Rating: 3.9/5 (9 votes)
วัดศรีบุญเรือง
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
วัดศรีบุญเรือง วัดนี้มีนามเดิมว่า “วัดทำนบ” ตามทะเบียนของกรมศาสนา ต่อมาเรียกว่า“วัดหัวไผ่” มีพระอุโบสถหลังเก่าสร้างด้วยไม้ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.2395 ต่อมาได้ปฏิสังขรณ์เป็นพระอุโบสถปูน ซึ่งอยู่บริเวณศาลาการเปรียญในปัจจุบัน
ต่อมา พ.ศ.2508 ได้เปลี่ยนนามใหม่เป็นทางการว่า “วัดศรีบุญเรือง” อันเนื่องมาจากคณะกรรมการวัดได้ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ (หลังปัจจุบัน) แทนหลังเดิม ตามสำเนาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานวิสุงคามสีมา วัดศรีบุญเรือง ประกาศ ณ วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2508
สำหรับประวัติของวัด ตามหลักฐานปรากฏว่าสร้างเมื่อ พ.ศ.2373 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สืบเนื่องมาจาก พ.ศ.2367 ได้มีข่าวไทยลือไปถึงลาวว่า ไทยวิวาทกับอังกฤษ
ทางอังกฤษจะยกทัพเรือมาตีกรุงเทพฯ เจ้าอนุวงศ์จึงฉวยโอกาสสั่งให้พระโอรส หรือเจ้าราชบุตรโย้ ผู้ครองนครจำปาศักดิ์ ยกทัพไปตีอุบลราชธานี และให้เจ้าอุปราชติสส น้องชายเจ้าราชบุตรโย้ยกมาตีเมืองร้อยเอ็ด ส่วนเจ้าอนุวงศ์ได้ยกทัพจากเวียงจันทร์ลงมาตีเมืองนครราชสีมา ได้ให้เจ้าราชวงศ์เง่าซึ่งเป็นบุตรคนหนึ่งเป็นแม่ทัพที่ 1 ส่วนตนเองกับเจ้าสุทธิโป้ บุตรคนใหญ่ยกทัพหลวงมาตีซ้ำ
ขณะยกทัพเข้ามาตีในเขตไทยนั้น เจ้าอนุวงศ์ได้หลอกลวงเจ้าเมืองรายทางของไทยที่ผ่านมาว่าตนยกทัพมาช่วยไทยที่กรุงเทพฯ เพราะอังกฤษจะยกทัพมาตี บรรดาเจ้าเมืองรายทางหลงเชื่อและให้การสนับสนุนเรื่องเสบียงคลัง บังเอิญขณะนั้นเจ้าพระยาราชสีมา เจ้าเมืองราชสีมากับพระปลัดเมืองไม่อยู่ ไปราชการเมืองที่ขุขันธ์ (ศรีษะเกษ) เจ้าอนุวงศ์จึงยึดเมืองโคราชได้โดยง่ายและตั้งทัพใหญ่อยู่ที่นั่น และให้เจ้าราชวงศ์แม่ทัพที่ 1 ล่วงหน้ายกมาตีสระบุรี ส่วนทางกรุงเทพฯ เมื่อรู้ว่าลาวเป็นกบฏจึงยกมาตั้งที่สระบุรี พระเจ้าอยู่หัวจัดทัพใหญ่เตรียมรับศึกลาวทันที
ในกรุงเทพฯ มีการจัดการป้องกันพระนครอย่างแข็งขัน มีกำลังทหารรายล้อมรอบเมือง ตั้งแต่ทุ่งสามเสนจนถึงทุ่งหัวลำโพง โปรดให้กรมหมื่นพระราชวังบวร (กรมหมื่นศักดิพลเสพ) พระมหาอุปราชยกทัพไปรับเจ้าราชวงศ์ที่สระบุรี เจ้าราชวงศ์ทราบจึงถอยหนีไปตั้งทัพที่โคราช ส่วนเจ้าอนุวงศ์ที่ตั้งทัพอยู่ที่โคราชก็กวาดต้อนผู้คนไทยแถบนั้นออกไปที่เวียงจันทุกวัน
ในระหว่างนั้น คุณหญิงโม ภรรยาพระยาปลัดเมืองนครราชสีมาถูกกวาดต้อนไปอยู่ในขบวนนั้นด้วยได้คิดกลอุบายลวงฝ่ายลาวให้ชะลอกวาดต้อนคนไปลาวช้า ๆ เพื่อจะได้คนมาก ๆ ขณะถูกคุมตัวอยู่ที่ทุ่งสัมริด มีคนไทยเป็นเชลยมากขึ้น โดยเชลยชายถูกจองจำอยู่ คุณหญิงโมจึงวางแผนให้เชลยหญิง มอมเหล้าพวกผู้คุมให้เมามายหลับใหล แล้วปล่อยเชลยชายพากันไล่ตีฆ่าพวกลาวตายเป็นอันมากเกือบ 2,000 คน
ชาวบ้านรู้ข่าวก็มาสมทบรวมกำลังต่อสู้ ครั้นพระยาปลัดเมืองกลับจากราชการก็ลงมาช่วย เมื่อเจ้าอนุวงศ์ทราบข่าวก็ยกทัพไปตีเข้าตีไม่แตก ก็พอดีทัพจากกรุงเทพมหานครยกขึ้นไปช่วย เจ้าอนุวงศ์จึงยกทัพใหญ่ข้ามแม่น้ำโขงไปเวียงจันทร์ โดยมอบให้เจ้าราชวงศ์ไปยึดเมืองหล่มเก่า และเจ้าสุทธิสารไปยึดเมืองภูเขียว คอยต้านไทยที่จะยกไปตีเมืองเวียงจันทร์
ในการยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทร์ในครั้งนี้โปรดให้กรมพระราชวังบวรเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ 2 พร้อมด้วยพระนรินทรราชาและเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรีย) ยกทัพข้ามไปโคราชแล้วเลยไปตีเมืองเวียงจันทร์สายหนึ่ง อีกสายหนึ่งให้กรมหมื่นสุรินทร์เป็นแม่ทัพใหญ่ที่ 2 ยกไปตีลาวที่มายึดอุบลราชธานีและร้อยเอ็ดแล้วไปรวมกับทัพใหญ่ที่เวียงจันทร์โดยมีเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต (สิงห์ สิงห์เสนี) และสมเด็จพระเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์เป็นกองหน้า ส่วนอีกสายหนึ่งให้เจ้าพระยาอภัยภูธรเป็นแม่ทัพน้อยไปตีลาวที่หล่มสัก แล้วมุ่งไปรวมทัพที่เมืองเวียงจันทร์ การปราบกบฏเวียงจันทร์แตก จนจับเจ้าอนุวงศ์ในที่สุดในปี พ.ศ.2371
ด้วยเหตุการณ์ศึกสงครามครั้งนี้ เจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิตได้ยกทัพออกจากกรุงเทพฯ ผ่านมาหยุดพักตรงวัดศรีบุญเรืองในปัจจุบัน ได้ให้ทหารบุกล้างถางพงตั้งค่าย เนื่องจากกรุงเทพฯต้องใช้น้ำดื่มน้ำใช้ จึงให้ขุดสำโหรกเป็นทำนบกั้น เป็นแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ในกองทัพ
เมื่อเดินทัพต่อไปที่ตรงนี้จึงเป็นที่ว่าง ชาวบ้านก็มาจัดเป็นที่ทำกิน เมื่อมาอยู่กันมากๆขึ้นในฐานะชาวพุทธจึงได้นิมนต์พระสงฆ์มาบำเพ็ญกุศลตามฐานะเพื่อความสุขความเจริญ
ต่อมาในปี พ.ศ.2373 หลังจากเสร็จศึกสงคราม จึงสร้างเป็นวัดขึ้นชื่อว่าวัดทำนบ (ชื่อตามทำนบที่กั้นน้ำในคลองแสนแสบ) และชื่อวัดหัวไผ่ตามชนชาวลาวหมู่ใหญ่ที่ตามมากับทัพและตั้งบ้านเรือนอยู่แหลมไผ่หรือหัวไผ่ ซึ่งอยู่ติดกับวัดศรีบุญเรือง เมื่อปี พ.ศ.2508 จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นทางการว่า “วัดศรีบุญเรือง”
เว็ปไซต์ : www.watsriboonrueng.com
โทร : 023752460
หมวดหมู่: สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
กลุ่ม: วัด
ปรับปรุงล่าสุด : 9 ปีที่แล้ว