ยำหัวปลีโบราณ อาหารไทย สูตรอาหารภาคใต้

Rating: 5/5 (1 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวปัตตานี
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
ยำหัวปลีโบราณ อาหารไทย สูตรอาหารภาคใต้ ด้วยรสชาติหัวปลีมีความฝาด จึงนำมายำกับกะทิผสมน้ำตาลทราย เกลือ ทำให้ได้รสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง นับเป็นอาหารที่นิยมทำรับประทานเองที่บ้าน รับประทานกับข้าวสวย ทั้ง 3 มื้อ หรือบางครั้งสามารถหารับประทานได้ในงานมลคลต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน, ขึ้นบ้านใหม่ และงานเมาลิด เป็นต้น
กล้วยเป็นพืชไม้ล้มลุกที่ชาวบ้านในชุมชนนิยมปลูกตามบ้าน ตามสวน เพราะเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ใบตองใช้ห่ออาหาร ลำต้นใช้ทำเชือกกล้วย ส่วนต่าง ๆ ของกล้วยนำมาทำอาหารได้มากมาย เช่น ผลทั้งสุก และดิบทำกล้วยแขก กล้วยบวชชี, กล้วยปิ้ง และหัวปลีนำมารับประทานได้หลายวิธี เช่น รับประทานสด หรือต้มแหนมกับบูดู แกงหัวปลี และแกงเลียงหัวปลี แต่ชาวไทยมุสลิมปัตตานีนิยมนำหัวปลีมาทำเป็นยำ
วัตถุดิบ ยำหัวปลี (สูตรอาหารภาคใต้)
- หัวปลีกล้วยน้ำว้า
- กะทิ
- น้ำกระเทียมดอง
- น้ำพริกเผา
- มะนาว
- หอมแดง
- พริกแดง
- ผักชี
วิธีทำ ยำหัวปลี (อาหารไทยโบราณ)
1. เตรียมหัวปลี ปลอกเปลือก นำไปแช่น้ำโดยใส่มะนาว และเกลือลงไป ผ่าหัวปลีแล้วแช่ในน้ำที่เตรียมไว้ประมาณ 10 นาที
2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำลงไปเพื่อเตรียมต้มหัวปลี ใส่เกลือ และมะนาวลงไป จากนั้นใส่กะทิลงไป รอให้เดือดสักครู่จากนั้นใส่หัวปลีที่เตรียมไว้ลงไปต้มประมาณ 10 นาที จากนั้นนำหัวปลีมาพักแยกไว้ เมื่อเย็นลงให้ทำมาแยกดอกทิ้งไป เนื่องจากมีความฝาดอยู่บ้าง จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
3. เตรียมเครื่อง ซอยพริกแดง และหอมแดง
4. ขั้นตอนการยำ ใส่น้ำตาล น้ำพริกเผา และน้ำกระเทียมดองลงไป ตามด้วยกะทิ และมะนาวเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นนำหัวปลีที่ได้เตรียมมาลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกซอย และหอมแดงที่ได้เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยผักชี คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
อาหารภาคใต้ อาหารพื้นบ้านภาคใต้นั้นจะมีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เนื่องจากดินแดนของภาคใต้เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายของพ่อค้าจากอินเดีย จีนและชวา จึงทำให้วัฒนธรรมของชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดียใต้ ซึ่งเป็นต้นตำรับในการใช้เครื่องเทศปรุงอาหารได้เข้ามามีอิทธิพลเป็นอย่างมาก
อาหารพื้นบ้านภาคใต้ ทั่วไปนั้นจะมีลักษณะผสมผสานระหว่างอาหารไทยพื้นบ้านกับอาหารอินเดียใต้เช่น น้ำบูดู ซึ่งได้มาจากการหมักปลาทะเลสดผสมกับเม็ดเกลือ และมีความคล้ายคลึงกับอาหารมาเลเซีย อาหารใต้จึงมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่น ๆ ประกอบกับสภาพภูมิศาสตร์ที่อยู่ติดทะเลทั้งสองด้านจึงมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกตลอดปี อาหารประเภทแกงและเครื่องจิ้มจึงมีรสจัด ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ป้องกันการเจ็บป่วยได้อีกด้วย
อาหารใต้ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และประเพณีไทยในสำรับอาหารปักษ์ใต้นั้นได้รับอิทธิพลจากอินเดียใต้ ทำให้เกิดตำรับอาหารใหม่มากมาย ล้วนผ่านวิธีการดัดแปลง ปรับปรุงเป็นวัฒนธรรมอาหารการกินที่ถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานในปัจจุบัน จึงทำให้มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากภาคอื่นอย่างชัดเจนคือ รสชาติจัด เน้นเครื่องเทศ และมีผักสารพัดชนิดที่เรียกว่า ผักเหนาะ นับเป็นพืชพื้นบ้านหาได้ในท้องถิ่นภาคใต้ เช่น ลูกเหนียง, สะตอ และยอดกระถิน มากินร่วมด้วยซึ่งจะช่วยบรรเทารสเผ็ดของอาหาร ทั้งมีสรรพคุณเป็นยาอีกด้วย เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงเป็นอาหารส่วนมากนิยมสัตว์ทะเล เช่น ปลาทู, ปูทะเล, กุ้ง, หอย และปลากระบอก ซึ่งจะหาได้ในท้องถิ่น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ เช่น แกงไตปลา แกงเหลือง มักจะนิยมใส่ขมิ้นปรุงอาหารเพื่อแก้รสคาว เครื่องจิ้มคือน้ำบูดูอาหารพื้นบ้านภาคใต้ที่มีชื่อเสียง
อาหารไทย เป็นอาหารประจำของประเทศไทย ที่มีการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่สำคัญของประเทศไทย ต้ม, ยำ, ตำ และแกง ส่วนการทำอาหารแบบทอด ผัด และนึ่ง มีที่มาจากการทำอาหารแบบจีน
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage



หมวดหมู่:
กลุ่ม:
ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์(
แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(
พระราชวัง(
ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(
บ้านโบราณ และเมืองโบราณ(
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ
พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา(
ศูนย์ฝึกอบรม(
มหาวิทยาลัย
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
วัด(
มัสยิด(
สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(
โครงการในพระราชดำริ
โครงการหลวง(
วิถีชีวิต
หมู่บ้าน ชุมชน(
ตลาดท้องถิ่น(
ธรรมชาติ และสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(
ดอย และภูเขา(
น้ำตก(
แม่น้ำลำคลอง(
อ่าว และชายหาด(
หมู่เกาะ(
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(
บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(
รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร(