โครงการหลวงห้วยผักไผ่

Rating: 3/5 (7 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: แนะนำติดต่อ/นัดหมายล่วงหน้าก่อนเดินทาง (เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของมูลนิธิโครงการหลวง)
เวลาเปิดทำการ: แนะนำ 08.00–17.00 น. (เวลาอาจเปลี่ยนตามภารกิจพื้นที่/ฤดูกาล ควรตรวจสอบก่อนเดินทาง)
โครงการหลวงห้วยผักไผ่ (สวนกุหลาบหลวงห้วยผักไผ่) เป็นหนึ่งในปลายทาง “ที่พักผ่อนเชียงใหม่” ที่ให้บรรยากาศต่างจากการเที่ยวแบบเช็กลิสต์ เพราะจุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่ความหวือหวา แต่คือความเป็นพื้นที่ทำงานจริงของการพัฒนาพื้นที่สูงที่เดินคู่กับความงามของธรรมชาติอย่างพอดี โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ลาดไหล่เขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน และอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 540–600 เมตร ทำให้อากาศโดยรวมสบายกว่าพื้นราบ อุณหภูมิเฉลี่ยที่มีการอ้างถึงอยู่ราว 22 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงชอบแวะมาเดินเล่นแบบไม่รีบ และปล่อยให้ความเงียบของพื้นที่ค่อย ๆ ช่วยรีเซ็ตความเหนื่อยจากเมือง
พื้นที่นี้อยู่ในเขตหมู่บ้านแม่ฮะ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ บริบทชุมชนในอดีตถูกเล่าว่าเป็นชุมชนที่มีฐานะค่อนข้างยากจน และการทำเกษตรให้ผลลัพธ์ไม่สูงนัก ทำให้ชีวิตพึ่งพาความไม่แน่นอนของผลผลิตอยู่มาก ในปี 2523 มูลนิธิโครงการหลวงจึงจัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยผักไผ่ บนพื้นที่ประมาณ 81 ไร่ และขยายขอบเขตงานพัฒนาให้ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินงานราว 1,200 ไร่ โดยภาพรวมถูกอธิบายว่าเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปจัดสรรเพื่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่ให้ดีขึ้น
งานพัฒนาถูกเล่าว่าครอบคลุมหมู่บ้านในความรับผิดชอบ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านแม่ฮะ (หมู่ 3 และหมู่ 5) และหมู่บ้านปางยาง (หมู่ 6) รวมราว 321 ครอบครัว มีประชากรประมาณ 1,766 คน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ทำให้เราเห็นภาพว่าโครงการไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่เป็นการทำงานกับชีวิตจริงของผู้คนในพื้นที่สูง และเมื่อเวลาผ่านไป พื้นที่จึงค่อย ๆ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเยือนได้ หากเคารพกติกาและจังหวะของพื้นที่
สิ่งที่ทำให้ห้วยผักไผ่น่าสนใจในเชิงระบบ คือความร่วมมือข้ามหน่วยงานที่ถูกเล่าว่ามีตั้งแต่สำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 6 จังหวัดเชียงใหม่ที่ช่วยด้านการปรับปรุงที่ดินทำกิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีการจัดส่งบุคลากรเข้าพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนจากไต้หวันในด้านงานวิจัยการเกษตรที่สูง และผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาช่วยให้คำแนะนำการปลูกพืชหลายชนิด เมื่อมองแบบนักท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นข้อมูลฉากหลัง แต่ถ้ามองให้ลึก มันคือเหตุผลที่ทำให้ภูมิทัศน์การเกษตรและความมั่นคงของชุมชนค่อย ๆ ขยับจาก “อยู่ไปวัน ๆ” ไปสู่ “อยู่ได้อย่างมีระบบ” มากขึ้น
ในด้านการส่งเสริมพืช โครงการถูกบันทึกว่าแบ่งพืชที่ส่งเสริมออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ พืชไร่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเทียม ข้าวไร่ ขิง ข้าวนาดำ และถั่วเหลือง พืชผัก เช่น ผักกาดขาวปลี กะหล่ำปลี และไม้ผล เช่น มะม่วง ลิ้นจี่ และอโวคาโด โดยยังมีการกล่าวถึงว่าพืชที่ให้ผลผลิตสูงสุดแก่เกษตรกรคือ กลุ่มพืชผักในประเภท “ขิง” และกลุ่มไม้ผลในประเภท “ลิ้นจี่” ซึ่งสะท้อนการเลือกพืชให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ
ข้อจำกัดสำคัญของพื้นที่ที่ถูกเล่าคือการเพาะปลูกของเกษตรกรต้องพึ่งน้ำฝนเป็นหลักในฤดูฝน และแม้จะมีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน 1 แห่ง แต่ลำธารอยู่ต่ำกว่าพื้นที่ทำกิน จึงทำให้การนำน้ำขึ้นมาใช้มีข้อจำกัด เมื่อรวมกับการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมา ทำให้พื้นที่ทำกินของราษฎรยิ่งจำกัด โครงการจึงถูกอธิบายว่าได้พัฒนาพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขด้านภูมิประเทศและทรัพยากรที่มีอยู่จริง
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้ห้วยผักไผ่เป็นที่จดจำคือ “สวนกุหลาบหลวงห้วยผักไผ่” ซึ่งมูลนิธิโครงการหลวงเลือกพื้นที่ส่วนหนึ่งของศูนย์ฯ ราว 27 ไร่ ในปี 2532 เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ดำเนินงานด้านกุหลาบ โดยมีการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ สร้างบ่อพักน้ำขนาดเล็ก และวางบทบาทให้เป็นทั้งศูนย์รวบรวมและศึกษาพันธุ์กุหลาบชนิดต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นพื้นที่สาธิต ทดลองปลูก และเป็นแหล่งฝึกอบรมความรู้เรื่องกุหลาบสำหรับนักศึกษา เจ้าหน้าที่ และผู้สนใจ
การเดินสวนกุหลาบของห้วยผักไผ่ให้ความรู้สึกต่างจากสวนที่จัดโชว์เพียงอย่างเดียว เพราะแปลงกุหลาบถูกเล่าว่าปลูกไล่ไปตามไหล่เขา ทำให้การมองเห็นชั้นของแปลงและแนวลาดเป็นธรรมชาติของพื้นที่จริง ไม่ใช่การออกแบบเพื่อถ่ายรูปอย่างเดียว และสิ่งที่น่าสนใจคือมีการกล่าวถึงจำนวนพันธุ์กุหลาบที่รวบรวมได้ไม่น้อยกว่า 209 พันธุ์ โดยเน้นการศึกษาวิจัย การอนุรักษ์พันธุ์ และการขยายพันธุ์เพื่อส่งต่อให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอื่น ๆ ของมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อช่วยต่อยอดให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกรในหลายพื้นที่
ถ้าคุณตั้งใจมาพักผ่อนแบบสบาย ๆ ห้วยผักไผ่เหมาะกับการมาเดินช้า ๆ ในช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ เพื่อให้แสงและอากาศทำงานกับเราเต็มที่ โดยเฉพาะฤดูท่องเที่ยวที่ถูกแนะนำบ่อยคือช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมักเป็นช่วงที่อากาศดีและเหมาะกับการเดินชม แต่ไม่ว่ามาช่วงไหน หลักสำคัญของที่นี่คือการเคารพพื้นที่ที่เป็นฐานงานพัฒนาและฐานเรียนรู้ ไม่ทิ้งขยะ ไม่ส่งเสียงดังเกินจำเป็น ไม่ทำลายพืช และหากพบป้ายหรือกติกาพื้นที่ให้ยึดตามนั้นเป็นหลัก เพราะการท่องเที่ยวของที่นี่ควรเป็นแบบ “อยู่ร่วมได้” มากกว่าแบบ “ไปเอาความคุ้ม”
การเดินทาง โครงการหลวงห้วยผักไผ่ (สวนกุหลาบหลวง) ตั้งอยู่ที่บ้านแม่ฮะ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง บนเส้นทางสายสะเมิง–หางดง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 17 และมีทางแยกเข้าไปประมาณ 300 เมตร โดยเส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่มีการอ้างถึงได้ 2 แนวทางคือ เส้นเชียงใหม่–แม่ริม–สะเมิง–หางดง ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร และเส้นเชียงใหม่–หางดง–สะเมิง ระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร แนะนำให้เผื่อเวลาเดินทาง เพราะบางช่วงเป็นทางคดโค้งตามสภาพพื้นที่ไหล่เขา และในฤดูฝนอาจมีพื้นถนนลื่นหรือหมอกบางช่วง
ห้วยผักไผ่เป็นปลายทางที่เหมาะกับคนที่อยากได้ “เที่ยวภาคเหนือ” แบบสงบ ได้ทั้งความงามของสวนกุหลาบและความเข้าใจเบื้องหลังงานพัฒนาพื้นที่สูงที่ทำต่อเนื่องมายาวนาน หากคุณไปด้วยใจที่ไม่เร่ง และยอมให้พื้นที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องของมันเอง คุณจะได้ทริปที่ไม่ต้องใส่กิจกรรมเยอะ แต่กลับรู้สึกว่าได้พักจริง
| ชื่อสถานที่ | โครงการหลวงห้วยผักไผ่ (สวนกุหลาบหลวงห้วยผักไผ่) |
| ที่ตั้ง | บ้านแม่ฮะ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ (เส้นทางสะเมิง–หางดง บริเวณกม. 17 แยกเข้าไปประมาณ 300 ม.) |
| ลักษณะเด่น | พื้นที่ลาดไหล่เขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน อากาศสบาย เป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงและมีสวนกุหลาบหลวง แปลงกุหลาบปลูกไล่ตามไหล่เขา เหมาะกับเที่ยวพักผ่อนและเรียนรู้ |
| ยุคสมัย | จัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยผักไผ่ ปี 2523 และพัฒนาสวนกุหลาบหลวงบนพื้นที่ส่วนหนึ่ง ปี 2532 |
| หลักฐาน/ข้อมูลสำคัญ | ศูนย์ฯ ตั้งบนพื้นที่ราว 81 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินงานราว 1,200 ไร่ ดูแล 3 หมู่บ้าน รวมราว 321 ครอบครัว (ประชากรราว 1,766 คน) และมีการรวบรวมพันธุ์กุหลาบไม่น้อยกว่า 209 พันธุ์เพื่อศึกษา วิจัย อนุรักษ์ และขยายพันธุ์ |
| ที่มาของชื่อ | ใช้ชื่อ “ห้วยผักไผ่” ตามชื่อพื้นที่/ลำห้วยในท้องถิ่น และเป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงและสวนกุหลาบหลวง |
| การเดินทาง | เส้นสะเมิง–หางดง กม. 17 แยกเข้าไปประมาณ 300 ม.; จากเชียงใหม่ไปได้ 2 ทาง: เชียงใหม่–แม่ริม–สะเมิง–หางดง (ประมาณ 32 กม.) หรือ เชียงใหม่–หางดง–สะเมิง (ประมาณ 43 กม.) |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดเป็นพื้นที่พัฒนา/เรียนรู้ของมูลนิธิโครงการหลวง และรองรับการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อน (แนะนำตรวจสอบข้อมูลล่าสุดและนัดหมายล่วงหน้า) |
| เบอร์โทรติดต่อ | 099-135-1118 |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมระยะทาง | อุทยานหลวงราชพฤกษ์ — ระยะทางโดยประมาณ 10–18 กม. เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี — ระยะทางโดยประมาณ 10–18 กม. วัดพระธาตุดอยคำ — ระยะทางโดยประมาณ 12–20 กม. แกรนด์แคนยอนหางดง (Grand Canyon Chiang Mai) — ระยะทางโดยประมาณ 8–16 กม. กาดฝรั่งวิลเลจ (Kad Farang Village) — ระยะทางโดยประมาณ 8–16 กม. หมายเหตุ: ระยะทางเป็นค่าโดยประมาณเพื่อวางแผนทริป ควรตรวจสอบระยะจริงด้วยแผนที่ก่อนออกเดินทาง |
| popular restaurants nearby | Fernpresso at Lake — ระยะทางโดยประมาณ 10–20 กม. — โทร 096-768-8689 The Higher Room (Veranda High Resort) — ระยะทางโดยประมาณ 12–22 กม. — โทร 053-365007 Have-A-Hug Fusion Farm — ระยะทางโดยประมาณ 15–25 กม. — โทร 053-121-268 Caviart Cafe (Kad Farang) — ระยะทางโดยประมาณ 8–16 กม. — โทร 080-860-7774 Ginger Farm Kitchen (Hang Dong area) — ระยะทางโดยประมาณ 12–22 กม. — โทร 052-080-928 |
| popular accommodations nearby | Veranda High Resort Chiang Mai — ระยะทางโดยประมาณ 12–22 กม. — โทร 053-365007 North Hill City Resort — ระยะทางโดยประมาณ 18–30 กม. — โทร 053-333-111 Belle Villa Resort, Chiang Mai — ระยะทางโดยประมาณ 2–8 กม. — โทร 089-433-5990 Belle Villa Resort (เบอร์ตามข้อมูลที่พัก/สารบัญท่องเที่ยว) — ระยะทางโดยประมาณ 2–8 กม. — โทร 053-365-318 Rabeang Pasak Treehouse Resort — ระยะทางโดยประมาณ 35–55 กม. — โทร 093-040-6494 |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | พื้นที่เดินชมธรรมชาติและสวนกุหลาบ, จุดเรียนรู้/สาธิตตามการจัดการของศูนย์ฯ, ที่จอดรถ (ตามจุดบริการ), ห้องน้ำ (ตามโซนบริการ) |
| ค่าใช้จ่าย | — (ค่าเข้าชม/เงื่อนไขกิจกรรมอาจเปลี่ยนตามช่วงและการจัดการพื้นที่ แนะนำสอบถามหรือเช็กประกาศล่าสุดก่อนเดินทาง) |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: โครงการหลวงห้วยผักไผ่เหมาะกับใคร?
ตอบ: เหมาะกับคนที่อยากพักผ่อนเงียบ ๆ ชอบเดินเล่นชมสวนและธรรมชาติ และอยากเห็นภาพงานพัฒนาพื้นที่สูงของมูลนิธิโครงการหลวงแบบใกล้ตัว โดยไม่ต้องไปแหล่งท่องเที่ยวที่คนแน่น
ถาม: ช่วงไหนเหมาะกับการเที่ยวสวนกุหลาบหลวงห้วยผักไผ่มากที่สุด?
ตอบ: ช่วงที่มักถูกแนะนำคือเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะอากาศสบายและเหมาะกับการเดินชม แต่ควรเช็กสภาพอากาศและข้อมูลล่าสุดก่อนเดินทางเพื่อวางแผนให้เหมาะกับเส้นทางไหล่เขา
ถาม: ถ้าจะไปแบบเช้าไปเย็นกลับ ควรเผื่อเวลาแค่ไหน?
ตอบ: เผื่อเวลาเดินทางมากกว่าปกติเล็กน้อย เพราะช่วงใกล้ไหล่เขาอาจมีทางคดโค้ง และฤดูฝนอาจมีถนนลื่นหรือหมอกบางช่วง ไปช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ จะเดินสบายและได้แสงสวย
ถาม: ที่นี่มีอะไรนอกจากสวนกุหลาบ?
ตอบ: นอกจากสวนกุหลาบ ยังเป็นพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงที่มีเรื่องราวด้านการส่งเสริมพืช การจัดการทรัพยากร และการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง หากเข้าโซนเรียนรู้ควรเคารพกติกาพื้นที่และนัดหมายล่วงหน้า
ถาม: ต้องจองหรือโทรถามก่อนเข้าชมไหม?
ตอบ: แนะนำให้โทรตรวจสอบก่อนเดินทางเสมอ เพราะเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานจริง เวลาเปิดทำการหรือเงื่อนไขการเข้าชมอาจเปลี่ยนตามภารกิจพื้นที่และฤดูกาล
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: