่ขนาดใหญ่” ของศูนย์ฯ ย่อยบ่อแก้ว โดยช่วงผลผลิตมักอยู่ประมาณเดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ และมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอเบอรี่ เช่น ไวน์และน้ำสตรอเบอรี่ (การออกผลจริงขึ้นกับสภาพอากาศของแต่ละปี จึงควรเช็กก่อนเดินทางหากตั้งใจไปช่วงเก็บผลผลิต)
ในมิติ “ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” พื้นที่นี้มีเรื่องเล่าและพิธีกรรมที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ เช่น ปีใหม่ม้ง (มักจัดช่วงเดือนธันวาคม ในโซนบ้านห้วยน้ำกลาง/ม่อนยะตามข้อมูลที่ให้มา) และประเพณีมัดมือกะเหรี่ยง ซึ่งพบได้ทั้งช่วงก่อนทำนา–หลังทำนา (ราวตุลาคม–พฤศจิกายน และพฤษภาคม–มิถุนายน) หรือทำในวาระที่มีคนเจ็บป่วย/เลี้ยงผีบ้าน พอเราได้เห็นสิ่งเหล่านี้ จะเข้าใจว่า “การพัฒนา” ไม่ได้หมายถึงเปลี่ยนวิถีให้เหมือนเมือง แต่คือทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้นโดยยังรักษารากของตนเอง
สายธรรมชาติจะชอบจุดชมวิวทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น–ตก บนยอดดอยม่อนยะ บ้านน้ำจาง และบ้านม่อนยะใต้ ซึ่งหลายจุดสามารถตั้งแค้มป์ได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ อีกจุดที่น่าสนใจคือหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะงะ ซึ่งมีป่าค่อนข้างสมบูรณ์ เหมาะกับการศึกษาธรรมชาติ และมีพื้นที่กางเต็นท์ได้ รวมถึงแหล่งน้ำธรรมชาติที่บ้านห้วยขมิ้นซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์ฯ ตามข้อมูลที่ให้มาประมาณ 3 กิโลเมตร
ถ้าคุณไปช่วงปลายฝน–ต้นหนาว จะได้อีกมู้ดหนึ่งของพื้นที่คือ “ถนนทุ่งบัวตอง” ตามเส้นทางแม่เตียน–แม่แฮ และแม่แฮ–ป่าเกี๊ยะน้อย ช่วงเดือนตุลาคม–พฤศจิกายนจะมีทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาลให้ชม และถ้าเลยไปถึงช่วงธันวาคม–มกราคม ก็มีโอกาสเห็นดอกนางพญาเสือโคร่ง (ซากุระเมืองไทย) ตามจุดที่เหมาะสมของแต่ละปี
ของฝากของที่ระลึกที่เข้ากับพื้นที่นี้มักเป็นผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาล ผักสดและผลไม้เมืองหนาว ไวน์สตรอเบอรี่ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอของชาวเขาในพื้นที่ ซึ่งซื้อแล้วเหมือนส่งแรงสนับสนุนกลับสู่ชุมชนแบบตรง ๆ
เรื่องอาหารและที่พักควรรู้ไว้ก่อน: ตามข้อมูลที่ให้มา ภายในศูนย์ฯ มีบ้านพักรับรอง 1 หลัง รวม 5 ห้อง รองรับได้ประมาณ 30 คน มีพื้นที่กางเต็นท์ และบริการเช่าเต็นท์ขนาด 2 คนพร้อมถุงนอน (กรณีนำเต็นท์มาเองจะมีค่าบำรุงพื้นที่ตามเงื่อนไข) ส่วนร้านอาหาร “ไม่มีบริการแบบหน้าร้าน” แต่สามารถจัดหารับรองให้ได้หากแจ้งล่วงหน้าก่อนเดินทาง และยังมีโฮมสเตย์ของชุมชนไว้คอยให้บริการด้วยเช่นกัน
การเดินทาง ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 101 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่–ฮอด) ไปถึงอำเภอสันป่าตอง แล้วเลี้ยวขวาบริเวณแยกบ้านกาด เข้าทางหลวงหมายเลข 1013 (ถนนสันป่าตอง–แม่วาง) อีกประมาณ 27 กิโลเมตร ผ่านศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง แล้วไปต่ออีกประมาณ 16 กิโลเมตร จะถึงศูนย์ฯ แม่แฮ เส้นทางมีช่วงเขาและโค้ง ควรเผื่อเวลา ตรวจสภาพรถ และให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยเฉพาะฤดูฝน
| ชื่อสถานที่ | ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ (โครงการหลวงแม่แฮเหนือ) |
| ชื่อภาษาอังกฤษ | Mae Hae Royal Project Development Center |
| ที่ตั้ง | โซนบ้านแม่แฮ เชื่อมพื้นที่ ต.แม่วิน อ.แม่วาง และ ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ (แนะนำยืนยันจุดเข้า/พิกัดก่อนเดินทางตามเส้นทางที่เลือก) |
| ลักษณะเด่น | ศูนย์พัฒนาเกษตรพื้นที่สูงตามแนวพระราชดำริ เน้นยกระดับอาชีพและคุณภาพชีวิตควบคู่การอนุรักษ์ทรัพยากร และต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ (เกษตร–วัฒนธรรม–ธรรมชาติ) |
| ยุคสมัย/ปีสำคัญ | เริ่มงานพัฒนาในพื้นที่แม่แฮตามข้อมูลที่ให้มาปี 2521; (ข้อมูลปี/ชื่อหน่วยงานทางการควรอ้างอิงเอกสารมูลนิธิโครงการหลวงหรือหน่วยงานรับผิดชอบเมื่อมีข้อมูลยืนยันเพิ่มเติม) |
| หลักฐาน/ตัวเลขสำคัญ | ความสูงราว 1,300 ม.; พื้นที่รับผิดชอบราว 33 ตร.กม.; ครอบคลุม 3 อำเภอ (แม่วาง/แม่แจ่ม/สะเมิง); 24 หมู่บ้าน; 1,750 ครัวเรือน; อุณหภูมิเฉลี่ยราว 24°C |
| ที่มาชื่อ | ตั้งชื่อตามพื้นที่ชุมชน “แม่แฮ” และบทบาทเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวง |
| การเดินทาง | เชียงใหม่ → ทล.108 (เชียงใหม่–ฮอด) → สันป่าตอง (แยกบ้านกาด) → ทล.1013 (สันป่าตอง–แม่วาง) ~27 กม. → ผ่านศูนย์ฯ ทุ่งหลวง → ไปต่อ ~16 กม. ถึงศูนย์ฯ แม่แฮ (รวมราว ~101 กม.) |
| สถานะปัจจุบัน | เป็นพื้นที่พัฒนาและท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ แนะนำติดต่อสอบถามล่วงหน้าเพื่อความเหมาะสมในการเข้าชม/เข้าพัก และเช็กสภาพอากาศ–สภาพถนนก่อนเดินทาง |
| เบอร์ติดต่อสถานที่ | 053-211-489 |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง (ระยะทางโดยประมาณ) | จุดชมวิวม่อนยะ ~0–10 กม.; หน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะงะ ~7–10 กม.; แหล่งน้ำธรรมชาติบ้านห้วยขมิ้น ~3 กม.; โซนถนนทุ่งบัวตอง (แม่เตียน–แม่แฮ) ~5–25 กม.; โซนดอกนางพญาเสือโคร่ง (ตามจุดเหมาะสมของแต่ละปี) ~10–35 กม. |
| ร้านอาหารยอดนิยมใกล้เคียง (ระยะทางโดยประมาณ) | โซนบ้านกาด/อ.สันป่าตอง (ก่อนเข้าทาง 1013) ~40–60 กม.; โซนตลาด/ร้านอาหารอ.แม่วาง ~25–45 กม.; ร้านอาหารท้องถิ่นตามเส้นแม่วาง–แม่วิน (ตามจุดบริการจริง) ~20–50 กม.; ร้านอาหาร/คาเฟ่โซนทางผ่านก่อนขึ้นพื้นที่สูง ~30–60 กม.; (หากต้องใส่ “ชื่อร้าน+เบอร์” แนะนำให้ยืนยันจากเพจ/เว็บไซต์ทางการของร้านแต่ละแห่งก่อนเพื่อความแม่นยำ) |
