อนุสาวรีย์สามกษัตริย์

Rating: 3.8/5 (5 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 24 ชั่วโมง
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในจุดแลนด์มาร์กสำคัญกลางเวียงเชียงใหม่ ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่หลังเก่า บนถนนพระปกเกล้า ภายในเขตกำแพงเมืองเก่า อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นพระบรมราชานุสรณ์ของพระมหากษัตริย์สามพระองค์ผู้มีบทบาทสำคัญต่อการก่อร่างสร้างเมืองเชียงใหม่ คือ พญามังราย พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) และพญางำเมือง ซึ่งต่างเป็นพระราชาธิราชผู้ทรงอิทธิพลในภูมิภาคและร่วมกันวางรากฐานบ้านเมืองในยุคต้นของอาณาจักรไทยเหนือ
พระบรมรูปทั้งสามพระองค์หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดใหญ่กว่าคนจริงเล็กน้อย สูงราว 2.7 เมตร ออกแบบและปั้นหล่อโดยคุณไข่มุกด์ ชูโต ศิลปินประติมากรชื่อดัง ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 เดือน ก่อนจะมีพิธีอัญเชิญพระบรมราชานุสรณ์จากกรุงเทพมหานครมาประดิษฐาน ณ ลานด้านหน้าศาลากลางหลังเก่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2526 นับแต่นั้นมา ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์จึงกลายเป็นเสมือน “หัวใจ” ของเมืองเชียงใหม่ในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ลานกว้างบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่ผู้คนสามารถเดินเล่น นั่งพัก หรือใช้เป็นจุดนัดพบได้ตลอดทั้งวัน รอบด้านรายล้อมด้วยพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และอาคารเก่าแก่ เช่น หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ รวมถึงเป็นจุดผ่านของถนนคนเดินวันอาทิตย์ที่มีชื่อเสียง ทำให้บรรยากาศในละแวกนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งนักท่องเที่ยว ชาวเชียงใหม่ คนมาทำบุญกราบไหว้ และผู้ที่สนใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์ล้านนา
ในมุมของประวัติศาสตร์อนุสาวรีย์แห่งนี้ไม่ใช่เพียงงานศิลปกรรมสวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ “มิตรภาพและพันธสัญญา” ระหว่างกษัตริย์สามพระองค์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำเนิดเมืองเชียงใหม่ กล่าวกันว่า พญามังราย พญาร่วง และพญางำเมือง เคยเสด็จมาพบกัน ณ บริเวณลุ่มน้ำอิง เมืองพะเยา และทรงกระทำสัตย์ปฏิญาณดื่มน้ำสัตยาผสมโลหิตจากปลายนิ้วพระหัตถ์ เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าจะไม่เป็นศัตรูต่อกัน และจะร่วมมือกันดูแลบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข
พญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายและผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ประสูติเมื่อปีกุน พ.ศ. 1782 ทรงขึ้นครองเมืองเงินยางเชียงแสนแทนพญาลาวเม็ง พระราชบิดา เมื่อราว พ.ศ. 1802 พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ ทั้งด้านการศึก การเมือง และการปกครอง ทรงรวบรวมเมืองน้อยใหญ่ให้เป็นปึกแผ่น และทรงตรากฎหมายมังรายศาสตร์ขึ้นเป็นหลักในการบริหารบ้านเมือง ทำให้ล้านนากลายเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็งและรุ่งเรือง
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 พญามังรายทรงเล็งเห็นทำเลที่เหมาะสมของลุ่มน้ำปิงตอนบน จึงทรงย้ายราชธานีจากเมืองเชียงรายมาสู่เมืองใหม่ที่ทรงสร้างขึ้นคือ เมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 1839 เมืองเชียงใหม่จึงกลายเป็นศูนย์กลางการปกครอง วัฒนธรรม และศาสนาของล้านนาเรื่อยมาหลายร้อยปี จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของตัวตนคนเชียงใหม่ในปัจจุบัน
พญาร่วง หรือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรสุโขทัย ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่สามของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พระองค์มีพระเกียรติคุณโดดเด่นตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยเฉพาะชัยชนะจากการยุทธหัตถีกับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด เมื่อมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา ทำให้ชื่อเสียงแผ่ไกลไปทั่วหัวเมืองทั้งหลาย นอกจากพระปรีชาทางการทหารแล้ว พระองค์ยังทรงเลื่องชื่อในฐานะ “พระบิดาแห่งอักษรไทย” เนื่องจากทรงประดิษฐ์อักษรไทยเมื่อราว พ.ศ. 1826 ซึ่งเป็นต้นแบบของตัวอักษรไทยที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้
ตลอดรัชสมัย พญาร่วงทรงดูแลอาณาจักรสุโขทัยด้วยหลักธรรมและความเมตตา มีหลักฐานในศิลาจารึกกล่าวถึงการให้เสรีภาพแก่ราษฎร การค้าขาย และการเดินทางของผู้คน ทำให้สุโขทัยรุ่งเรืองทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และศาสนา จนมักถูกกล่าวถึงว่าเป็นยุคทองยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย
ส่วนพญางำเมือง กษัตริย์ผู้ครองเมืองพะเยา ประสูติเมื่อปีจอ พ.ศ. 1781 ทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพญามิ่งเมือง พระราชบิดา เมื่อราว พ.ศ. 1801 พระองค์ทรงศึกษาศิลปวิทยาร่วมสำนักอาจารย์เดียวกับพญามังราย ทำให้ทั้งสองพระองค์มีความสนิทสนมเป็นสหายใกล้ชิดกันตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พญางำเมืองทรงเป็นกษัตริย์ที่เน้นการใช้ไมตรีและวิเทโศบายทางการเมือง ผูกสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรใกล้เคียง ทำให้เมืองพะเยาอยู่ในภาวะสงบร่มเย็นสืบเนื่องยาวนาน
เมื่อพระราชาธิราชทั้งสามพระองค์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงนำไปสู่การร่วมกันวางแผนจัดระเบียบเมืองและเขตแดนในภูมิภาคล้านนา–สุโขทัย ซึ่งหนึ่งในผลลัพธ์สำคัญคือการร่วมกันวางผังเมืองและสนับสนุนการสถาปนาเมืองเชียงใหม่เป็นราชธานีของล้านนา เรื่องราวของมิตรภาพ การร่วมมือ และการเคารพกันและกันนี้เองที่ถูกสรุปออกมาในรูปของอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อันเป็นสัญลักษณ์ของ “สามพระหัตถ์ที่จับต้องกันด้วยความเชื่อมั่น” ที่ชาวเชียงใหม่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ในปัจจุบัน ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ยังใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญของเมืองเชียงใหม่อยู่เนือง ๆ ทั้งพิธีทำบุญเมือง งานวัฒนธรรมล้านนา ขบวนแห่ในเทศกาลใหญ่ รวมถึงเป็นฉากหลังสำคัญของถนนคนเดินวันอาทิตย์ตอนค่ำ นักท่องเที่ยวจึงสามารถมาสัมผัสทั้งมิติของประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตร่วมสมัยของคนเชียงใหม่ได้ในพื้นที่เดียวกัน
การเดินทางมายังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ทำได้อย่างสะดวก เพราะตั้งอยู่กลางคูเมืองเชียงใหม่ หากออกเดินจากประตูท่าแพสามารถใช้เวลาเดินราว 10–15 นาทีตามถนนราชดำเนินตรงเข้ามาถึงลานอนุสาวรีย์ได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถนั่งรถสองแถวแดง รถตุ๊กตุ๊ก หรือแท็กซี่จากสนามบินเชียงใหม่ สถานีรถไฟ หรือขนส่งอาเขต โดยเพียงบอกจุดหมายว่า “อนุสาวรีย์สามกษัตริย์” คนขับก็จะรู้จักเป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่ขับรถส่วนตัวสามารถหาที่จอดได้ตามริมถนนโดยรอบ หรือในลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์และสถานที่ราชการใกล้เคียงในช่วงที่อนุญาตให้จอด
| ชื่อสถานที่ | อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ (Three Kings Monument) |
| ที่ตั้ง | หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่หลังเก่า ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในเขตกำแพงเมืองเก่า |
| ลักษณะสำคัญ | พระบรมราชานุสรณ์สามกษัตริย์ หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ ขนาดใหญ่กว่าคนจริงเล็กน้อย เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความร่วมมือของพญามังราย พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) และพญางำเมือง รวมถึงเป็นลานกิจกรรมและจุดถ่ายรูปสำคัญกลางเมืองเชียงใหม่ |
| สมัย / ยุค | สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2526 เพื่อรำลึกถึงกษัตริย์สามพระองค์ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 18–19 ซึ่งเป็นยุคการสถาปนาอาณาจักรล้านนาและการร่วมมือกันระหว่างหัวเมืองเหนือ |
| หลักฐานสำคัญ | พระบรมราชานุสรณ์สามกษัตริย์พร้อมฐานจารึกที่กล่าวถึงพระนามของพญามังราย พญาร่วง และพญางำเมือง ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทในการสร้างเมืองเชียงใหม่และการร่วมมือกันวางผังเมือง |
| ที่มาของชื่อ | มาจากการที่อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นพระบรมรูปของกษัตริย์สามพระองค์ คือ พญามังราย กษัตริย์ล้านนา, พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) กษัตริย์สุโขทัย และพญางำเมือง กษัตริย์เมืองพะเยา ซึ่งทรงเป็นพระสหายและพันธมิตรกัน |
| การเดินทาง | จากประตูท่าแพ เดินตามถนนราชดำเนินเข้ามาในคูเมือง ใช้เวลาประมาณ 10–15 นาที หรือนั่งรถสองแถวแดง รถตุ๊กตุ๊ก หรือแท็กซี่จากสนามบินเชียงใหม่ สถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งอาเขต เพียงบอกปลายทางว่า “อนุสาวรีย์สามกษัตริย์” ก็สามารถมาถึงได้สะดวก |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง | หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (ประมาณ 50 เมตร), พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา (ประมาณ 100 เมตร), วัดเจดีย์หลวง (ประมาณ 500 เมตร), ประตูท่าแพและถนนคนเดินวันอาทิตย์ (ประมาณ 800–900 เมตร), วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร (ประมาณ 900 เมตร) |
| ร้านอาหารยอดนิยมใกล้เคียง | ข้าวมันไก่เกียรติโอชา ถนนอินทวโรรส (ประมาณ 0.2 กม. โทร. 053-327-263), Ponganes Coffee Roasters ซอยอินทวโรรส 1 (ประมาณ 0.7 กม. โทร. 087-727-2980), Woo Café & Art Gallery ย่านวัดเกต (ประมาณ 1.8 กม. โทร. 052-003-717) |
| ที่พักยอดนิยมใกล้เคียง | Cozytel Chiang Mai ถนนจาบ้าน (ประมาณ 0.3 กม. โทร. 097-998-8199), Chala Number 6 ถนนพระปกเกล้า ใกล้วัดเจดีย์หลวง (ประมาณ 0.3 กม. โทร. 052-010-466), U Nimman Chiang Mai ถนนนิมมานเหมินท์ (ประมาณ 2.5 กม. โทร. 052-005-111) |
| สถานะปัจจุบัน | เป็นลานสาธารณะและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกลางเมืองเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมง ใช้เป็นสถานที่จัดงานวัฒนธรรม พิธีการสำคัญของเมือง และเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินเที่ยวรอบคูเมืองเชียงใหม่ |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: อนุสาวรีย์สามกษัตริย์คือใครทั้งสามพระองค์?
ตอบ: อนุสาวรีย์สามกษัตริย์เป็นพระบรมราชานุสรณ์ของพญามังราย กษัตริย์ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา, พญาร่วง หรือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย และพญางำเมือง กษัตริย์ผู้ครองเมืองพะเยา ทั้งสามพระองค์ทรงมีความเป็นสหายและพันธมิตรที่สำคัญต่อกัน
ถาม: อนุสาวรีย์สามกษัตริย์เปิดให้เข้าชมช่วงเวลาใด?
ตอบ: บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เป็นพื้นที่สาธารณะ สามารถมาเดินชมและถ่ายภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยช่วงเช้าและเย็นจะค่อนข้างสงบ เหมาะกับการนั่งเล่นหรือถ่ายรูป ส่วนช่วงค่ำคืนวันอาทิตย์จะคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีถนนคนเดินผ่านด้านหน้า
ถาม: บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์มีกิจกรรมหรือบรรยากาศแบบไหน?
ตอบ: ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม พิธีทำบุญเมือง งานเทศกาลสำคัญของชาวเชียงใหม่ และเป็นพื้นที่พักผ่อนของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว บรรยากาศในตอนเย็นมักมีคนมานั่งเล่น ถ่ายรูป และเดินเล่นต่อไปยังวัดใกล้เคียงหรือถนนคนเดิน
ถาม: เดินทางไปอนุสาวรีย์สามกษัตริย์จากประตูท่าแพสะดวกหรือไม่?
ตอบ: สะดวกมาก จากประตูท่าแพสามารถเดินเท้าตามถนนราชดำเนินเข้ามาภายในคูเมือง ใช้เวลาประมาณ 10–15 นาที ทางเดินปลอดภัย มีร้านค้า ร้านอาหาร และวัดสำคัญอยู่ระหว่างทาง เหมาะสำหรับการเดินเที่ยวชมเมืองแบบสบาย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัว
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
ภูมิภาค
|







หมวดหมู่:
กลุ่ม: