สวนของพ่อ

Rating: 4/5 (5 votes)
สถานที่ท่องเที่ยวสระแก้ว
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00–17.00 น.
สวนของพ่อ จังหวัดสระแก้ว (โครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท 84 พรรษา) เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่พัฒนาขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อใช้เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แหล่งสาธิตอาชีพเชิงเกษตรแบบพึ่งตนเอง และแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ชุมชน และทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล ตัวโครงการตั้งอยู่ที่บ้านคลองน้ำเขียว หมู่ที่ 15 ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว โดยมีภูมิทัศน์เป็นพื้นที่ราบเชิงเขาตามแนวเทือกเขาบรรทัด อันเหมาะสมต่อการจัดวางแปลงสาธิตเกษตรผสมผสาน การปลูกไม้ผล พืชผักสวนครัว และกิจกรรมพัฒนาชุมชนด้านที่อยู่อาศัยและจิตใจอย่างต่อเนื่อง
บทความฉบับนี้มุ่งเสนอภาพรวมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่วัตถุประสงค์และพัฒนาการของโครงการ โครงสร้างกิจกรรมหลักสามด้าน ผลลัพธ์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม บทบาทเชิงการท่องเที่ยวและการศึกษา ตลอดจนแนวทางการเดินทางและมารยาทการเข้าชม เพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจคุณค่าของ “สวนของพ่อ” ในฐานะพื้นที่ตัวอย่างการพัฒนาที่เดินตามรอยพระราชปณิธานว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และสามารถวางแผนการเยี่ยมชมเชิงเรียนรู้อย่างเหมาะสม
ภูมิหลังและที่มาของโครงการ “สวนของพ่อ” ถือกำเนิดจากกรอบแนวคิดการพัฒนาตามพระราชดำริที่มุ่งสร้างความมั่นคงทางปัจจัยสี่ของประชาชน โดยให้ความสำคัญทั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการดำรงชีพ (น้ำ ดิน ป่า) และความรู้เพื่อการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน สระแก้วเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีภูมิประเทศรอยต่อป่าเขาและชุมชนเกษตรกรรม พื้นที่เชิงเขาเทือกเขาบรรทัดจึงเป็นทั้งต้นน้ำลำธารและพื้นที่ทำกิน เมื่อเกิดการขยายตัวของชุมชนและเศรษฐกิจ การใช้ทรัพยากรอาจส่งผลกระทบต่อสมดุลระบบนิเวศ โครงการจึงมุ่งพัฒนา “พื้นที่ตัวอย่าง” ที่สามารถทำเกษตรได้อย่างรู้คุณค่า ไม่ทำลายป่าไม้ และยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนด้วยวิธีคิดเชิงระบบ
ในเชิงสถาบัน โครงการได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น สถานศึกษา และเครือข่ายภาคประชาชน โดยมีการจัดองค์ความรู้และสาธิตกิจกรรมตาม “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” อันประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมความรู้และคุณธรรมกำกับ เพื่อกำหนดกระบวนการทำงานที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่สระแก้ว
วัตถุประสงค์หลักของ “สวนของพ่อ” โครงการมีเป้าหมายบูรณาการ 3 มิติของการพัฒนาชุมชนไว้อย่างชัดเจน ได้แก่ (1) มิติด้านกายภาพ/ที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับความเป็นระเบียบ สะอาด ปลอดภัย และเอื้อต่อสุขภาวะ (2) มิติด้านอาชีพ เพื่อเสริมสร้างรายได้อย่างพอเพียงด้วยเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชหลากชนิด ลดความเสี่ยงจากราคาพืชเชิงเดี่ยว และสนับสนุนการแปรรูปเพิ่มมูลค่า และ (3) มิติด้านจิตใจ เพื่อปลูกฝังคุณธรรม ความขยันอดทน การเอื้ออาทร การมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อส่วนรวม ตลอดจนความภาคภูมิใจในถิ่นฐานบ้านเกิด เป้าหมายสุดท้ายคือให้ประชาชน “อยู่ดี มีสุข” บนฐานทรัพยากรธรรมชาติที่ฟื้นตัวได้ ไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมและรัฐ
โครงสร้างกิจกรรมและองค์ประกอบการเรียนรู้ เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ดังกล่าว โครงการจึงจัดวางกิจกรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคมหลายประการอย่างเป็นระบบ ดังนี้
1) พัฒนาที่อยู่อาศัยและภูมิทัศน์ชุมชน การปรับปรุงบ้านเรือนให้ถูกสุขลักษณะ การจัดระบบน้ำสะอาดและการจัดการน้ำฝนเบื้องต้น การคัดแยกขยะและทำปุ๋ยอินทรีย์จากเศษพืช ลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และสร้างบรรยากาศชุมชนที่น่าอยู่ ทั้งนี้ พื้นที่ว่างรอบบ้านและรั้วบ้านมักถูกออกแบบให้เป็น “สวนครัวรั้วกินได้” เพื่อเพิ่มแหล่งอาหารปลอดภัยและลดการพึ่งพาตลาด
2) ส่งเสริมการประกอบอาชีพ แปลงสาธิตเกษตรผสมผสานตามแนวคิด “ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” ถูกใช้เป็นห้องเรียนกลางแจ้ง มีการทดลองปลูกไม้ผลตามฤดูกาล ควบคู่พืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร และพืชพื้นถิ่นที่ใช้น้ำน้อย สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์พื้นบ้านที่เหมาะกับพื้นที่ เช่น ไก่พื้นเมือง เป็ด และปลาน้ำจืดในบ่อดิน รวมถึงการสาธิตทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยคอก และการจัดการดินอย่างถูกวิธี ลดการพึ่งปัจจัยการผลิตภายนอก ช่วยให้ต้นทุนต่ำลงและรายได้สม่ำเสมอขึ้น
3) พัฒนาจิตใจและทุนทางสังคม โครงการให้ความสำคัญกับ “คน” เป็นศูนย์กลาง ผ่านการฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรม การทำงานอาสาสมัคร การประชุมชุมชนสม่ำเสมอ และการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การเพาะพันธุ์พืช การจักสาน การถนอมอาหาร ตลอดจนการปลูกฝังวินัยทางการเงินภาคครัวเรือน (ออมเล็กออมน้อย) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ
นอกจากแกนหลักทั้งสาม ยังมี “องค์ประกอบการเรียนรู้” ที่ช่วยให้การพัฒนาครบวงจรยิ่งขึ้น อาทิ พื้นที่นิทรรศการแนวพระราชดำริ แหล่งรวบรวมองค์ความรู้ เอกสาร/สื่อมัลติมีเดียเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง มุมสาธิตเครื่องมือเกษตรพื้นฐาน และศูนย์จำหน่ายผลิตผล/ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับมาตรฐานพื้นฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกันด้วยเส้นทางเดินชมและจุดป้ายความรู้ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอน
ผลลัพธ์ด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณาจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ การดำเนินงานของ “สวนของพ่อ” เกิดผลในสามมิติสำคัญ ดังนี้
มิติสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้น ด้วยรูปแบบกิจกรรมที่เน้นการลงมือร่วมกัน (workshop/อาสาสมัคร) และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ลดความรู้สึกโดดเดี่ยวของครัวเรือนเกษตรรายย่อย และสร้างพื้นที่สาธารณะให้คนต่างวัยพบปะ โดยเฉพาะเยาวชนที่ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและเห็นคุณค่าทรัพยากรชุมชน
มิติเศรษฐกิจ แม้โครงการไม่ได้มีเป้าหมายผลกำไรเชิงพาณิชย์ แต่การพัฒนาทักษะอาชีพและการลดต้นทุนการผลิตทำให้ครัวเรือนมีรายได้สุทธิที่มั่นคงขึ้น การกระจายชนิดพืชและการแปรรูปเบื้องต้นช่วยลดความเสี่ยงจากฤดูกาลและราคาตลาด ชุมชนเกิดความสามารถในการจัดการห่วงโซ่อุปทานขนาดเล็ก เช่น การรวมกลุ่มจำหน่ายผักสด ปุ๋ยอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์พื้นบ้านคุณภาพดี
มิติสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรน้ำและดินอย่างรู้คุณค่า การเพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบบ้านและในแปลงสาธิต และการหมุนเวียนเศษชีวมวลกลับสู่ดิน ช่วยลดภาระต่อระบบนิเวศ นอกจากนี้ กิจกรรมปลูกต้นไม้และฟื้นฟูป่าชุมชนแนวเชิงเขา ยังทำหน้าที่เป็นเขตกันชนที่ลดแรงกดดันต่อป่าอนุรักษ์ สอดรับกับเป้าหมายการบริหารจัดการลุ่มน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพของจังหวัด
บทบาทของ “สวนของพ่อ” ในการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้
ความโดดเด่นของโครงการไม่ได้อยู่ที่ความสวยงามเชิงภูมิทัศน์เท่านั้น หากแต่อยู่ที่ “กระบวนการเรียนรู้” ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ผู้มาเยือนมักได้รับการแนะนำเส้นทางชมเป็นลำดับ เริ่มจากป้ายประวัติความเป็นมา จุดสาธิตเกษตรผสมผสาน โรงเรือนเพาะชำหรือแปลงพืชสมุนไพร ไปจนถึงบ่อเลี้ยงปลา/แหล่งน้ำ และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ตลอดทางมีจุดหยุดชมและป้ายองค์ความรู้ที่สรุปหลักคิดและวิธีปฏิบัติอย่างสั้น กระชับ ชัดเจน
ในมิติการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ “สวนของพ่อ” ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายบนเส้นทาง “ตามรอยพ่อ รัชกาลที่ 9” ของจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเชื่อมโยงกับสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติปางสีดา อันมีชื่อเสียงเรื่องผีเสื้อและป่าต้นน้ำ และ อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก จุดพักผ่อนและทำกิจกรรมนันทนาการกลางแจ้ง นักท่องเที่ยวจึงสามารถวางแผนเดินทางแบบ “หนึ่งวันเรียนรู้–หนึ่งวันธรรมชาติ” หรือผนวกเป็นทริปสุดสัปดาห์ที่ได้ทั้งความรู้ ความสงบ และสุขภาพที่ดีจากการเดินแบบเบา ๆ ในพื้นที่สีเขียว
องค์ความรู้สำคัญที่ผู้มาเยือนควรจับประเด็น เพื่อให้การเยี่ยมชมมีคุณค่าต่อการนำกลับไปใช้จริง ขอนำเสนอ “ห้าประเด็น” ที่ควรติดตัวกลับบ้าน
หนึ่ง: การออกแบบแปลงผสมผสาน เรียนรู้การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ เช่น พืชอาหารเร็ว–กลาง–ยาว บ่อเก็บน้ำขนาดเล็ก ทางเดิน–ร่องน้ำ–คันนา และตำแหน่งไม้ยืนต้นเพื่อร่มเงา/กันลม การออกแบบที่ดีทำให้ระบบดูแลรักษาง่ายและยืดหยุ่นต่อภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง
สอง: ธาตุอาหารดินและปุ๋ยอินทรีย์ เม็ดปัญหาสำคัญของเกษตรรายย่อยคือดินเสื่อม จึงควรเรียนรู้การทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก การใส่วัสดุคลุมดิน และการปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุ ช่วยให้พืชแข็งแรง ลดโรค แมลง และค่าใช้จ่ายปุ๋ยเคมี
สาม: น้ำคือชีวิต ระบบเก็บกักน้ำฝน บ่อพักน้ำ และการให้น้ำแบบประหยัด (หยด/สปริงเกอร์) เป็นหัวใจของพื้นที่เชิงเขา การบริหารน้ำที่ดีช่วยรดความเสี่ยงเสียหายจากฤดูกาล และทำให้พืชคุณภาพดีขึ้น
สี่: การกระจายรายได้และการแปรรูป จากผลผลิตที่หลากหลาย ควรเลือกบางชนิดไปแปรรูปเพิ่มมูลค่า เช่น ผักปลอดสารแปรรูป น้ำพริก/น้ำหมัก ผลไม้อบแห้ง หรือเมล็ดพันธุ์คัดเลือก สำหรับครัวเรือนเริ่มต้น การรวมกลุ่มขนาดเล็กเป็นช่องทางแบ่งปันต้นทุนบรรจุภัณฑ์และการตลาด
ห้า: ชุมชนเข้มแข็งและความสุข โครงการย้ำว่าความสำเร็จของการพัฒนาต้องอาศัยพลังร่วม การช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างเพื่อนบ้าน การแบ่งปันเมล็ดพันธุ์/พันธุ์สัตว์ และการทำเกษตรอย่างไม่เบียดเบียน เป็นทุนทางสังคมที่ทำให้ชุมชนอยู่รอดได้แม้ในภาวะยากลำบาก
จิตวิญญาณของพื้นที่: ความเรียบง่ายที่มีระบบ แม้ชื่อ “สวนของพ่อ” จะชวนให้นึกถึงภาพสวนผลไม้หรือสนามหญ้า แต่แก่นแท้ของพื้นที่คือ “แบบฝึกหัดการพึ่งตนเอง” ที่ออกแบบมาอย่างเป็นลำดับขั้น ผู้อ่านจะสัมผัสได้ว่าความเรียบง่ายไม่ใช่ความล้าหลัง หากเป็นความเรียบง่ายที่ผ่านการกลั่นกรองให้สอดคล้องกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และวิถีชีวิตท้องถิ่น สิ่งนี้ทำให้โครงการมีความคงทนทางสังคม: ไม่อิงงบประมาณหรือเครื่องมือซับซ้อนเกินจำเป็น และประชาชนทั่วไปสามารถนำแนวทางไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเองได้โดยไม่ติดข้อจำกัดมาก
การเดินทางและการวางแผนเข้าชม ผู้มาเยือนสามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองสระแก้วตามเส้นทางทิศใต้–ตะวันตกไปยังบ้านคลองน้ำเขียว ตำบลท่าแยก เส้นทางหลักเป็นถนนลาดยาง สภาพดี มีป้ายบอกทางสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในละแวกเดียวกัน ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางควรตรวจสภาพอากาศ เนื่องจากช่วงปลายฤดูฝน–ต้นฤดูหนาว อาจมีหมอกและฝนโปรยในยามเช้า หากใช้ขนส่งสาธารณะ แนะนำให้เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองสระแก้วก่อน แล้วต่อรถรับจ้างท้องถิ่น (รถสองแถว/รถแท็กซี่ท้องถิ่น) ไปยังพื้นที่ตำบลท่าแยก โดยควรประสานงานเรื่องจุดรับ–ส่งล่วงหน้า
เวลาเปิดทำการของโครงการคือ 08.00–17.00 น. ทุกวัน ทั้งนี้ หากประสงค์เข้าศึกษาดูงานเชิงกลุ่ม ควรแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าเพื่อจัดวิทยากร/เส้นทางชมให้เหมาะสม และเพื่อมิให้กระทบต่อกิจกรรมภายในชุมชน นักท่องเที่ยวเชิงเดี่ยวสามารถเข้าชมด้วยตนเองโดยเคารพกติกาพื้นที่ หลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังหรือรบกวนสัตว์เลี้ยง–พืชผล และงดเก็บตัวอย่างพืช/ดินโดยไม่รับอนุญาต
มารยาทการเข้าชมและความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่เป็นแปลงเกษตรและชุมชนจริง ผู้เข้าชมควรแต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าที่เหมาะกับการเดินบนดินหรือกรวด ล้างมือหลังสัมผัสดิน/ปุ๋ยอินทรีย์ หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำแปลงปลูกและต้นกล้า ระมัดระวังอุปกรณ์เกษตรที่อาจวางอยู่ตามจุดสาธิต และหากพาเด็กเล็กมา ควรดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ควรเตรียมน้ำดื่มส่วนตัวและป้องกันแสงแดด โดยเฉพาะในช่วงสาย–บ่ายของฤดูร้อน
ความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเรียนรู้ระดับจังหวัด “สวนของพ่อ” ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกับหน่วยงานด้านเกษตรและการพัฒนาชุมชนระดับจังหวัด/อำเภอ ตลอดจนสถานศึกษาและเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบในละแวก ผู้มาเยือนที่สนใจเรียนรู้เชิงลึกสามารถประสานเพื่อเยี่ยมชมฟาร์มต้นแบบหรือแปลงเกษตรชุมชนที่อยู่ในเครือข่าย เพื่อเห็นนวัตกรรมการประยุกต์ใช้แนวเศรษฐกิจพอเพียงในสภาพดิน–น้ำ–ภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น
ฤดูกาลที่เหมาะสมในการเยี่ยมชม ในแง่ประสบการณ์การเรียนรู้ ช่วงปลายฝน–ต้นหนาว (ประมาณตุลาคม–ธันวาคม) เป็นช่วงที่พืชผักกำลังงาม เขียวสด และอากาศไม่ร้อนจัด การเดินชมแปลงสาธิตในช่วงเช้าจะสบายเป็นพิเศษ ส่วนฤดูร้อน (มีนาคม–เมษายน) ควรวางแผนเข้าช่วงเช้าตรู่และพักกลางวันใต้ร่มไม้หรืออาคารนิทรรศการ ส่วนฤดูฝน แม้จะพบความเขียวชอุ่มสวยงาม แต่ควรเตรียมอุปกรณ์กันฝนและรองเท้าที่ไม่ลื่น
ตัวอย่างเส้นทางเยี่ยมชมภายใน 1 วัน 08.30 น. ถึงโครงการ ลงทะเบียนและรับแผนที่จุดสาธิต → 09.00 น. ป้ายประวัติและแนวทางพระราชดำริ → 09.30 น. แปลงสาธิตเกษตรผสมผสานและโรงเรือนเพาะชำ → 10.30 น. มุมปุ๋ยอินทรีย์–น้ำหมักชีวภาพ → 11.15 น. พื้นที่จัดการน้ำ/บ่อเลี้ยงปลา → 12.00 น. พักกลางวัน → 13.00 น. นิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง → 14.00 น. เดินชมสวนครัวรั้วกินได้ → 15.00 น. จุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน → 16.00 น. สรุปบทเรียนและแนวทางนำไปใช้ → 16.30 น. เดินทางกลับ
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการนำแนวทางไปปรับใช้ ผู้เข้าชมจำนวนไม่น้อยตั้งใจมาเพื่อรวบรวมแนวทางกลับไปใช้ที่บ้าน/ที่ดินของตนเอง ข้อแนะนำเบื้องต้น ได้แก่ (1) เริ่มจากสิ่งที่มี ไม่กังวลเรื่องพื้นที่เล็ก/ใหญ่ก่อน (2) สำรวจดิน น้ำ แดด และทิศทางลมในพื้นที่ เพื่อเลือกชนิดพืชและการจัดวางที่เหมาะสม (3) เริ่มด้วยระบบน้ำที่เรียบง่ายและซ่อมบำรุงได้ด้วยตัวเอง (4) วางแผนพืช 3 ระยะ (เร็ว–กลาง–ยาว) เพื่อให้มีอาหารและรายได้ต่อเนื่อง (5) เน้นปุ๋ยอินทรีย์–คลุมดิน และปลูกพืชบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอ (6) รวมกลุ่มเล็ก ๆ กับเพื่อนบ้าน เพื่อแบ่งปันเมล็ดพันธุ์และองค์ความรู้
การเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง หลังจากใช้เวลาศึกษาใน “สวนของพ่อ” แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเติมเต็มประสบการณ์ด้วยการเยี่ยมชมสถานที่ใกล้เคียง เช่น อุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งเหมาะกับการเดินป่าสั้น ๆ ชมน้ำตกและผีเสื้อในฤดูกาล หรือแวะพักที่อ่างเก็บน้ำท่ากระบากเพื่อรับลมเย็นริมอ่างและทดลองกิจกรรมนันทนาการเบา ๆ การจัดเส้นทาง “เรียนรู้–พักผ่อน” ลักษณะนี้ช่วยให้การเดินทางสั้น ๆ ในสระแก้วมีความครบถ้วนทั้งสาระและความรื่นรมย์
สรุปคุณค่าเชิงสาธารณะ “สวนของพ่อ จังหวัดสระแก้ว” เป็นกรณีตัวอย่างของการพัฒนาที่เริ่มจากพื้นฐานชีวิตจริงของผู้คน ใช้ความรู้เรียบง่ายแต่มีระบบ อยู่บนหลักการพอเพียงและความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงสวยงามในเชิงภูมิทัศน์ หากยังสวยงามในเชิงความคิด เพราะแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเกิดขึ้นได้เมื่อเรา “เข้าใจ–เข้าถึง–พัฒนา” อย่างสม่ำเสมอและอดทน สำหรับผู้มาเยือน การได้เดินท่ามกลางแปลงสาธิต ฟังคำอธิบายสั้น ๆ จากป้ายความรู้ และสังเกตวิถีเรียบง่ายของชุมชน คือบทเรียนมีชีวิตที่จะติดตัวกลับบ้านและต่อยอดได้จริง
การบริหารจัดการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การดูแลและขับเคลื่อนกิจกรรมภายในโครงการเป็นความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐด้านการเกษตร หน่วยงานท้องถิ่น และภาคประชาชน โดยมีบทบาทสำคัญในด้านองค์ความรู้และการสนับสนุนทางวิชาการแก่ชุมชน ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ อาศัยความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลท่าแยก–อำเภอเมืองสระแก้ว และเครือข่ายจิตอาสา
คำแนะนำด้านการสื่อสารล่วงหน้า แม้พื้นที่เปิดทำการทุกวันเวลา 08.00–17.00 น. แต่หากประสงค์เข้าชมเป็นหมู่คณะหรือเข้าร่วมกิจกรรมสาธิตเฉพาะทาง เช่น การทำปุ๋ยอินทรีย์เชิงลึก การเพาะชำพันธุ์พืช หรือการจัดการน้ำ ควรประสานงานล่วงหน้าอย่างน้อย 7–14 วัน เพื่อจัดเจ้าหน้าที่วิทยากร อุปกรณ์สาธิต และเลือกเส้นทางเรียนรู้ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและสภาพอากาศ ทั้งนี้ กำหนดการกิจกรรมอาจปรับตามฤดูกาลและความพร้อมของแปลงสาธิต
แนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนของผู้มาเยือน เพื่อรักษาคุณค่าของพื้นที่และเคารพวิถีชุมชน ขอแนะนำให้ผู้มาเยือนปฏิบัติดังนี้: (1) พกขวดน้ำส่วนตัว และลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง (2) งดสูบบุหรี่ในพื้นที่เพาะปลูกและป่าเชิงเขา (3) เก็บขยะกลับเพื่อลดภาระชุมชน (4) ใช้เสียงในระดับที่เหมาะสม (5) ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และป้ายพื้นที่สาธิตอย่างเคร่งครัด การกระทำเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยให้ “สวนของพ่อ” คงความร่มรื่นและเป็นประโยชน์ต่อผู้คนรุ่นต่อไป
หมายเหตุด้านภาพถ่ายและการบันทึกวิดีโอ ผู้มาเยือนสามารถถ่ายภาพเพื่อการส่วนตัวได้ในพื้นที่สาธารณะตามแนวทางที่กำหนด หากตั้งใจถ่ายทำเชิงพาณิชย์หรือเพื่อการผลิตสื่อ ควรแจ้งหน่วยงานผู้ดูแลล่วงหน้าเพื่อขออนุญาต ทั้งนี้ในการถ่ายภาพควรหลีกเลี่ยงมุมที่รบกวนกิจกรรมการทำงานของเจ้าหน้าที่และชุมชน และควรให้ความเคารพต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่
ความงอกงามของพื้นที่ตัวอย่างเช่น “สวนของพ่อ” เกิดจากการลงแรงเล็ก ๆ ของผู้คนจำนวนมากที่ต่อเนื่องกันยาวนาน ผู้มาเยือนไม่เพียงได้รับความรู้ แต่ยังมีส่วนร่วมในการส่งต่อแรงบันดาลใจ หากเรานำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไปเริ่มต้นที่บ้าน—ด้วยแปลงผักเล็ก ๆ การคัดแยกขยะ การออมวันละเล็กน้อย และการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของตนเอง—เสียงสะท้อนของ “การพัฒนาแบบพอเพียง” จะขยายออกไปสู่ละแวกบ้านและเมืองทั้งเมืองอย่างเงียบงามแต่ทรงพลัง
การเดินทาง โดยรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองสระแก้วไปยังบ้านคลองน้ำเขียวใช้เวลาไม่นาน เส้นทางหลักเป็นถนนลาดยางตลอดสาย มีป้ายบอกทางและจุดสังเกตชัดเจน เมื่อเข้าสู่พื้นที่ตำบลท่าแยก ให้สังเกตป้ายทางไปแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น อ่างเก็บน้ำท่ากระบากและอุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งอยู่ในแนวเส้นทางเดียวกันบางช่วง ผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นเส้นทางสามารถใช้บริการรถรับจ้างท้องถิ่นจากตัวเมือง โดยควรตกลงจุดรับส่งและรอคิวล่วงหน้า ทั้งนี้ ระหว่างทางมีร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมันขนาดกลาง–ใหญ่ สามารถแวะพักได้
พื้นที่เปิดต้อนรับผู้มาเยือนเพื่อการเรียนรู้ตลอดทั้งปีในเวลาราชการของพื้นที่สาธิต โดยมีการปรับรายละเอียดกิจกรรมตามฤดูกาล ทั้งนี้ หากมีการจัดกิจกรรมชุมชนภายในหรือภารกิจบำรุงรักษาแปลงสาธิตบางส่วน เจ้าหน้าที่อาจจัดเส้นทางชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในวันเข้าชม
พื้นที่ส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ด้วยทางเดินลาดชันเล็กน้อย ผู้สูงอายุและผู้ใช้รถเข็นอาจต้องอาศัยผู้ติดตามช่วยดูแลในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณพื้นดินธรรมชาติและริมบ่อ ควรสวมรองเท้าที่กระชับเท้าและยึดเกาะพื้นได้ดี หากฝนตกก่อนหน้า ทางเดินบางช่วงอาจเปียกลื่น จึงควรเพิ่มความระมัดระวัง
สำหรับผู้สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น ผักปลอดสาร เมล็ดพันธุ์ หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปขนาดเล็ก แนะนำให้สอบถามเจ้าหน้าที่ประจำวัน เนื่องจากสินค้าเป็นผลผลิตสดใหม่ตามฤดูกาล ปริมาณอาจแตกต่างกันระหว่างวัน ทั้งนี้ ผู้มาเยือนควรเตรียมถุงหรือภาชนะนำกลับที่ใช้ซ้ำได้ เพื่อลดขยะพลาสติกในพื้นที่
“สวนของพ่อ จังหวัดสระแก้ว” เป็นพื้นที่ที่ทำหน้าที่สองประการอย่างงดงาม คือ เป็นทั้ง “โรงเรียนกลางแจ้งของชีวิต” และ “ที่พักใจของผู้แสวงหาความเรียบง่ายอย่างมีความหมาย” การเดินทางมายังพื้นที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยว หากเป็นการเรียนรู้วิธีคิดที่เปลี่ยนวิธีมองโลกและทรัพยากรในมือเรา ให้ใช้พอดี พอใจ และพอเพียง
| ชื่อสถานที่ | สวนของพ่อ จังหวัดสระแก้ว (โครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท 84 พรรษา) |
| ที่ตั้ง | บ้านคลองน้ำเขียว หมู่ที่ 15 ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว |
| ลักษณะสำคัญ | แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรผสมผสาน พื้นที่สาธิตชุมชน พื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศและนันทนาการ |
| สมัย/ยุค | พัฒนาตามแนวพระราชดำริ รัชกาลที่ 9 |
| หลักฐานสำคัญ | ป้ายข้อมูลแนวพระราชดำริ แปลงสาธิตเกษตรผสมผสาน นิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง เอกสารองค์ความรู้ประจำพื้นที่ |
| ที่มาของชื่อ | ตั้งชื่อตามพระราชจริยวัตรและแนวทางการพัฒนาชีวิตประชาชนของ “พ่อหลวง” รัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย |
| การเดินทาง | จากตัวเมืองสระแก้วมุ่งหน้าไปตำบลท่าแยก เข้าพื้นที่บ้านคลองน้ำเขียว เส้นทางลาดยาง มีจุดสังเกตแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง (แนะนำประสานรถรับจ้างท้องถิ่นหากไม่ใช้รถส่วนตัว) |
| สถานะปัจจุบัน | เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00–17.00 น. (หากเข้าชมแบบหมู่คณะควรประสานล่วงหน้า) |
| หน่วยงานดูแล | หน่วยงานภาครัฐด้านการเกษตรและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกับชุมชนบ้านคลองน้ำเขียว |
| สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง | - อุทยานแห่งชาติปางสีดา — ประมาณ 25–35 กม. - อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก — ประมาณ 15–20 กม. - อ่างเก็บน้ำคลองน้ำเขียว — ระยะใกล้ในพื้นที่ตำบลเดียวกัน (ตามสภาพเส้นทาง) - จุดชมธรรมชาติตามแนวเทือกเขาบรรทัด — ระยะใกล้–กลาง ตามจุดเข้าถึง |
| ร้านอาหารยอดนิยม (ระยะทางโดยประมาณ) | *หมายเหตุ: ระบุเฉพาะระยะทางโดยประมาณ - ร้านอาหารท้องถิ่นในตัวเมืองสระแก้ว — 10–20 กม. - ร้านอาหาร/คาเฟ่แนวธรรมชาติระหว่างทางไปอ่างเก็บน้ำท่ากระบาก — 10–15 กม. - ตลาดชุมชนและร้านอาหารพื้นบ้านตำบลท่าแยก — 5–10 กม. |
| ที่พักยอดนิยม (ระยะทางโดยประมาณ) | *หมายเหตุ: ระบุเฉพาะระยะทางโดยประมาณ - โรงแรม/รีสอร์ตในตัวเมืองสระแก้ว — 10–20 กม. - โฮมสเตย์/ฟาร์มสเตย์ในละแวกตำบลท่าแยก — 5–12 กม. - รีสอร์ตแนวธรรมชาติบนเส้นทางสู่อุทยานแห่งชาติปางสีดา — 20–30 กม. |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: สวนของพ่อ จังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ที่ใด?
ตอบ: ตั้งอยู่ที่บ้านคลองน้ำเขียว หมู่ที่ 15 ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ราบเชิงเขาตามแนวเทือกเขาบรรทัด เหมาะกับกิจกรรมเกษตรผสมผสานและการเรียนรู้กลางแจ้ง
ถาม: เปิดทำการวันใดและเวลาใด?
ตอบ: เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00–17.00 น. หากเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือประสงค์ร่วมกิจกรรมสาธิตเฉพาะทาง แนะนำให้ประสานล่วงหน้าเพื่อจัดตารางและวิทยากร
ถาม: มีกิจกรรมการเรียนรู้อะไรบ้าง?
ตอบ: มีแปลงสาธิตเกษตรผสมผสาน การปลูกพืชผักสวนครัวและไม้ผล การทำปุ๋ยอินทรีย์–น้ำหมักชีวภาพ การจัดการน้ำและดิน นิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง และมุมผลิตภัณฑ์ชุมชน
ถาม: ควรเดินทางมาในช่วงเวลาใดของปี?
ตอบ: แนะนำช่วงปลายฝน–ต้นหนาว (ตุลาคม–ธันวาคม) อากาศสบาย พืชผักเขียวสด แต่สามารถเข้าชมได้ตลอดปี โดยควรเตรียมการแต่งกายและอุปกรณ์ให้เหมาะกับฤดูกาล
ถาม: เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้หรือไม่?
ตอบ: สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองสระแก้วด้วยรถโดยสารหรือรถตู้ จากนั้นต่อรถรับจ้างท้องถิ่นไปยังตำบลท่าแยก–บ้านคลองน้ำเขียว ควรนัดหมายจุดรับ–ส่งล่วงหน้า
ถาม: มีค่าเข้าชมหรือไม่?
ตอบ: พื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้สาธารณะ ไม่ได้จัดเก็บค่าเข้าชมตามปกติ (หากมีการจัดกิจกรรมเชิงลึกหรืออบรมเฉพาะทาง อาจมีค่าใช้จ่ายตามที่หน่วยงานผู้ดูแลกำหนดเป็นกรณี)
ถาม: มีบริการร้านอาหารและห้องน้ำหรือไม่?
ตอบ: มีจุดบริการพื้นฐานในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง แต่ไม่ได้มีรูปแบบศูนย์อาหารขนาดใหญ่ แนะนำให้รับประทานอาหารในตัวเมืองหรือเตรียมอาหารว่างแบบไม่ก่อขยะ และช่วยกันรักษาความสะอาด
ถาม: ควรเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องการเข้าชมแบบครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ?
ตอบ: ควรสวมรองเท้าที่เดินสะดวก พกหมวก/ร่มและน้ำดื่ม ระหว่างเดินชมเลือกเส้นทางที่เป็นพื้นเรียบและหลีกเลี่ยงขอบบ่อ หากจำเป็นให้ใช้รถรับ–ส่งหรือช่วยพยุงในบางช่วงที่พื้นดินชื้นลื่น
แสดงความเห็น
| คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage




หมวดหมู่:
กลุ่ม:
ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์(
แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(
ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(
มหาวิทยาลัย
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
วัด(
สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(
วิถีชีวิต
หมู่บ้าน ชุมชน(
ตลาดท้องถิ่น(
ธรรมชาติ และสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(
ดอย และภูเขา(
เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(
น้ำตก(
ถ้ำ(
ทุ่งดอกไม้(
แม่น้ำลำคลอง(
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(
บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร
แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์(
ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(