| ที่พักยอดนิยมใกล้เคียง (ระยะทางโดยประมาณ) | บ้านพักรับรองในศูนย์ฯ (มีจำนวนจำกัด) ~0 กม.; โฮมสเตย์ชุมชนโซนแม่แฮ/แม่วิน (ต้องจองล่วงหน้า) ~0–20 กม.; ที่พักโซนแม่วาง/แม่วิน ~20–45 กม.; ที่พักโซนสันป่าตอง/บ้านกาด ~40–60 กม.; ที่พักในเมืองเชียงใหม่ (สำหรับคนกลับเมือง) ~90–110 กม.; (หากต้องใส่ “ชื่อที่พัก+เบอร์” แนะนำให้ยืนยันจากช่องทางทางการของที่พักแต่ละแห่งก่อน) |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | แปลงสาธิต/จุดเรียนรู้, พื้นที่รับรองผู้เยี่ยมชมตามภารกิจ, บ้านพักรับรอง (จำกัด), พื้นที่กางเต็นท์/เช่าเต็นท์ (ตามเงื่อนไข), จุดชมวิวบางจุดมีพื้นที่ตั้งแค้มป์ (ควรสอบถามก่อน) |
| ค่าธรรมเนียม | ไม่พบข้อมูลยืนยันแบบตายตัว (กรณีกางเต็นท์/นำเต็นท์มาเองอาจมีค่าบำรุงพื้นที่ตามเงื่อนไข ควรสอบถามก่อนเดินทาง) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮเหมาะกับใคร?
ตอบ: เหมาะกับคนที่อยากเที่ยวเชียงใหม่แบบเรียนรู้ สนใจโครงการพระราชดำริ เกษตรพื้นที่สูง วิถีชาติพันธุ์ และอยากเห็นพื้นที่ทำงานจริงมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวแนวถ่ายรูป
ถาม: ไปแล้วจะได้เห็นอะไรเป็นหลัก?
ตอบ: จะได้เห็นแปลงสาธิตผัก–ไม้ดอก แปลงผลผลิตของเกษตรกร (เช่น พลับ สาลี่ องุ่นไร้เมล็ด สตรอเบอรี่ตามฤดูกาล) รวมถึงบรรยากาศชุมชนและจุดธรรมชาติใกล้เคียงอย่างจุดชมวิวม่อนยะ/พื้นที่ต้นน้ำตามเส้นทาง
ถาม: สตรอเบอรี่ควรไปช่วงไหน?
ตอบ: ตามข้อมูลที่ให้มา ช่วงผลผลิตของไร่สตรอเบอรี่ (ศูนย์ฯ ย่อยบ่อแก้ว) มักอยู่ราวพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ แต่แนะนำโทรเช็กก่อน เพราะผลผลิตขึ้นกับอากาศของแต่ละปี
ถาม: มีประเพณี/วัฒนธรรมอะไรเด่นในพื้นที่?
ตอบ: เด่น ๆ คือปีใหม่ม้ง (มักช่วงธันวาคม) และประเพณีมัดมือกะเหรี่ยง (มักช่วงก่อน–หลังทำนา ราวตุลาคม–พฤศจิกายน และพฤษภาคม–มิถุนายน หรือทำในวาระเจ็บป่วย/เลี้ยงผีบ้าน) ควรเข้าชมด้วยความเคารพและขออนุญาตชุมชนก่อนถ่ายภาพ
ถาม: ที่พักและอาหารในศูนย์ฯ เป็นแบบไหน?
ตอบ: ตามข้อมูลที่ให้มา มีบ้านพักรับรองในศูนย์ฯ 1 หลัง (5 ห้อง) รองรับได้ราว 30 คน และมีพื้นที่กางเต็นท์/เช่าเต็นท์ ส่วนอาหารไม่มีบริการแบบหน้าร้าน แต่สามารถจัดหารับรองได้หากแจ้งล่วงหน้า และมีโฮมสเตย์ชุมชนให้บริการด้วย
ถาม: หน้าฝนควรระวังอะไรเป็นพิเศษ?
ตอบ: ควรระวังถนนลื่น โค้งเยอะ และทัศนวิสัยลดลง เผื่อเวลาเดินทาง ตรวจสภาพรถ และติดต่อสอบถามสภาพเส้นทาง/เงื่อนไขการเข้าพื้นที่ก่อนออกเดินทางเสมอ
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: