วันพืชมงคล

 
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรก นาขวัญนี้ จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ปีที่ท้องสนามหลวงใกล้พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร ประเพณีนี้ถือปฏิบัติมาตั้งแต่อดีตกาล โดยมุ่งหวังที่จะให้เป็นสิริมงคลแก่ฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ 
 
ความจริงแล้ว พิธีแรกนาขวัญนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากศาสนาพราหมณ์และถือปฏิบัติกันมาก่อนสมัย พุทธกาลเสียด้วยซ้ำไป ดังจะเห็นได้จากครั้งที่พระองค์ยังทรงเป็นเจ้าชายก็ยังเคยเข้าร่วมพิธีนี้ ส่วนวันและเวลา อันเป็นมงคลสำหรับการประกอบพิธีนั้นก็จะถูกกำหนดขึ้นโดยโหรหลวง ทุกวันนี้แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรม ราชินีนาถ จะทรงเสด็จมาเป็นประธานในพิธีแต่พระมหากษัตริย์ก็ไม่ได้ทรงนำขบวนด้วย พระองค์เอง หากแต่ทรงแต่งตั้งพระยาแรกนาขวัญให้เป็นผู้นำในพิธีแทน 
 
ในระหว่างพิธีอันสวย งามนี้ ก็จะมีการทำนายปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง และแล้วพระยาแรกนาก็จะทำการเลือกผ้า 3 ผืน ที่มีความยาวต่างขนาดกัน ตามชอบใน ผ้าทั้ง 3 ผืน นี้จะดูคล้ายกัน ถ้าพระยาแรกนาเลือกผืนที่ยาวที่สุดก็ทายว่าปริมาณน้ำฝนจะมีน้อย ถ้าเลือกผืนที่สั้นที่สุดก็ทายว่าปีนี้ปริมาณน้ำฝนจะมากและถ้าเลือกผืนที่มี ความยาวขนาดปานกลางทายว่าจะมีปริมาณน้ำฝนพอประมาณ 
 
หลังจากสวมเสื้อผ้า เรียกว่า “ผ้านุ่ง” เรียบร้อยแล้ว พระยาแรกนาก็จะไถลงไปบนพื้นที่ท้องสนามหลวงด้วยพระนังคัลสีแดงและสีทองซึ่ง ลากโดยพระโคผู้สีขาว ตามขบวนด้วยเทพีทั้ง 4 ผู้ซึ่งหาบกระเช้าทองและกระเช้าเงินที่บรรจุด้วยเมล็ดข้าวเปลือก นอกจากนี้ก็ยังมีคณะพราหมณ์เดินคู่ไปกับขบวนพร้อมทั้งสวดและเป่าสังข์ไป พร้อมๆ กัน 
 
เมื่อเสร็จจากการไถ แล้ว พระโคก็จะได้รับการป้อนพระกระยาหารและเครื่องดื่ม 7 ชนิด คือ เมล็ดข้าว ถั่ว ข้าวโพด หญ้า เมล็ดงา น้ำ และเหล้า ไม่ว่าพระโคจะเลือกกินหรือดื่มสิ่งใด ก็ทายว่าปีนั้นจะอุดมสมบูรณ์ด้วยสิ่งที่พระโคเลือกนั้น 
 
หลังจากพิธีจบลง ฝูงชนก็จะกรูเข้าไปแย่งเมล็ดข้าวที่หว่านโดยพระยาแรกนา เพราะว่าเมล็ดข้าวนี้ถือว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความเป็นสิริมงคลแก่ ผู้ที่มีไว้ในครอบครองชาวนาก็จะใช้เมล็ดข้าวนี้ผสมกับเมล็ดข้าวของตนเพื่อ ให้พืชผลในปีที่จะมาถึงนี้อุดมสมบูรณ์